Fit 4 Better เปิดตัว เด็กคึกคัก ผู้ปกครองชอบ
ในศตวรรษที่ 21 ยุคของเทคโนโลยีเป็นยุคดิจิทัล สร้างสรรค์ให้เกิด “สังคมแห่งการเรียนรู้” หรือยุค AI เป็นโลกของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เครื่องจักร หุ่นยนต์ ความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน คนท่องเก่ง จำเก่งอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ยิ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นเร็วมากเพียงใด ความเหลื่อมล้ำทางสังคมจะยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ผู้ที่ปรับตัวได้เร็ว มีต้นทุนสูง มองเห็นโอกาสจะอยู่แบบได้เปรียบ สามารถสร้างรายได้ขยับสถานะจากพอมีพอกินเป็นมีเหลือเก็บ ฐานะดีขึ้น ตรงข้ามกับผู้ที่ไม่สามารถปรับตัวได้หรือปรับตังไม่ทัน พื้นฐานการศึกษาไม่ดีพอจะอยู่อย่างลำบากในสังคม
ด้วยความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าจะมีผู้คนส่วนหนึ่งหันเหสร้างรายได้เพื่อดำรงชีพต่อไปในทางมิชอบและอจมีแนโน้มมากขึ้นหากจำนวนผู้คนเหล่านี้มีสัดส่วนมากในสังคม ซึ่งเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพ คือ กลุ่มผู้ที่มีอันจะกินหรือผู้มีฐานะดี ผู้ที่อ่อนแอกว่า ผู้ที่ประมาทเลินเล่อขาดความระมัดระวังและขาดการดูแลปกป้องตนเอง
สำหรับบุตรหลานของเราที่ต้องเติบโตและอยู่ในศตวรรษ 21 ให้ได้ตลอดรอดฝั่ง จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกด้านที่จำเป็น นั่นคือการเรียนรู้และปรับตัวกับการสร้างและการใช้เทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรม พร้อมสร้างอาชีพนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัว
และพร้อมกันนั้นต้องสร้างโอกาสให้เด็กๆ มีของดีติดตัวในขณะที่ยังมีเวลาปรุงแต่งในวัยเด็ก หมั่นฝึกฝนให้ชำนาญการ เพื่อพร้อมใช้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเป็นอัตโนมัติดีกว่าจะไปเสริมสร้างเมื่อเป็นผู้ใหญ่ซึ่งอาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะทำให้เกิดความชำนาญในการใช้หรืออาจจะไม่มีความมั่นใจ และที่สำคัญอาจเกิดเรื่องราวที่ป้องกันได้ แต่เรากลับดูแลตนเองไม่ได้ เข้าได้กับคำว่า “รู้ตัวเมื่อสาย ไม่มีเวลากลับไปแก้ตัวแล้ว”
มีของดีติดตัว หมายถึง ความสามารถส่วนบุคคลในการป้องกันตัวเอง ปกป้องบุคคลใกล้ชิดให้รอดพ้นภันตรายเฉพาะหน้าจากผู้ไม่หวังดีด้วยศิลปะป้องกันตัวรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการเรียนรู้มวยไทย ศิลปะป้องกันตัวที่ได้รับการยอมรับว่าสุดยอดในโลก เป็นการใช้อวัยวะของร่างกายเป็นอาวุธใช้ในการต่อสู้ในระยะใกล้ รวมถึงเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวอื่นๆ ที่จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันตัวเองเมื่อเกิดภัยอันตราย
อีกทั้งสิ่งที่น่ากลัวอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดขึ้นกับใคร นั่นคือ เชื้อโรคร้าย มหันตภัยเงียบ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า กว่าจะรู้ต้นสายปลายเหตุ เจ็บป่วยล้มตายกันไปจำนวนหนึ่งแล้วดังนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น คือ การเสริมสร้างร่างกายให้เติบโตควบคู่ไปกับการเสริมสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับสถานการณ์ สร้างค่านิยมที่ถูกต้องในการรักษาสุขภาพกายและใจและหล่อหลอมให้รักการดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย เป็นการพัฒนาทั้งทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
การติดต่อสื่อสารข้ามชาติ เป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้ในโลกยุคศตวรรษที่ 21 พูดได้ ฟังได้ เขียนได้ ภาษาเดียวไม่พอมานานแล้ว ยิ่งในขณะเวลานี้การสื่อสารแบบไร้พรมแดนทำให้เราต้องอยู่ภายใต้การสื่อสารที่หลากหลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กจึงจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้และพัฒนาด้านภาษามากขึ้น โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีน ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นภาษาที่มีการใช้เพื่อติดต่อสื่อสารมากที่สุดอันดับต้นๆ Fit 4 Better เล็งเห็นปัญหาและร่วมสร้างพื้นที่ในการเรียนรู้และพัฒนาภาษาอังกฤษและภาษาจีนกับสถาบัน Champ Engrish ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการสอนและการพัฒนาบุคคลให้สามารถสื่อสารด้วยความมั่นใจ
ดนตรี ร้องเล่น เต้น เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เด็กควรเรียนรู้ ใช้เป็นกิจกรรมยามว่าง ผ่อนคลายความเครียดในชีวิตประจำวัน ใช้ประโยชน์จากจังหวะและท่วงทำนองของดนตรีเพื่อนำไปสู่การสร้างสมาธิ และเป็นความสามารถพิเศษ นำมาใช้ในการแสดงหรือโชว์สั้นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าในตนเองได้อีกทางหนึ่ง
ด้วยหลักการและแนวคิดดังกล่าว Fit 4 Better ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็ก จึงได้เกิดขึ้นโดย โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์ (โปรเชาว์) โดยใช้พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ที่เราเรียกกันว่า “บ้าน” ภายในสนามฝึกซ้อมกอล์ฟธนบุรี ซอยพระรามสอง 45 ถนนพระรามสอง ใกล้กับโรงพยาบาลบางมด บริเวณเดียวกับที่มีโรงเรียนสอนกอล์ฟเชาวรัตน์ สาขาธนบุรี (สำนักงานใหญ่ ก่อตั้งมาแล้วเกือบ 20 ปี) โดยตั้งใจทำให้ลูกสาว ลูกศิษย์ที่เรียนกอล์ฟ และเด็กๆ ทั่วไป ที่อาจไม่ได้อยู่ในแวดวงกีฬา หรืออยู่ในแวดวงกีฬาอื่น ได้เข้ามาร่วมพัฒนาและเติบโตอย่างมีคุณภาพไปด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงการพัฒนาเด็ก ดังนั้นผู้ที่มีส่วนร่วมในการผลักดันและส่งเสริมได้ดีที่สุด คือ ผู้ปกครอง ต้องเล็งเห็นปัญหาและมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาไปในแนวทางเดียวกัน
Fit 4 Better สร้างสรรค์กิจกรรมที่หลากหลายและที่สำคัญคือมีประโยชน์ในการพัฒนาเด็กแบบองค์รมภายใต้พื้นที่เดียวกัน ประกอบด้วย การเรียนรู้และฝึกหัดมวยไทย ฝึกปีนหน้าผา ฝึกกระโดดแทรมโพลีน ฝึกความแข็งแรงของร่างกายเพื่อพร้อมสำหรับการเป็นนักกีฬา โดยเน้นหลักการใช้น้ำหนักตัวที่สัมพันธ์กับแรงโน้มถ่วงของโลก เรียนรู้และฝึกหัดศิลปะป้องกันตัวประยุกต์ ฝึกยืดหยุ่นขึ้นพื้นฐาน ฝึกเล่นดนตรี ฝึกเต้น ฝึกจิตใจให้แข็งแกร่ง มีผู้เชี่ยชาญคอยให้คำปรึกษาด้านต่างๆ กับผู้ปกครองเพื่อนำไปใช้ในการเลี้ยงดูบุตรหลานอย่างเหมาะสมตามพัฒนาการ นอกจากนั้นยังมีการเรียนการสอนภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
ทุกกิจกรรมที่จัดขึ้น เพื่อเป้าหมายในการฝึกฝนให้เด็กสามารถสร้างสมาธิ ความอดทน ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความคล่องแคล่วว่องไว กล้าแสดงออก มีวินัย มีทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกาย มการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างประสานสัมพันธ์ กระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโต เรียนรู้จังหวะของดนตรี เคลื่อนไหวให้เข้ากับจังหวะดนตรี และการติดต่อสื่อสารด้วยภาษาต่างประเทศ โดยมีบุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญเฉพาะด้านดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการพัฒนา มีความสนุกสนาน และมีความปลอดภัย ที่สำคัญทุกกิจกรรมที่กล่าวข้างต้นผ่านการคิดและวิเคราะห์มาแล้วจากผู้เชี่ยวชาญว่าเหมาะสมและนำไปสู่การพัฒนาอย่างเป็นลำดับสามารถวัดประเมินผลได้
จุดเด่นของ Fit 4 Better เรามีนักจิตวิทยาการกีฬาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษากับนักกีฬาเพื่อช่วยให้เกิดการพัฒนาระบบความคิดอย่างถูกต้องอันจะนำไปสู่การแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมควบคู่ไปกับการฝึกทักษะจิตใจและทักษะทางร่างกายในทุกชนิดกีฬา ตลอดจนรับเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ปกครองในเรื่องของจิตวิทยาการเลี้ยงดูบุตรให้มีพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยอย่างสมบูรณ์
“ผมอยากให้ Fit 4 Better เป็นสถานที่ออกกำลังกายสำหรับเด็ก ที่สร้างประโยชน์ในการพัฒนา ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ผม เชื่อว่าการเล่น การมีกิจกรรมของเด็ก ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย ปีนหน้าผา กระโดดแทรมโพลีน ศิลปะป้องกันตัวประยุกต์ เต้น แซกโซโฟน สามารถช่วยพัฒนาสมองให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์และสมดุลทั้งสมองซีกซ้ายและซีกขวา การทำกิจกรรมทุกประเภทจะส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการรอบด้าน เกิดสมาธิ สามารถควบคุมอารมณ์ มีวินัย มีความอดทน มีเป้าหมาย มีการวางแผนที่ดี มีความกล้า มีร่างกายแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น เด็กๆ จะมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปพร้อมกับพัฒนาการ ได้พบเจอเพื่อนใหม่ ถ้าเด็กได้ใช้เวลากับการเล่นในทุกวัน ฝึกอย่างต่อเนื่อง เด็กจะกลับบ้านด้วยความเหนื่อยแต่สุข อยากพักผ่อน อยากรับประทานอาหาร ไม่มีเวลามากพอจะไปเล่นเกมหรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจ้องกับสมาร์โฟน ไม่มีโอกาสหันเหไปหายาเสพติด เด็กจะรักการออกกำลังกายติดตัวไปจนเติบใหญ่ และที่สำคัญเด็กๆ จะมีของดีติดตัวไปใช้ป้องกันตัวเองและบุคคลในครอบครัวจากผู้ที่จะเข้ามาประทุษร้าย หรือมาแย่งขิง วิ่งราว ผมมีทีมงานที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีใจรักที่จะช่วยให้เด็กๆบรรลุตามวัตถุประสงค์ของ Fit 4 Better อย่างเต็มที่
ผมตั้งใจสร้าง Fit 4 Better ขึ้นเพื่อลูกหลานเราทุกคน อยากให้เด็กและผู้ปกครองได้มาสัมผัส และใช้บริการกันมากๆ อยากให้แนวคิดนี้เผยแพร่กระจายไปตามสถานที่ต่างๆ อยากให้มีสถานที่ลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกมุมเมืองเพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง เด็กไทยเราจะได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมและประเทศชาติ พร้อมอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21 อย่างมั่นใจ” โปรเชาว์กล่าว
ขณะนี้ Fit 4 Better เปิดทำการแล้วทุกวัน ในเวลา 10.00 – 20.00 น.
ผู้ปกครองท่านใด อยากส่งบุตรหลานของท่านมาเยี่ยมชม หรือร่วมเป็นสมาชิกของ Fit 4 Better สามารถเข้าเยี่ยมชมที่เว็ปไซด์ www.fit4better.com หรือที่หน้าเพจ Facebook: fit4better หรือสอบถามทางไลน์ : @fit4better หรือโทรศัพท์ 02-408-4321การเดินทางสะดวก ด้วยการค้นหาเส้นทางในกูเกิลด้วยการพิมพ์ว่า “ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็กfit4better”
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์