ตอนที่ 37 ลั่นทม (2)
๓๗.ลั่นทม ๒
กลับจากบ้านป้าแช่มมาถึงบ้าน ราชาวดีก็ตระเตรียมตัวเพื่อจะสวดมนต์ไว้พระคืนนี้พร้อมกับยายเอม คืนวันโกนข้ามคืนจนถึงวันพระ
“ยายจ๋า วดีอยากสวดมนต์ไหว้พระกลางแสงจันทร์คืนนี้ตรงนอกชาน เพื่อจะได้นั่งสมาธิแผ่เมตตากลางแสงจันทร์จนข้ามคืน พระจันทร์คืนนี้ต้องสวยงามเต็มดวง วดีขออนุญาตนำอ่างแก้วที่ลอยดอกลั่นทมถวายพระแก้วมรกต นำมาวางกลางนอกชานที่เราจะสวดมนต์นะจ๊ะยาย”
“ได้ลูก หนูเปิดตู้เอาหมวกไหมพรมสีขาวที่แม่หนูเคยถักเอาไว้ออกมาสัก ๒ ใบ จะได้ใส่ป้องกันน้ำค้างในยามดึก งั้นเดี๋ยวยายไปหยิบสาดสำหรับปูนั่งสวดมนต์แล้วกัน”
“จ้ะยาย”
แสงพระจันทร์สาดส่องมายังชานบ้านเรือนไทยของยายเอมในยามนี้เพิ่มความงามมากขึ้น เงาของบ้านเรือนไทยริมหนองน้ำในยามนี้กลมกลืนเป็นธรรมชาติลงตัวอย่างกับจัดสรรมาเลยทีเดียว
ราชาวดี กราบ ๓ ครั้งที่หน้าหิ้งพระที่ประดิษฐานขององค์พระแก้วมรกตกับพระบางที่ยายนำมาจากฝั่งกระโน้นพร้อมกับยกอ่างแก้วที่ลอยดอกลั่นทมที่เธอถวายเมื่อตอนหัวค่ำขึ้นเหนือศีรษะ แล้วนำอ่างแก้วมาวางกลางชานบ้าน พร้อมกระถางธูปเทียนพร้อมสรรพ
ยายเอม จุดเทียนผึ้งแท้ ตั้งลงบนฐานเทียน ซ้าย-ขวา แล้วจุดธูปหอม ๑๙ ดอก ยกขึ้นเหนือศีรษะให้ราชาวดีกล่าวตาม
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ พระพุทธโธ พระธรรมโม พระสังโฆ พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เทพยาดาฟ้าดิน ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ๑๔ ชั้นบาดาล เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ พระพุทธโธ พระธรรมโม พระสังโฆ พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เทพยาดาฟ้าดิน ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ๑๔ ชั้นบาดาล เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ พระพุทธโธ พระธรรมโม พระสังโฆ พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เทพยาดาฟ้าดิน ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ๑๔ ชั้นบาดาล เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า
อุกาสะ อุกาสะ ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา รูปนามและชีวิตพร้อมไปด้วยการปฏิบัติภายในและภายนอก ขอบูชาแด่พระโพธิญาณ พระพุทธธัง พระธรรมมัง พระสังฆัง ขอแม่พระธรณีจงมาเป็นทิพญาณด้วยเถอะนะเจ้าข้า นิพานปัชโญโหตุ
อิติสุคโต อะหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง
อิติสุคโต อะหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง
อิติสุคโต อะหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง”
แล้วก้มลงกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์พร้อมกันทั้งยายหลาน ยายสอนว่า
“วดีเอาเท้าขวาทับเท้าซ้าย แล้วกำหนดลมหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ยิ้มกับตัวเราเองนะลูก พระจันทร์กำลังจะเต็มดวงเรามานั่งสมาธิ แผ่เมตตากันจนข้ามคืนเลยนะลูก”
“จ้ะยาย”
ราชาวดีมองเห็นดอกลั่นทมไหวไปมาตามลม แสงจันทร์ที่สาดส่องมายังอ่างแก้วสะท้อนให้เห็นเงาน้ำช่างเหมือนในความฝันที่ราชาวดีฝันเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นึกอธิษฐานในใจ…………สรรพสัตว์ทั้งหลายรับบุญเท่าๆกันกับวดีนะจ๊ะ แล้วราชาวดีก็ค่อยๆหลับตาลง หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ตามยายเอมบอก…
ยามนี้มีแต่สายลมพัดแผ่ว ธูป เทียนผึ้งแท้เปล่งประกายแวววับแข่งกับแสงจันทร์นวลผ่อง ซึ่งกำลังจะข้ามก้าวถึงเช้าของวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ
…ภาพนิมิตก็บังเกิด…เด็กชาย-หญิงหัวจุก กำลังวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ๆวัยซุกซนอยู่รอบ ๆสวนดอกไม้ ผู้เป็นมารดาแต่งกายงดงามสีเขียวมรกตกำลังบรรจงตัดช่อราชาวดี ที่ส่งกลิ่นหอมระรินเมื่อสายลมพัดอ่อนลงตะกร้าหวายใบย่อมใบนั้น หูแว่วได้ยินเสียงใส…………. ไปๆลูกๆไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระสุกกัน สิ้นเสียงเรียกผู้เป็นมารดา เด็กน้อยทั้งสองจับมือกันแน่นวิ่งตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ ถึงหน้าองค์พระสุกมองเห็นแจกันเงินแจกันทองตั้งตระหง่านส่งแสงแวบวับ ผู้เป็นมารดากำลังจัดดอกราชาวดีช่องามลงในแจกัน
สามแม่ลูกก้มลงกราบพร้อมกัน ผู้เป็นมารดานำสวด
“อิมินา สักาเรนะ สุกัง นามะ พุทธรูปัง อภิปูชะยามิ ตะมะหัง สุกะพุทธะรูปัง สิระสา นะมามิ ตัสสานุภาเวนะ นิหาลาโภ โหมิ สุขิโต โหมิ อะโรโค โหมิ สัพพะสัมปัตติ สัทธิโย โหนตุ จะ มะมะ สัพะทา”
เสียงมโหรีดังแว่วมาแต่ไกล ไพเราะจับใจ ดอกลั่นทมลอยบนอ่างแก้วไหวไปมา แสงเทียนแวววับ หาดทราย ศาลายายปลายน้ำโขง ก้อนหินเรียงรายเป็นเนินสูง แสงตะวันค่อยๆทอดยาว ฉายให้เห็นบ้านเรือนไทยหลังเก่า ในยามรุ่งอรุณ…
“วดี ถอนสมาธิได้แล้วลูก”
…ถึงกับสะดุ้งสุดตัว..ปากเอ่ยเรียก แม่นางจันทร์ฉาย
มณีจันทร์ฉาย