ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน – วิญญู กู่กิจวัฒนา
“ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
วิญญู กู่กิจวัฒนา (ยู้)
La’ Bonne
ในฉบับปลายเดือนมีนาคมนี้ ทางหนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์สาวสวยคนเก่งมากความสามารถ คุณยู้ (วิญญู กู่กิจวัฒนา) ซึ่งหลายๆ ท่านอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับสาวสวยคนนี้ ผ่านทางสื่อต่างๆมาบ้าง ในฉบับนี้จะมานำเสนอมุมของความเป็น “เวิ้คกิ้งเกิร์ล” ของเธอกัน…
ในสมัยเรียนคุณยู้เลือกที่จะศึกษาในระดับปริญญาตรีพร้อมกันถึงสองสถาบันในเวลาเดียวกัน เพื่อจะได้มีความรู้ที่หลากหลายด้าน และค้นหาสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันและชื่นชอบ เมื่อได้รับปริญญาตรีใบแรกเธอเริ่มก้าวเข้าสู่งานในด้านการประชาสัมพันธ์ การติดต่อสื่อสาร โดยใช้ความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนมาเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก่อนจะเข้าการประกวดมิสคลีโอ และเธอได้รับตำแหน่งสาวหน้าสวยมาครอง และต่อมาก็ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานจากการประกวดนางนพมาส ของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และอีกหลายเวที จุดนี้เองทำให้ได้เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งเป็นอาชีพที่สาวหลายๆ คนใฝ่ฝัน…
เมื่อก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง เริ่มจากการเป็นนักแสดงทั้งผลงานทางด้านโฆษณา มิวสิควีดีโอ และอื่นๆ ทำให้ได้รู้ถึงขบวนการและขั้นตอนการทำงานในหลากหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง “ทุกหน้าที่ล้วนมีความสำคัญและเชื่อมโยงกันหมด จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้ เพราะถ้าขาดอะไรไปก็จะทำให้ผลงานนั้นๆ ออกมาไม่สมบูรณ์ ทำให้ตัวยู้เองเข้าใจระบบในการทำงานของวงการมากยิ่งขึ้น” คุณยู้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากทำงานในวงการบันเทิงได้ 6 ปี คุณยู้ก็ตัดสินใจเบนเข็มตนเองมาสู่อาชีพด้านการให้บริการบ้าง เริ่มต้นด้วยการเป็นพนักงานต้อนรับ ของสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เธอได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มบิน รายละเอียดทุกอย่างบนเครื่องต้องรู้และจดจำได้ทั้งหมด ผู้โดยสารถามอะไรก็ต้องให้คำตอบได้ และเมื่อเริ่มงานก็ทำให้เธอรู้สึกชื่นชอบกับงานนี้ขึ้นมาทันที
อาชีพแอร์โฮสเตส เปิดโอกาสให้ได้ท่องเที่ยวไปหลายประเทศทั่วโลก ในสมัยวัยเด็กคุณยู้ได้พูดกับ “คุณพ่อ” อยู่เสมอว่า อยากไปเที่ยวที่โน่น ที่นี่ ที่นั้น แต่คำตอบที่ได้มาจากท่านก็คือ “ถ้าอยากไปไหนก็เก็บเงินไปเอง” และนี่คือสิ่งที่เธอสามารถทำตามความใฝ่ฝันได้ในระดับหนึ่ง และการได้ไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ทำให้ได้ชิมอาหารรสชาติที่หลากหลายรวมไปถึง กาแฟหลากรส แล้วสิ่งนี้ทำให้รู้สึกชื่นชอบจนถึงขนาดต้องเอากลับมานอนคิดนั่งคิดถึงธุรกิจด้านอาหารกันเลยทีเดียว
หลายปีต่อมา คุณยู้ตัดสินใจออกมาร่วมทำธุรกิจด้านเบเกอรี่กับเพื่อนๆ โดยเริ่มจากการหาพื้นที่ย่านใจกลางเมือง ปรับปรุงสถานที่ให้พร้อม แล้วเริ่มลงมือทันที แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่เป็นไปอย่างที่คาดคิด ต้นทุนที่ต้องแบกรับในแต่ละเดือน ทั้งค่าเช่าและพนักงาน ถึงแม้ว่าเค้ก และเบเกอรี่ต่างๆ จะมีรสชาติอร่อยแค่ไหน แต่ถ้าขายไม่ได้ ธุรกิจก็ไปไม่รอด ในที่สุดก็ตัดสินใจปิดกิจการ….
เมื่อคิดทบทวนไปมาอีกหลายรอบ และได้รับกำลังใจจากคนในครอบครัว คุณยู้ยังคงก้าวเดินต่อไปในสิ่งที่หวังไว้โดยการนำเค้กรสชาติต่างๆ ไปให้ร้านชื่อดังหลายแห่งได้ชิม จนในที่สุดก็เริ่มมียอดออร์เดอร์จากร้านต่างๆ เข้ามา ด้วยความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเค้กสไตล์ฝรั่งเศส ที่สรรสร้างด้วยเชฟจากประเทศญี่ปุ่น ปรับสูตรออกมาเข้ากันได้เป็นอย่างดี จนลูกค้าติดใจในรสชาติ
คุณยู้ยังเล่าด้วยว่า “ทางร้านเคยไปออกบูธที่สยามพารากอนเป็นเวลาสองสัปดาห์ มีลูกค้าท่านหนึ่งที่เคยซื้อเค้กไปรับประทาน แล้วอยากกลับมาซื้ออีกแต่บูธที่จัดได้เลิกไปแล้ว จึงได้นำรูปเค้กที่ถ่ายไว้ไปโพสต์ในอินเตอร์เน็ต เพื่อตามหาร้านเรา โดยรูปเค้กที่ใช้ในการโพสต์นั้นเป็นแค่เค้กเปล่าๆ ในจานสีขาว แต่ก็มีผู้มาตอบในโพสต์นั้นว่าเค้กชิ้นนี้มาจากร้านเราเป็นสิ่งที่รู้สึกดีมากๆ เลย… มีคนรู้จักแม้ไม่มีโลโก้ หรือสัญลักษณ์อะไรเลยก็ตาม”
เมื่องานเบเกอรี่เริ่มลงตัวจึงได้ปรึกษากับคุณพ่อว่า อยากมีหน้าร้านหรือร้านกาแฟเล็กๆ เพื่อให้ผู้ชื่นชอบในรสชาติเค้กของเราได้มาชิม พร้อมกับได้นั่งเล่นผ่อนคลายไปในตัว คุณป๋าจึงบอกให้กลับมาอยู่ในที่ของเราจะได้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนมาก และกลับมาเรียนรู้งานกิจการของครอบครัวไปด้วย
และเมื่อได้เริ่มเปิดร้านอีกครั้ง ทำให้คุณยู้เข้าใจความคิดในการบริหารจัดการคนของคุณพ่อมากขึ้น ในสมัยก่อนเวลาพนักงานทำผิดบ้าง ขาดงานบ้าง และอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่างทำไมคุณป๋าจึงใจดี ไม่ดุ หรือไล่ออก แต่กลับพูดดีกับพนักงาน จนในที่สุดก็รู้ถึงเหตุผลนั้น
“การทำธุรกิจ เจ้าของกิจการต้องพึ่งพนักงาน และต้องร่วมด้วยช่วยกัน พนักงานก็เหมือนฟันเฟืองตัวเล็กๆ ที่คอยขับเคลื่อนธุรกิจ เมื่อขาดเฟืองตัวนั้นไปธุรกิจก็อาจไม่ราบรื่นขึ้นมา ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกันค่ะ”