อมยิ้มริมกรีน

Born to rebel …ของวัยรุ่น ไม่ใช่เรื่องใหม่ เก๋ เท่ หรู

การเคลื่อนไหว แสดงพลังหนุ่มสาวยุคใหม่ ที่มีนักศึกษาสถาบันต่างๆ ผุดขึ้นมาสร้างกิจกรรม แฟลชม็อบ ในหลายจังหวัด ประกาศเจตนารมณ์  เรียกร้องประชาธิปไตย  ให้รัฐบาลนี้ยุบสภา คืนอำนาจคืนสู่ประชาชน และทิ้งท้ายขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ด้วยสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.

แถมยังมีแซม ไม่เอา monarchy  แทรกอยู่ในแผ่นกระดาษชูป้ายประท้วงด้วย

ย่อมเป็น “อะไร” ที่ขัดหูขัดตา “ผู้ใหญ่”

“ผู้ใหญ่”ในที่นี่ ไม่ได้หมายความถึง “ผู้เป็นใหญ่” มีอำนาจบริหารจัดการ มีกฎหมายในมือ ในการปกครองประเทศนะครับ

หมายถึง คนอายุห้าสิบอัพขึ้นไป วัยพ่อจนถึงวัยปู่

วลีของผู้ใหญ่ ก็คือ .. เศรษฐกิจประเทศ บ้านเมืองก็ย่ำแย่อยู่แล้ว จะขย่มถล่มให้มันฉิบหายกัน ให้แผ่นดินแตกเป็นเสี่ยงๆทำไม คนเดือดร้อนก็ คนไทยเรานี่แหละ ไม่ใช่เผด็จการหรือประชาธิปไตยอะไรทั้งนั้น

ก็ให้เป็น “อะไร”ที่ “ขัดหูขัดตา” ไปเถอะครับ อย่าถึง “เกลียดชิงชัง” ขีดเส้น เด็กสันดานหนักแผ่นดิน วิญญาณปู่จะร้องว่า..ไอ้ลูกหลานจัญไร ตามเพลงยุคกระโน้น ที่คุณสันติ ลุ่นเผ่ ร้องเลย

ทุกคนแหละครับ ที่เติบโตมาผ่านช่วงวัยรุ่นวัยคะนอง กำลังเรียนอุดมศึกษา จะมีความเป็นอัตตาสูง อารมณ์ born to rebel อยากต่อต้านกฏเกณฑ์ทุกอย่าง

กฎ ไม่ใช่เพื่อ “คุ้มกระบาลหัว” แต่กฎ “เค้นให้ก้มหัว”  จึงต้องต่อต้าน ด้วยโลกนี้ ควรมี เสรีภาพ

กูคือ free man อิสระชน..มาพวกเรามา ร่วมกันเป็นหนึ่งสร้างพลังภราดรภาพ เป็นดอกไม้ ถูกเด็ดหนึ่ง ก็จะงอกขึ้นมาเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพัน คณานับ อำนาจเผด็จการไหน ก็มิอาจหยุดยั้งเราได้..ด้วยเราคือพลังบริสุทธิ์คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ไม่เอาเผด็จการ

ที่เขียนมานี้ เป็นข้อความเก่า ล้วนๆ เมื่อสี่ห้าสิบปีก่อนนะครับ..ไม่ใช่ของใหม่ ที่คนหนุ่มสาวยุคนี้กำลังเริงร่าแต่ประการใด 

อเมริกันชน วัยปู่ในวันนี้ เคยเป็นนักศึกษาประท้วงมันทุกอย่างที่เป็นกฎกติกา ด้วยสิทธิอิสระชน ยึดมหาวิทยาลัย ยึดห้องเรียน ด่ารัฐบาล ตำรวจไอ้หมูpig  โดนยิงแกสน้ำตา ตำรวจไล่เอากระบองตี มาตั้งแต่ยุค ลินดอน บี จอห์นสัน เป็นประธานาธิบดี

ทศวรรษ ’70 ฮิปปี้ บุปผาชน make love not war กลายเป็นอุดมการณ์ของหนุ่มสาวอิสระชน ปฏิเสธกฏเกณฑ์สังคม บูชาศรัทธาผู้นำทางบจิตวิญญาณ แสวงหาแก่นสุขของชีวิตผ่านการพี้กัญชายันยาเสพติด LSD

หรือ กระทั่งประวัติศาสตร์ใกล้ตัวที่สุด เหตุการณ์เดือนตุลาคม พ.ศ.2516 เมื่อสี่สิบสามปีก่อน อันจะเป็น “วันมหาวิปโยค” หรือ “วันมหาปิติ” มวลพลังนักศึกษาขับไล่เผด็จการ ถนอม-ประพาส ได้สำเร็จ

แล้วอีกสองปีต่อมา จึงวิปโยคของแท้  จากภาพในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คนหนุ่มสาวหนีเข้าป่า เป็นสหายโน่นนี่นั่น..กว่าจะได้กลับมาสู่สังคม ด้วย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เปิดทาง..การหลงผิดเป็นเพียงช่วงหนึ่ง แต่ที่คงตลอดการคือ คนไทยด้วยกัน ต้องอภัยกัน

มากมายหลายคน กลับมาเป็นบุคลากรสำคัญให้กับสังคมไทย ทั้งสายข้าราชการ อาจารย์ นักวิชาการ ที่ยามนี้ผ่านกาลเวลาแก่เฒ่าเป็นพ่อเป็นปู่ไปแล้ว

แทบทุกคน จะสอน จะบอกว่า..ชีวิต มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฝันอุดมการณ์หรอก อย่าหลงเชื่อ เป็นเบี้ย ให้ใครเอาไปเดินหมากชีวิต ที่เราเจ็บช้ำ เพื่อนตาย

แต่ไอ้คนเดินหมาก ปั่นหัว เป็นศาสดายึดมั่นอุดมการณ์ มันก็ยังอยู่สุขสบาย

แต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น อ.เสกสรร ประเสริฐกุล พูดได้เต็มปาก เต็มจิตใจ ด้วย พบพานชีวิตอันสาหัสสากรรจ์ด้วยตัวเอง ..ไม่ใช่แต่เต้นเยิ้วๆ ลัทธิเลียนแบบ ชูสามนิ้ว ตาม เพนกวิน  แบบเด็กหนุ่มสาวทุกวันนี้หรอก

แต่จะสั่งสอน เตือนสติให้เชื่อได้หรือไม่นั้น..ผมว่า เด็กมันไม่เชื่อหรอก

มันพาลด่า ไดโนเสาร์เต่าพันปี นี่มันคนละยุค ด้วยซ้ำ (เด็กรุ่นใหม่ โลกใหม่ มันก้าวร้าวกว่าสมัยพ่อแม่เยอะ)

มันผิดมั้ย?..มันก็ไม่ผิด เพราะ มองโลกคนละมุม คนละทัศนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังขับ born to rebel  เชื่อผู้นำจิตวิญญาณอันฮึกเหิม ยิ่งกว่าพ่อแม่

ว่าไป ก็ไม่ต่างกับ ยุคพ่อแม่ เชื่อ วลี..ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน..จากผู้นำกลุ่ม ยิ่งกว่า ปู่ย่าตายาย เตือน อย่าไปเลย ชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยน่ะ

เมื่อสักยี่สิบปีก่อน มีสปอตโฆษณาโทรทัศน์ชิ้นหนึ่ง พ่อกับลูกนั่งรถไปด้วยกัน  นั่งหลัง มีโชเฟอร์ขับให้ พ่อเป็นผู้บริหารระดับสูง มองลูกอย่างเขม่น เพราะลูกพังก์สุดๆ พ่อบอกว่า..นี่แก จะไปสมัครงานด้วยสารรูปอย่างนี้เรอะ..

ลูกก็ตอบว่า..นี่ตัวผม ในวันนี้ เหมือนกับพ่อในวัยผมไง..ว่าแล้ว ลูกก็หยิบรูปเก่าคร่ำคร่าให้พ่อดู

เป็นภาพพ่อวัยหนุ่มยุค’70  ไว้ผมยาว คาดหัว แต่งตัวรุ่ยร่าย ใส่แว่นตากลมจอห์น เลนนอน  ติดป้าย make love not war สะพายกีตาร์ ฮิปปี้ บุปผาชนเต็มแม็ก..แน่ละ ยุคนั้น ปู่ย่า คงปวดหัวปวดฟันกับลูกชายฮิปปี้พี้กัญชา ไม่ต่าง

สป็อตนี้น่ารัก ดูแล้วอมยิ้ม แต่เยี่ยมยอดตรงที่แสดง “ช่องว่างระหว่างวัย” นั้น มาจากวัยช่วง born to rebel เท่านั้นเอง

เลยจากวัยนี้ไป ถ้าเป็นคนดี เลือดดี มีสามัญสำนึกที่ดี ก็จะ เป็นที่อยู่ได้ดีในวิถีสังคมโดยรวม ตามวัยเช่นกัน

แทนที่จะ เขกกระบาลเด็กเต็มเหนี่ยว ก็เตือนสติ”ผู้ใหญ่”  ดังที่เขียนข้างบนว่า..

ก็ให้เป็น “อะไร”ที่ “ขัดหูขัดตา” ไปเถอะครับ อย่าถึง “เกลียดชิงชัง” ขีดเส้น เด็กสันดานหนักแผ่นดิน วิญญาณปู่จะร้องว่า..ไอ้ลูกหลานจัญไร ตามเพลงยุคกระโน้น ที่คุณสันติ ลุ่นเผ่ ร้องเลย

ส่วนใหญ่ มาจากความฮึกเหิมตามวัย ตามพลังขับฮอร์โมน ตามแรงศรัทธาหลงออร่าผู้นำ(ที่ไม่เคยเจ็บตัว) ก็เพียงให้ เต้นแรงเต้นกาในครรลอง อย่าล้ำเส้นจาบจ้วงละกัน

คัดเฉพาะพวก “หัวกระเด็น”ออกไป  แจ้งล่วงหน้าเลยว่า ผู้ใดที่ร่วมชุมนุม กระทำล้ำเส้น จะได้รับการลงทะเบียนเป็นทหารเกณฑ์ไปเลย (กฎหมายชายไทย มีอยู่แล้ว ผู้หญิงก็เรียน รด.ฝึกวิชาทหาร  เพื่อเข้าไปฝึกทหารใหม่ผลัดพิเศษ  ขัดเกลาเรื่องวินัย ก็พอแล้วครับ

แค่นี้ ก็น่าจะหายไปกว่าครึ่งค่อน เพราะ ที่ลงมาก็เพื่อเฮ เท่ อยู่ในเทรนด์ ชูสามนิ้วเท่านั้น อุดมการ์ณเป็นเรื่องรอง

อย่างไรก็ตาม  ไอ้ตี๋ฮ่องกง โชชัว หว่อง ปากยื่นปากยาว..cheer up ให้กำลังใจ ยินดีปรีดากับพลังหนุ่มสาวนักศึกษาไทย ที่ร่วมพลังเรียกร้องประชาธิปไตย ขอให้ยึดมั่น พลังนี้คือพลังของโลกใหม่

แต่คนแก่รุ่นผม..สมเพช  หนุ่มสาว ที่ เดินเตาะแตะตามเพนกวิน ยอมรับไอ้ตี๋ฮ่องกง ชูธงเดินนำหน้าเนี่ยนะ โคตรเสียฟอร์ม ความเป็นคนไทยแท้จริงๆเลย

ลูกหลานไทย ก็แค่ลูบหัว..ทำไรก็พอแต่ประมาณ แล้วผ่านตามยุคตามวัยนะลูก

แต่เป็น ไอ้ตี๋ฮ่องกง โชชัว หว่อง  มันต้องตบหน้าให้เลือดกบปาก

เกาะฮ่องกงแตก กระดูกอาม่าอากงมึงในฮวยซุ๊ยสั่นสะเทือน อาปาเตี่ยม่ามึงร่ำไห้ ต้องอพยพในวัยแก่

ก็มิใช่มึงกระทำต้นตอหรือ..ฉิบหายยังไม่พอ

เสือกห่าอะไรกับเมืองไทย ศักดิ์ศรีคนไทย ดีกว่ามึง ไอ้ตี๋ฮ่องกงเยอะ อย่าสะเออะมานำ

ยอดทอง