เวทีแข่งขัน ห้องเรียนเสมือนจริง
เวทีแข่งขัน ห้องเรียนเสมือนจริง สู่การเป็นนักกอล์ฟอาชีพ
“ทดสอบความสามารถที่มีอยู่ ทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจ ทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย เรียนรู้ข้อบกพร่องที่เป็นจุดอ่อน สะสมประสบการณ์ต่างๆที่ได้พบเห็น เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุง สร้างเสริมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นั่นคือ คำนิยามของ ห้องเรียนเสมือนจริง”
ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม พ.ศ.2563 สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ได้จัดการแข่งขัน ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นับเป็นปีที่ 86 ที่จัดต่อเนื่องกันมาโดยใช้ชื่อรายการว่า 86th SINGHA THAILAND AMATEUR OPEN 2020 ณ สนามปัญญา อินทรา กอล์ฟ คลับ 1 ปี มีครั้งเดียว ปกติทุกปีจะมีต่างชาติมาร่วมแข่งขันด้วย แต่ปีนี้ติดสถานะการณ์โควิด-19 นักกีฬาต่างชาติจึงไม่สามารถมาเข้าร่วมได้ เป็นการจัดการแข่งขัน 4 วัน
รายการนี้เป็นจุดรวมของนักกีฬาดังๆที่ยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่นชาย หญิง ทั้งที่เป็นทีมชาติ และคนที่ยังไม่ได้เป็น ที่มีอายุครบ 13 ปีขึ้นไป รับจำนวนจำกัด
จากการที่ได้มีโอกาสไปติดตามดูนักกีฬาที่”มูลนิธิกอล์ฟไทยสู่กอล์ฟโลก” ดูแลทั้ง 4 วัน อย่างใกล้ชิด ทำให้ได้พบเห็นว่าน้องๆนักกีฬาเยาวชนที่เป็นสมัครเล่นของเราทั้งหญิงชาย เก่งๆ มีความสามารถ มีศักยภาพกันมาก มีอนาคตที่สดใสกันแน่ถ้าเดินทางในเส้นทางของอาชีพ โดยเฉพาะนักกีฬาหญิง มีศักยภาพมาก ถ้ามีการสนับสนุนที่ดีพอ
การจัดการแข่งขันมีมาตรฐาน สนามสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายไม่ร้อนมาก พ่อแม่ ผู้ฝึกสอนสามารถเดินตามดูเชียร์กันอย่างมีความสุข นักกีฬาที่ชนะและรองๆลงมาทั้งชายและหญิง สามารถตีอันเดอร์สนามกันได้ทุกคน ทั้งที่ผู้จัดการแข่งขันได้เซ็ตสนามไว้ค่อนข้างยากโดยเฉพาะบนกรีน ถ้าได้เข้าไปดูผลการเล่นของแต่ละคน แต่ละหลุมจะเห็นได้ว่า มีความสามารถทำเบอร์ดี้กันได้จำนวนมากในแต่ละวัน แต่ก็มีเสียกับบางหลุมที่เข้าผิดเหลี่ยมผิดมุม
ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะและที่ทำผลงานได้ดีทุกๆคน และเอาใจช่วยน้องๆคนอื่นๆที่ยังทำผลงานไม่ได้ตามที่ต้องการ ให้สู้กันไปครับ ยังมีเวลาที่จะพัฒนากันต่อ
นักกีฬาในสังกัด”มูลนิธิกอล์ฟไทยสู่กอล์ฟโลก” ได้เข้าร่วมสองคน คือ เด็กหญิงอุษณี อุดคำเที่ยง (น้องวิว) อายุ 14 ปี และ เด็กหญิงชลชีวา วงษรัศม์ (อาโป) อายุ 13ปี
ผลการเล่นของนักกีฬาทั้งสองคนน้องวิว จบที่ 22 จาก 36 คน สกอร์ +16(+6,+4,+5,+1) 4 วัน ทำได้ 7 เบอร์ดี้ ส่วนของอาโป จบที่ 10 สกอร์ +5(E,+6,-1,E) ทำได้ 16 เบอร์ดี้
ในครั้งนี้ไม่ได้ติดตามดูน้องวิวอย่างต่อเนื่อง เพราะตัดสินใจดูอาโปอย่างต่อเนื่องจริงจัง ไม่อยากจะพลาดเลยสักช็อต เพื่อเป็นการบ้านที่จะนำมาพัฒนาต่อ ได้ดูน้องวิวบ้างแค่วันแรกที่ทั้งสองออกตามกัน ซึ่งน้องวิวยังตีไม่ไกลพอตามเกณฑ์มาตรฐาน ทำให้ต้องขึ้นกรีนด้วยเหล็กยาว ทำให้ไม่แม่นยำพอที่จะทำเบอร์ดี้ ประกอบกับการเล่นลูกสั้นข้างกรีนไม่เฉียบคมพอทำให้เสียสกอร์ง่าย ซึ่งต้องสร้างเทคนิคกันอีกพอสมควร
ส่วนของน้องอาโปนั้น ถึงแม้อายุยังน้อยแค่ 13 กว่า แต่เป็นนักกีฬาที่มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาไปถึงขีดสุดได้ เนื่องจากมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการได้ฝึกเรื่องจิตวิทยาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ 8 ขวบ มีสภาพร่างกายที่แข็งแรง ทนทานกับการเล่น 4 วัน จากการฝึกความแข็งแรง ความยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง และมีเทคนิคของวงสวิงที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเพราะอยู่ในความดูแลของผู้ฝึกสอนอย่างต่อเนื่อง
ผลงานของอาโปตอนนี้ ถ้าเปรียบเหมือนกระบวยตักน้ำแล้ว ถือว่ามีคุณภาพ มีความสวยงาม น่ามอง ถูกออกแบบมาให้สามารถตักน้ำขึ้นมาได้ทีละมากๆ นั่นคือ การเล่น 4 วัน ทำได้ 16 เบอร์ดี้ แต่ระหว่างทางที่จะเอาน้ำใส่ตุ่ม ยังมีรอยรั่วของกระบวยอยู่ ทำให้ระหว่างทางไม่มีน้ำเหลือมาเทใส่ในตุ่ม แถมมีโคลนตมติดตามมาลงตุ่มอีกด้วย
มาดูสถิติที่น่าสนใจที่เก็บบันทึกไว้
– เริ่มที่สปีดหัวไม้ไดร์ฟเวอร์ วัดโดยเครื่องTracman วันแรก 95.7 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนวันที่ สาม วัดได้ 101.8 ถือว่าเป็นสถิติมาตรฐานของนักกอล์ฟอาชีพสตรี ที่ระยะไดร์ฟเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 240-250 หลาซึ่งแน่นอนว่าอนาคตเธอต้องมากกว่านี้ กับความแข็งแรงที่จะเพิ่มมากขึ้น กับเทคนิคที่ต้องสร้างให้ดีขึ้น
– จำนวนที่ตีอยู่แฟร์เวย์ วันแรก 11 จาก 14 วันที่สอง 11 จาก 14 วันที่สาม 14 จาก 14 และวันที่สี่ 13 จาก 14 รวม 4 วัน คิดเป็น 87.5 เปอร์เซนต์
– จำนวนตีออนกรีน วันแรก 12 จาก 18 วันที่สอง 11 จาก 18 วันที่สาม 12 จาก 18 วันที่สี่ 15 จาก 18 คิดเป็น 69.40 เปอร์เซนต์
– จำนวนอัพแอนด์ดาวน์(ตีไม่ออนแต่จบด้วยพาร์ หรือ เล่นลูกสั้นแล้วไปพัตต์เดียว) วันแรก 3 จาก 4 วันที่สอง 1 จาก 2 วันที่สาม 4 จาก 5 วันที่สี่ 1 จาก 2 คิดเป็น 69 เปอร์เซนต์
– แซนด์เซพ หรือตกทรายแล้วได้พาร์ วันแรก 0 จาก 1 วันที่สอง 0 จาก 2 วันที่สาม 1 จาก 1 วันที่สี่ 0 จาก 1 รวมทำได้ 1 จาก 5 คิดเป็น 20 เปอร์เซนต์
– จำนวนพัตต์ ซึ่งเฉลี่ยควรได้วันละ 30 พัตต์ (4 วันควรได้ 120 พัตต์)วันแรก 30 พัตต์ วันที่สอง 34 วันที่สาม 29 และวันที่สี่ 33 รวม 126 มากจากที่ควรได้ไป 6 สโตรค
– 4 วัน ถูกปรับโทษไป 4 สโตรค เพราะตีตกน้ำไป 2 หลุม มีอยู่หลุมหนึ่งพาร์ 4 ตีตกน้ำไป 2 ครั้ง ทำให้จบ 8 เป็นเพราะรีบตัดสินใจตี ไม่คิดให้รอบคอบ ว่าสามารถไปดร็อปในลักษณะลากเส้นจากหลุมผ่านจุดตกถอยหลังเท่าไรก็ได้ อาจจะประกอบกับการที่มีอารมณ์เสียดายกับก่อนหน้านี้ที่พัตต์เบอร์ดี้ระยะไม่ไกลแต่กลับออกโบกี้ ส่วนอีกหลุมหนึ่งให้ไดร์ฟเวอร์ตีตกน้ำซ้ำกันสองวัน
สรุปวิเคราะห์จากสถิติ จุดแข็งคือการทีออฟ และการตีขึ้นกรีนที่มีเปอร์เซนต์ค่อนข้างสูง และการพัตต์ที่มีลูกได้เสียดี กล้าพัตต์ แต่ในความกล้าได้กล้าเสียนี้ก็ทำให้พลาดในบางครั้งเพราะทำให้ลูกเลยหลุมแล้วเก็บพาร์ไม่ได้ ทำ 3 พัตต์ ซึ่งถือเป็นจุดหนึ่งของรอยรั่ว และประกอบกับการระเบิดทรายแล้วเก็บพาร์ไม่ได้จำนวนถึง 4 หลุม
การวางแผนการเล่นก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของรอยรั่ว เริ่มต้นมาจากการมั่นใจกับการทีออฟด้วยไดร์ฟเวอร์มากเกินไป ใช้ไดร์ฟเวอร์ทีออฟในหลุมที่ค่อนข้างแคบ ถ้าพลาดลูกก็จะไปอยู่ในอุปสรรค และทำให้เสียสกอร์สองวันติดต่อกัน วันที่สามและสี่ถึงเปลี่ยนมาใช้หัวไม้ 3 ทำให้ไม่เสีย
การสร้างสรรค์ช็อต หรือเชพช็อตให้ได้ดังใจต้องฝึกหัดต่ออย่างหนัก เพราะยังมีช็อตที่ผิดพลาดจากเป้าหมาย เช่นธงอยู่ขวาแต่ตีไปซ้าย ธงอยู่หน้าตีสั้น หรือบางครั้งเลยธงไปไกลเกินที่จะพัตต์หวังผลได้
การเล่นลูกสั้นข้างกรีนเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้พลาดง่ายๆกับการตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์ไม่เหมาะสม ทำให้การควบคุมน้ำหนักไม่ได้ตามต้องการ
โดยรวมอาโปเป็นนักกีฬากอล์ฟที่มีศักยภาพไปได้ไกล ขาดแต่ประสบการณ์ที่จะต้องเก็บเกี่ยวต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง อายุเธอยังน้อย ยังมีโอกาสพัฒนาได้อีกมากทั้งเรื่องระยะ เรื่องทักษะการแก้ไขปัญหา การวางแผนการเล่น และความแข็งแกร่งทางจิตใจ เรื่องวินัย ความตั้งใจเธอเต็มร้อยอยู่แล้ว
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์