คอลัมน์ในอดีต

ตอนที่ 41 เมตตา (3)

๔๑.เมตตา ๓

ราชาวดีเฝ้าแต่ชะเง้อมองไปตามทิศทางที่พระนิรันตระเคยเดินออกจากป่ามาบิณฑบาต“ยายจ๋า วันนี้วันพระทำไมหลวงตาไม่เห็นมาบิณฑบาต มีแต่พระองค์อื่นๆล่ะจ๊ะยาย” ราชาวดีเอ่ยถามยายเอม  ยายรับว่า

 “นั่นน่ะซิ  งั้นเราเตรียมอาหารเพลไปถวายพระคุณเจ้ากัน หรืออาจจะเจ็บป่วยเดี๋ยวยายเตรียมยาที่เราซื้อมาจากฝั่งกระโน้นติดไปด้วย”

“ดีใจจัง”

ราชาวดีเดินเข้ามาโอบหลังยายเอมด้วยประจบเพราะดีใจจะได้เข้าป่า  ยายเอมบ่นว่า

 “ไปๆยายชักเป็นห่วงพระคุณเจ้าแล้ว”

 “จ้ะยาย เดี๋ยววดีจะรีบเตรียมข้าวของ อาหารเพลเอาง่ายๆ วดีไปเก็บผักบุ้งข้างรั้วมาผัด และทำอะไรอีกสักอย่าง ส่วนขนมยายว่าทำอะไรดีจ๊ะยาย”

“เอาผลไม้ไปดีกว่า แตงโมที่ปลูกไว้น่าจะสุกพอดี เดี๋ยวยายไปดูเอง”

 “ดีเลยจ้ะยาย จะได้ไม่เสียเวลา”

ราชาวดีรู้สึกใจอิ่มเอมขึ้นมาทันทีที่จะได้กลับไปยังถิ่นที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจึง

อยากเข้าป่าไปแทบทุกครั้งที่หลับตา ราชาวดีไม่ลืมที่จะเก็บดอกมะลิข้างรั้วเพื่อเอาไปลอยน้ำให้หลวงตาดื่ม  เวลาไม่นานนักสองยายหลานก็เตรียมของเสร็จสรรพพร้อมออกเดินทาง

“ไปกันเถอะวดี จะได้ไม่รีบร้อนมากค่อย ๆเดินกันไปเรื่อย ๆ”

 “จ้ะยายวดีพร้อมแล้ว”

 ระหว่างทางที่เดิน ราชาวดีมองเห็นเหล่าผีเสื้อสีสวยบินว่อนเป็นกลุ่มๆ เธอเผยอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

“ยายๆดูนั่น ทำไมช่างสวยงามเสียเหลือเกิน ผีเสื้อหลากสี งดงามปานสวรรค์เลย ดอกไม้

ที่พวกผีเสื้อกำลังตอมว่อนอยู่ เขาเรียกดอกอะไรจ๊ะยาย”

“ดอกแก้วลูก”

  “สวยจ้ะยาย หอมด้วยนะจ๊ะยาย”

 “ดอกไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สวยงามเสมอล่ะลูก”

 ราชาวดีเดินเงียบ  ในใจคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย  แต่จู่  ๆก็หยุดเดินหันมาถามว่า

 “ยายจ๋า หลวงตาจะเป็นอะไรรึเปล่า แล้วเราไม่ได้จุดธูปอย่างที่หลวงตาบอกเอาไว้ หลวงตาจะว่าไหม”

คำถามราชาวดีมากมายจนยายอดหัวเราะไม่ได้

“วดีถามยายซะมากมาย ก็มาด้วยกันยายตอบหนูไม่ได้สักข้อ เดี๋ยวก็รู้เอง แต่พระคุณเจ้าบอกแล้วว่าไปไหนไม่ไกลหรอก นอกจากออกไปเก็บผลไม้เพื่อมาฉัน อย่างนั้นก็อย่าช้ามัวชมธรรมชาติรีบเดินกันเถอะจะได้ทันพระคุณเจ้า ท่านคงไม่ทราบว่าเรามาดอกเพราะไม่ได้จุดธูปบอก”

 “จ้ะยาย”

…ในใจของราชาวดีอดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่เจอหลวงตาจะทำยังไง เพราะมีคำถามอยากถาม

หลวงตาอีกมากมาย  ความผูกพันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 คิดอะไรเพลินๆ…เสียงยายเอมก็ดังขึ้น

“นั่นไงเห็นกลดที่พักพระคุณเจ้าแล้ว”

 ราชาวดีแทบกระโดดด้วยความดีใจ

“จริงๆด้วย ขอให้หลวงตาอยู่ด้วยเถิด สาธุ สาธุ”

กลิ่นดอกราชาวดีส่งกลิ่นหอมมาตามลมหอมอ่อนโยนในเวลานี้ ราชาวดีสูดเข้าปอดอย่างอิ่มเอมหัวใจ

“ยายจ๋าวดีขออนุญาตไปป่าเก็บดอกราชาวดีถวายหลวงตาก่อนนะยาย”

ยายเอมเห็นหลานสาวมีความสุขก็พลอยสุขใจไปด้วย

“ได้ซิลูกงั้นยายไปที่กลดพระคุณเจ้าก่อนนะ”

ราชาวดีกำลังเพลิดเพลินกับการเก็บดอกราชาวดี และยังฮัมเพลง….ด้วยความอิ่มเอมหัวใจอย่างเป็นที่สุด แต่ยายเอมเดินไปถึงกลดที่ปักอยู่บนพื้นดินแล้ว  ราชาวดีเดินมาอีกทางร้องเสียงดังอย่างตื่นเต้น

“หลวงตาๆ หลวงตาจริงๆด้วย”

พระนิรันตระ ซึ่งหลับตากรรมฐานอยู่ใต้ต้นราชาวดี ต้องค่อยๆลืมตาขึ้น เพราะเสียงของสาวน้อยราชาวดี

“ขอโทษเจ้าค่ะหลวงตา ที่เสียงของวดีทำให้หลวงตาต้อง…..ขอโทษ ขอโทษเจ้าค่ะ วดีไม่ตั้งใจแต่ดีใจเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกโยม อาตมากำลังจะถอนสมาธิพอดี ใกล้จะเพลแล้ว”

“ดีใจจังที่หลวงตาอยู่ วดีกลัวหลวงตาไม่อยู่ ไม่ได้จุดธูปบอกหลวงตา ยายอยู่ที่กลด วดีกำลังจะเก็บดอกไม้ไปถวายหลวงตาอยู่พอดี โห…หลวงตานั่งสมาธิตรงนี้ วดีอยากนั่งสมาธิเป็นอย่างหลวงตา คงมีความสุขดีนะเจ้าคะ”

“ไม่ยากหรอกโยมไว้อาตมาจะสอนให้ งั้นอาตมาจะไปที่กลดก่อนล่ะกัน ระวังงูเงี้ยวด้วยล่ะโยม”

“มีด้วยเหรอหลวงตา”

สาวน้อย เบิกตากว้าง

“เปล่าหรอกโยม เตือนไว้ให้ระวังเท่านั้น ต้องไม่ประมาท”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

พระนิรันตระเดินจากไป ราชาวดียังคงเพลิดเพลินอยู่กับกลิ่นหอมชื่นใจของเจ้าดอกราชาวดี…เจ้านางจันทร์ฉาย เด็กน้อยหัวจุกสองคนทั้งชายหญิง เสียงยังก้องอยู่ในโสตของราชาวดี……ภาพซ้ำไปซ้ำมาอย่างทุกครั้ง ราชาวดีนั่งลงพิงต้นราชาวดีที่พระนิรันตระพึ่งลุกจากไป รู้สึกง่วงขึ้นมาจับใจแล้วราชาวดี…ก็หลับไปในที่สุด

ยายเอมนั่งรออยู่หน้ากลดก้มลงกราบอย่างนอบน้อมเมื่อพระนิรันตระเดินมาถึง

“กราบนมัสการพระคุณเจ้า อิฉันกับวดีนำอาหารเพลมาถวาย เห็นว่าวันนี้วันพระไม่เห็นพระคุณเจ้าออกไปบิณฑบาต”

“วันนี้นึกอยากนั่งกรรมฐานก็เลยออกไปตรงป่าราชาวดี ตั้งแต่รุ่งเช้ามารู้สึกอีกทีตอนหลานยายร้องเรียกนั่นแหละ”

“อ้าว พระคุณเจ้าเจอกับวดีแล้วเหรอเจ้าคะ”

“เจอกันแล้วตรงชายป่าราชาวดีโน่นน่ะ ป่านนี้หลับใต้ต้นไม้ไปแล้ว”

กล่าวพลางอมยิ้มเหมือนหยั่งรู้อะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับสาวน้อยราชาวดี

“งั้นอิฉันไปเรียกมาถวายเพลก่อน”

“ปล่อยเขาเถอะ เขากำลังมีความสุข ยายถวายคนเดียวก็ได้”

“เอาอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ?”

พระนิรันตระบอกว่า

“ได้สิโยม จิตเขาผูกพันอยู่กับที่นั่น ปล่อยเขาเถอะไม่มีอะไรอันตราย”

“งั้นอิฉันขอถวายอาหารเพลเลยนะเจ้าคะ”

ยายเอมนั่งพับเพียบพนมมือกล่าวคำถวาย

“ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ”

พระนิรันตระพนมมือ

“ขอให้ทุกชีวิตที่ต้องทุกข์ยากลำบากในการนำอาหารมาให้อาตมา จงปราศจากความ

ทุกข์ ขอให้ชีวิตเหล่านั้นจงเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา”

ในขณะที่พระนิรันตระกำลังจะฉันอาหารเพล ยายเอมก็เอ่ยขึ้นว่า

“พระคุณเจ้าเจ้าคะ อิฉันขอไปตามวดีก่อนนะเจ้าคะ”

“ไม่ต้องหรอกยาย ให้เขาอยู่ในที่ของเขาสักพักเดี๋ยวฉันเสร็จแล้วอาตมาจะพาเดินไปที่ป่า

ใกล้ๆนี่เอง”

“เจ้าค่ะ แล้วแต่พระคุณเจ้าจะโปรด”

                        ………………………………………

ราชาวดี หลับไปมือหนึ่งยังกำดอกราชาวดีที่เก็บมาเพื่อถวายพระนิรันตระ…….

เสียงสายลมแผ่ว

แว่วมาแต่ไกล

อย่าจากฉันไป

ดวงใจเจ้าเอ๋ย….

ราชาวดี ราชวดี ราชาวดี

มณีจันทรฉาย