For Golf Trust

ตีกอล์ฟให้เก่งและมีความสุข

“ขอตีกอล์ฟให้เก่งเท่าโปรเชาว์ ชาตินี้ก็มีความสุขแล้ว”

นี่เป็นคำพูดของลูกศิษย์ที่ไม่ใช่เด็กท่านหนึ่งที่ผมได้ออกรอบด้วยเร็วๆนี้ หลังจากที่ได้ออกรอบกันกับผมเป็นระยะๆ ไม่ถึงกับบ่อยมาก

ผมถามว่า “เพราะอะไรครับ ผมก็เป็นคนตีไม่ไกลมาก สกอร์ก็ไม่ถึงขนาดอันเดอร์สนาม ทำไมถึงอยากตีเก่งเท่าผม”

เขาอธิบายว่า ข้อแรก ดูผมมีความสุข ตีพลาดเมื่อไรก็ไม่ได้บ่นอะไรมาก พูดแต่เพียงว่า Mental ไม่ดี ข้อสอง ตัวโปรเชาว์เล็กๆ แต่ตีได้ระยะ 240-250 หลา อายุก็ใกล้ 60 แล้ว ออกรอบรถกอล์ฟก็ไม่ใช้ เดินกระฉับกระเฉง สกอร์ก็ไม่เคยเห็นเกิน 77 บางวันอันเดอร์ สแควร์พาร์ หรือบวก 1, 2 เป็นเรื่องปกติ ซ้อมก็ไม่ได้ซ้อมเอาแต่สอน ข้อสาม ลูกสั้นกับลูกพัตต์ดีมาก ข้อสี่ ตีก็หมุดหลังตลอดถึงแม้ตีกับโปรแข่งขันที่ตีระยะ 300 หลา แต่โปรก็ไม่กลัว ไม่บ่น สู้ได้ตลอด แถมบางวันชนะพวกหนุ่มๆ เด็กๆซะด้วย นี่ถ้าซ้อมจริงจังไปแข่งสบายเลย

ผมเองได้รับการอธิบายอย่างนั้น รู้สึกเขินเหมือนกัน หน้าดำๆ รู้สึกแดงขึ้นมาอย่างแน่นอน แถมพวกลูกศิษย์คนอื่นช่วยสนับสนุนอีก ยิ่งตัวลอยไปใหญ่เลย พวกเขาขอคำอธิบายว่าจะทำอย่างไรให้ได้แบบผม

ผมก็ได้อธิบายให้พวกเขาไป เหมือนกับที่จะอธิบายให้ท่านๆ ทราบต่อไปนี้

สิ่งแรกที่ผมมีคือ เบสิคที่ถูกต้อง คำว่าเบสิคผม คือ การจับกริพ การยกไม้ขึ้นตี หรือที่เรียกว่าสวิง ผมเชื่อว่า ถึงแม้ผมไม่ออกรอบเป็นปีๆ แต่ถ้าผมมาจับไม้ผมก็จะตีได้ เพราะ “การจับกริพของผมเป็นขั้นความเข้าใจไปแล้ว ไม่ใช่ขั้นจำ รู้ว่าต้องทำอย่างไร และทำไมต้องทำแบบนั้น” การเคลื่อนที่ของแขน ลำตัว และอื่นๆ มันเป็นอัตโนมัติไปแล้ว ไม่ได้ไปสนใจมาก มันจึงดูเป็นการตีง่ายๆ จับไม้แล้วก็ยกตี และถ้าลูกวิ่งออกไปผิดปกติ ผมก็รู้และสามารถแก้ได้ทันทีในลูกตัวไป รับรู้ถึงสาเหตุ ถ้าเป็นเรื่องแมคคานิคจริงๆ

สิ่งที่สอง ที่ผมมี ผมถือว่าเป็นขั้นสูงของชีวิตคนเรา คือผมเจริญสติได้ คำว่าเจริญสติคือ รับรู้ว่าจิตตัวเองอยู่ตรงไหน คิดอะไร ตามจิตได้ทุกขณะจิต ฉะนั้นเมื่อเวลาผมตี ผมจะรู้ว่าจิตผมอยู่ตรงไหน มีสมาธิหรือโฟกัสอยู่กับการตีหรือเปล่า ไปอยู่กับอะไร ทำให้ผลงานออกมาไม่ดี โดนลูกไม่เต็มใบ ไม่โดนจุดสวีทสปอท ซึ่งผมก็จะบอกได้ว่า Mental ผมไม่ดี

และสิ่งสุดท้ายที่ผมมีคือ Positive Attitude หรือเจตคติที่เป็นบวก ผมผ่านการเรียนรู้จากการฝึกอบรม จากการอ่าน และนำมาปฏิบัติด้วยความศรัทธา เชื่อมั่น จนมันกลายเป็นความเป็นความแข็งแรงในความคิดของผม ผมเชื่อว่าสมองคนเราถูกสั่งและกำกับโดยจิต และสมองจะไปกำกับพวกกล้ามเนื้ออีกทีหนึ่ง ดังนั้นถ้าจิตแข็งแรง สมองก็จะแข็งแรงตามไปด้วย กล้ามเนื้อและร่างกายก็จะแข็งแรงไปด้วย เมื่อไรที่จิตอ่อนแอ อย่างอื่นๆก็อ่อนแอตามไปด้วย

ยกตัวอย่าง เรื่องของการเล่นกอล์ฟ ผมต้องเดิน เพื่อให้กล้ามเนื้อขาได้ทำงาน นั่นรถเมื่อไร กล้ามเนื้อขาทำงานน้อย ความรู้สึกเหนื่อย ความรู้สึกเมื่อยมีไหม มีครับ แต่ต้องเอาชนะมันให้ได้จะยอมแพ้ใจไม่ได้ ต้องไหว ต้องไม่เหนื่อย ไม่เมี่อย เราต้องฝืน ต้องเอาชนะ ต้องไม่รู้สึกว่าแก่ หรือมีอายุมาก

รวมถึงการต้องไปตีแท่นหน้า การได้รับการต่อสโตรค ล้วนแล้วแต่ทำให้สมองไปสั่งกล้ามเนื้อว่า เอ็งอ่อนแอลง แย่ลง ต้องฝึกจิตให้แข็ง และมีความเชื่อมั่นว่า เรามีแบสิคที่ดี ตีเหล็กไหนก็ได้ ตีหัวไม้ ตีเหล็กยาวก็ไม่แตกต่างจากเหล็กสั้น มีลูกสั้นที่ดี พัตต์ที่ดี ไม่ออนก็ชิพลง ชิพดำได้ หรือพัตต์ตรงไหนก็ลงได้ เพราะเราเป็นคนพัตต์ดี

ส่วนเรื่องการซ้อม ความจริงอยากซ้อมนะ แต่ด้วยงานต้องสอน ต้องเขียน ต้องอ่าน ทำให้ซ้อมน้อยจริงๆ ถ้าซ้อมเยอะกว่านี้จะดีทั้งประสิทธิภาพ ความมั่นใจ และดีต่อความแข็งแรงของร่างกายอีกด้วย ทุกวันนี้ผมไม่ได้เล่นเวท แต่เมื่อไรที่ผมซ้อม ผมจะฝึกตีให้ไกลเพิ่มมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน เป็นการเล่นเวทไปในตัวเพราะเป็นการเพิ่มงานให้กล้ามเนื้อ

ส่วนเรื่องแข่ง ต้องบอกได้เลยว่า ไม่ใช่แนวทางผม เพราะผมเลือกสอน การไปแข่งต้องใช้เวลามากเกินไป เพราะการไปทำอะไรต้องทำให้ดี การจะทำให้ได้ดี ก็ต้องซ้อม ถ้าไปแล้วไม่ดีก็เสียเวลา ไม่ใช่ไปเล่นสนุกๆ เพราะทุกวันนี้ที่ไปออกรอบก็ไปสนุกๆอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เคยคิดไปแข่ง

นั่นคือคำตอบที่ว่า คิดอย่างไร จะทำเล่นกอล์ฟมีความสุขครับ

โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์