สัพเพฯ กอล์ฟ

ภาระและหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบ

ยามนี้มนุษย์บนโลกแค่คิดจะหายใจยังลำบาก เพราะไม่รู้ว่าเจ้าอากาศที่สูดเข้าไปมันเจือปนเอาเชื้ออะไรเข้าไปบ้าง ก่อนหน้าเราเจอกับฝุ่นจิ๋วกันเรื่อยมา เจ้าหน้ากากกันฝุ่นสำหรับใครบางคนมันก็คืออุปกรณ์ช่วยป้องกันที่เป็นของติดตัวอยู่เสมอ พอช่วงเวลาล่วงเลยมาสักพักความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรก แล้วดูท่าจะเป็นเคราะห์ใหญ่ของโลกเอาเสียด้วย จากอู่ฮั่นสู่โควิด 19 มันใช้เวลาในการรวบรวมพลังงานเพื่อจู่โจมมนุษย์ เจ้าโรคนี้มันฉลาดเอาการ ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดเชื้อนี้จะเลือกเข้าสู่ใครสักคนที่มีความย่ามใจ ถือดี เอาแต่ใจ ฯลฯ แล้วเหตุการณ์ก็อย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้

ความจริงของเราก็เก่งนะ คือคณะผู้รับผิดชอบดึงเอา “หมอ”มาเป็นหัวหอกในการต่อสู้ เพราะการต่อสู้กับเจ้านี่ต้องอาศัยใครสักคนที่พูดแล้ว “ทุกคนต้องฟัง” นั่นก็คือ “หมอ”นั่นเอง ลองนึกถึงตัวเราเองเวลาเดินทางไปพบหมอจะด้วยเหตุเดียวคือ “เจ็บป่วย”และเมื่อ “หมอ”พูดอะไรเราจะเชื่อฟัง ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาทันทีไม่ว่าจะเป็นนักเลงหัวไม้ ดื้อรั้น ไม่เคยกลัวใครแต่พอหมอบอกว่า “คุณจะต้อง…”ก็สรุปว่าปิดตำนานไอ้เสือร้ายแล้ว ยิ่งต้องทำโดยเคร่งครัด…เพราะไม่เช่นนั้น “ตาย”นี่คือหลักจิตวิทยาในการรักษาขั้นต้นของ “ลุงตู่และคณะ” เพราะการจะเอาคนดื้อด้านให้กลับเข้าสู่สภาวะที่ควรต้องทำต้องแบบนี้แหละครับ แล้วยิ่งเจ้าเชื้อโรคมันรุกกันแบบวินาทีก็ว่าได้ จากจีนที่เป็นเอเชียสู่อิตาลีที่เป็นยุโรปใช้เวลาแป๊บเดียว จากนั้นยาวปายย…จีนหยุดและเอเชียคุมอยู่กับการคุกคามของ “โควิด 19” ช่วงเวลานั้น “เมืองมะกัน”กำลังฮึกเหิม พวกเขาคิดว่าเจ้าเชื้อนี้กระจอกมันก็แค่เชื้อพื้นๆเหมือนอดีตที่ผ่านมา แล้วเป็นไง “เจ็บเป็นล้านตายเป็นผักปลา” แล้วยังมีหน้ามาร้องหา “เสรีในการมีชีวิต”กับเขาอีก…เอ้ารู้แบบนี้ใครจะคบกับพวกฝรั่งมังค่าตาน้ำข้าวก็ต้องคิดให้รอบคอบก่อนละกัน

จากภาระที่คณะรัฐบาลของลุงตู่กับบรรดาพลพรรคสู้กันกับโรคที่ว่า เล่นเอาผู้คนอดยากกันไปทั้งประเทศก็ว่าได้ จะเป็นมาตรการเยียวยาแบบไหนที่พอจะจัดให้ผู้คนได้คณะนี้งัดออกมาใช้แทบจะหมดไส้หมดพุง แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีในบรรดาคนที่พบเจอผลกระทบมันก็มี “ผี”ที่แอบอยู่ในร่างคนใช้กลโกงเอาเงินที่เรามีอยู่น้อยนิดไปเป็นของตน หรือได้แล้วก็เอาไปกินเหล้าเมายาหาประโยชน์ไม่เจอ…ทีนี้เรื่องภาระคือที่เราเผชิญกันอยู่ ณ ปัจจุบัน แต่สิ่งที่จะตามมาคือ “หนี้สิน”ของประเทศที่ว่ากันเป็น “แสนล้าน”จากความดื้อด้านของคนแค่ไม่กี่มากน้อย เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ…ไม่ใช่ผมเองจะฟื้นฝอยหาตะเข็บหรืออะไรก็เปล่าเพียงแต่ให้ผู้คนที่เคยเป็นพวกดื้อด้านได้สำนึกในความ “ไม่ได้เรื่องของพวกเขา” เพราะการที่เจ้าเชื้อพวกนี้มันกระโจนไปสู่ใครต่อใครนั้น “มันมาอย่างไร” และก็ “หนี้สิน”ต่อแต่นี้เราจะทำอย่างไรกันดีใครที่คิดว่า “ช่างมัน”เรื่องมันก็ล่วงเลยมาขั้นนี้แล้ว…ผมไม่คิดแบบนั้นเด็ดขาด แต่ “ภาระและหนี้สิน”ตลอดจนความลำบากยากเข็ญของคนในชาติ “พวกดื้อด้านรับผิดชอบไหวมะ”

ครูไก่