Sport for Life

การแข่งขันที่ต้องคอยระวังตัว

ถึงแม้ช่วงนี้จะมีการแข่งขันกีฬามากมายในหลายทวีปของโลก แต่ภาพที่เราชินหูชินตาคือ “การแข่งขันที่มีผู้ชม”เสียงการชัยโยโห่ร้องในยามที่ทีมหรือใครที่เขาถือหางทำได้หรือเสียงก่นด่าในยามที่พวกเขาเหล่านั้นทำอะไรไม่ได้ดั่งใจคุณนายท่านผู้ว่าขึ้นมา สำหรับช่วงเวลานี้ทั้งภาพและเสียงทั้งหลายทั้งปวงต้องคอยไปก่อนจนกว่าเราจะมี “วัคซีน”ที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า “COVID-19”ที่กำลังตามล่าหาชีวิตมนุษย์เป็นว่าเล่นอยู่ขณะนี้  ในช่วงที่ครูไก่เขียนงานนี้อยู่ในอีกซีกโลกที่ว่าตรงข้ามประเทศไทยหากเราขุดรูดิ่งลงไปแล้วไปโผล่อีกฝั่งแล้วประเทศนี้กำลังแข่งเทนนิสที่ถือว่าเป็นหนึ่งในสี่ของโลกที่มีความสำคัญทั้งฝ่ายชายและหญิง…

จะด้วยเหตุผลกลใดก็ช่างบรรดามือวางอันดับต้นๆ หลายคนเลือกที่จะหยุดในสงครามการแข่งขันครั้งนี้ ปัจจัยที่ยกเอามาเป็นเหตุหลักในการขอถอนตัวคือ “COVID-19” ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูเสียยิ่งนักในยุคท่านประธานาธิบดีท่านนี้ เอาละจะรออะไรก็ช่างมันก็เกิดขึ้นแล้ว “การแข่งขันที่ไร้คนดู”แต่อันที่น่าจะคิดคือ “พวกเขาไม่อยากมาเยือนถิ่นของประธานาธิบดีท่านนี้ต่างหาก” จะเรียกว่าหมั่นไส้หรือไม่ชอบก็อาจเป็นไปได้ ส่วนเรื่องที่เป็นการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางคือ “การโดนตะเพิดให้ออกจากการแข่งขัน”ด้วยเรื่องที่เกือบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือ “โจโควิค”ถูกปรับให้แพ้คู่ต่อสู้จากการตีลูกที่ไม่ได้อยู่ในการเล่นไปโดนผู้กำกับเส้นสุภาพสตรี…ถ้ามองกันในทุกแง่มุมของการตัดสินแล้วทุกอย่าง “รับได้”ครับ หากลูกเทนนิสไปโดนเธอในขณะที่ทำการแข่งขันมันคงไม่เป็นอะไร หรือถ้าบอลลูกนั้นไปโดนกระเดือกของผู้กำกับเส้นจากการเสริฟที่มีความเร็วกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพียงแต่ “โจโควิค”ต้องไปงานศพของเธอชัวร์…

เพราะจากที่เขาเผลอทำแบบนี้ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ดังใจ เจ้าลูกเทนนิสที่บรรจงลงไปที่คอของกรรมการกำกับเส้นอาจจะไม่รวดเร็วหรือรุนแรงมากมายนักแต่กรรมการก็มองถึงความไม่เหมาะสมของการกระทำนั้นสรุปลงที่ชัยชนะตกเป็นของคู่ต่อสู้อีกฟากของตาข่ายไปซะงั้น ในอดีตหากใครที่เป็นแฟนกีฬาชนิดนี้ในอดีตเมื่อ 40 ปีก่อน ทั้งผู้เล่นและกรรมการมักจะมีเรื่องให้ต้องถกเถียงกันอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะผู้แข่งขันที่มีคนรักและคนชังมากพอๆ กัน คนที่รักในฝีมือที่เขามีกับความหยาบคายที่เขาแสดงในเวลาของการแข่งขัน ซึ่งทำให้ผู้คนโห่ฮายามที่เกมส์ต้องสะดุดหยุดลง…

แต่ก็อย่างว่าแหละมันยังไม่มีหรืออาจจะมีก็น้อยครั้งเต็มที่แทบจะนับได้กันเลยทีเดียวกับการต้องพ่ายแพ้ของมือวางอันดับสูงด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ คราวหน้าหากใครจะทำพฤติกรรมแบบนี้อีกละก็เพียงแต่ “หันกลับไปดูก่อนที่จะตีลูกไปก็จบเรื่อง” สุดท้ายปลายทาง TENNIS U.S. OPEN ปีนี้มันเงียบงันอยู่แล้วพอมือวางต้องกระเด็นตกรอบไปอีกคนด้วยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม มันยิ่งสงัดเงียบเข้าไปอีก…ดังนั้นกว่าเราจะมีอาวุธนามว่า “วัคซีน”ที่จะไปต่อกรกับโรคนี้คงต้องเงียบไปอีกนานในวงการกีฬาโลก

ครูไก่