Sport for Life

อยากทำอะไรก็ลงมือทำเลยครับ

เมื่ออาทิตย์ก่อนเวลาทำงานมันช่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้ามืดยันมืดค่ำของวันเดียวกัน…

ไล่เรียงกันตั้งแต่ตื่นตอนตี 4 ของเช้าวันอาทิตย์เพื่อไปจัดรายการที่ FM. 106 ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งธนโน่น เวลาชั่วโมงครึ่งคือ ตี 5 ครึ่ง ถึง 7 โมงเช้า มันก็สนุกสนานดีครับพอจบปุ๊บก็ร่อนรถคู่ใจมาบางนากิโลแปด คือที่ “WIND MILL” ซึ่งมีสนามเทนนิสอยู่สองสนามก็ว่ากันไปจบราวๆ 10โมง จากนั้นก็ร่อนไปเขาชะโงกเพื่อออกรอบกับพรรคพวกอีก 18 หลุม เชื่อว่าแค่นี้ก็หนักหนาโขอยู่แล้วแหละ แต่ที่หนักหนานั่นคือช่วงเวลาหลังจากนี้ต้องไปเล่น “เทนนิส”อีก 4 เซ็ทต่อเนื่องที่สนามของ มศว องครักษ์ เล่นเอาตะคริวตอดขาเหมือนกัน…เอาละหากอายุอานามอยู่ที่ระดับ 30-40 ปี มันก็ธรรมดาแหละ แต่นี่จะ “แซยิด”กันอยู่รอมร่อยังสนุกสนานแบบนี้อยู่อีก มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย…

เรื่องของกิจกรรมที่ออกจะทรมานสังขารตนเองบางทีเราเองคงต้องเฝ้าติดตามอาการของตัวเราเองอย่างเคร่งครัด กล่าวคือหลังจากทำกิจกรรมแบบนี้แล้วในช่วงเช้าหรือวันต่อไปมันมีอาการเจ็บปวดอะไรหรือเปล่าหากมีมันอยู่ตรงไหนบ้าง ห้วยขาแข้งหรือไหล่ หลัง แขน เข่า มันยังคงทำงานเหมือนเดิมหรือเปล่า…สรุปได้ว่าที่มีอาการคือ “น่องที่ตะคริวตอด”เท่านั้น ที่เหลือก็ปกติสุขอยู่เหมือนเดิม ส่วนบรรดาผู้ที่มาออกกำลังกายด้วยเทนนิสโดยมี มศว เป็นศูนย์กลางเห็นเรียกร้องจะให้ไปอีกสักรอบ คือสงสัยว่า “ผู้เฒ่า”นี่มันใครกันหว่า…บางคนยังมองว่า “เจ้าคนตัดหญ้าของมหาวิทยาลัยมันเล่นได้ขนาดนี้เลยรึ”…

ความจริงวันที่ไปออกรอบดันผ่าลืมเอากางเกงที่เล่นกอล์ฟไปด้วย เดือดร้อนเพื่อนฝูงต้องเอากางเกงมาให้ยืมโดยที่ตัวเองซื้อมายังไม่ได้ใช้งานเลยสักนิด เลยต้องซื้อเขาไปเลย…หมดเรื่องกันปายแบบว่าสวมทับกางเกงวอร์มไปเลยพอจะไปเล่นเทนนิสก็แค่ถอดกางเกงตัวนอกออกเหลือกางเกงวอร์มกับเสื้อคอกลมสีขี้ม้าบวกกับปลอกแขนสีดำ นี่แหละชุดตัดหญ้าชัดๆ…สนุกดีครับเพราะนานๆ จะได้ยืดเส้นสายแบบไม่เจียมสังขารสักที ความจริงนะที่สนามเทนนิสของ มศว นี่เขามีอยู่ถึง 8 สนาม แล้วข่าวว่ายังใช้ประโยชน์กันไม่ถึง 10% ของมูลค่าจริงๆ ก็อย่างที่เป็นคนชอบอ่านอยากกลับไปทำอะไรให้กับสถาบันที่เราได้ศึกษาเขาก่อนเก่า แล้วแถมด้วยยังมีบรรดาอาจารย์ที่เป็นผู้สั่งสอนเรามาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น หรือบางท่านที่เป็นรุ่นน้องที่แปลงตัวเองมาเป็นครูอาจารย์ของที่นี่เขาก็ยินดีให้เราเข้าไปทำโครงการอะไรต่อมิอะไรให้อีก…

ในขณะที่บรรดาผู้ที่เป็นอาจารย์ที่สอนผมมาพากันเกษียณอายุราชการกันไปหมดแล้ว แต่ยังคงเข้านอกออกในมหาวิทยาลัยได้แบบอบอุ่นใจกายคงเป็นเพราะ “กอล์ฟ”ที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักครูไก่อยู่ทุกวันนี้ แล้วด้วยปากที่ยอมรับว่า “เหลือเกิน”จริงๆ นั่นคือเรื่องที่เป็นจริงในการออกรอบทุกครั้ง ทุกท่านที่ผมออกรอบด้วยจะสนุกสนานฮากันเพลินไป…ทั้งนายทั้งบ่าวได้ครบหมด แต่อีกรอบที่จะไปต้องลับฝีมือให้มากกว่านี้อีกนิดหนึ่ง เพราะ “ถ้าฝีมือดีพอ”อะไรก็ง่ายขึ้น…อย่าลืมนะครับอะไรที่อยากทำต้องลงมือเลยครับ

ครูไก่