Interview

ถือศีล 5 – คติพจน์ เกิดมั่นคง

คติพจน์ เกิดมั่นคง
ผู้จัดการกองซ่อมใหญ่อากาศยาน
ขั้นโรงงาน 1 (MD-1) ฝ่ายช่าง บมจ. การบินไทย
“ถือศีล 5”

สมัยเรียนมัธยมผมชอบเรียนวิทยาศาสตร์ ชอบค้นคว้า ชอบทดลอง โดยเฉพาะวิชาฟิสิกส์ ซึ่งถนัดมาก เคยใฝ่ฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ อยากเป็นนักประดิษฐ์ อยากสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เหมือนกับ โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่คิดค้นหลอดไฟ ถึงแม้ตัวจะจากไป แต่ทุกคนก็ยังจำว่าได้ทำคุณประโยชน์ให้กับผู้คนบนโลก ผมเองก็ฝันอยากจะเป็นเช่นนั้นบ้าง

เมื่อเรียนจบชั้น ม.ศ.5 จากโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ผมเอ็นทรานซ์ได้แต่ไม่มีเงินเรียน ก็มาเข้าโรงเรียนจ่าอากาศ เพื่อช่วยครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่าย แล้วความชอบในสายวิทยาศาสตร์ก็ทำให้การเรียน การทำงานในสายช่างเป็นเรื่องสนุก ในกองทัพอากาศจะมีการสอนเรื่องทั่วไป โดยแบ่งเป็นเครื่องบินฝูงบิน ช่างเครื่องยนต์ ผมเรียนมาในเรื่องเครื่องยนต์เจ็ต เครื่องยนต์ลูกสูบ พอจบมาก็ประจำการที่ศูนย์ซ่อมเครื่องยนต์เจ็ต ฝั่งตรงข้ามสนามบินดอนเมือง ยังทันยุคของเครื่องบินไอพ่นรุ่น T33, T37 แล้วก็มาเป็น F5 แล้วพอไปประจำการที่ ลพบุรี ผมก็ได้ดูแลเครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์

พอเริ่มงานเป็นช่างซ่อมที่การบินไทย เริ่มจากฟลอร์กรุ๊ป ทำแลนดิ้งเกียร์ เทลเซ็คชั่น คาร์โก้ อาศัยความชำนาญจากประสบการณ์ที่เคยทำเครื่องเฮลิคอปเตอร์มาก่อน 5 ปีเต็มๆ แล้วยิ่งตอนเป็นเด็กใหม่ พี่ๆ ก็ยิ่งใช้งานมาก เราก็ยิ่งได้ฝึกมาก พอมาฝึกตามขั้นตอนในแต่ละเรื่องก็ทำได้โดยไม่ยาก งานทุกอย่างที่ได้ทำเองกับมือ ใช้เวลาไม่นานก็คล่อง แล้วก็อยู่กับการบินไทยมายาวนาน ร่วมกอดคอกับพี่ๆ น้องๆ ฝ่าฟันวิกฤติกันมาหลายต่อหลายครั้ง จนมาถึงหน้าที่รับผิดชอบในตำแหน่ง ผู้จัดการกองซ่อมใหญ่อากาศยานฯ ในปัจจุบัน

เมื่อก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหาร เราต้องให้พนักงานมีส่วนร่วม มีส่วนเกี่ยวข้อง ใส่ใจทำความรู้จักแต่ละคน ต้องรับฟังหลากหลายมุมมองของผู้ปฏิบัติงานจริง แล้วนำความคิดเห็นเหล่านี้มาตกผลึก เพื่อพิจารณาหาทางช่วยเหลืออย่างจริงจัง แล้วให้เขาได้เห็นผลลัพธ์ในสิ่งที่เราตั้งใจทำให้ นั่นจะแสดงว่า สิ่งที่เราถาม สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาต้องการ ที่เราให้เขาได้แสดงออกมานั้น ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดที่เราฟังแล้วปล่อยผ่านเลยไป เมื่อรู้ว่าเราช่วยเหลือเขาได้ ต่อไปเขาก็จะให้ได้เราอีก เมื่อเขามั่นใจว่าสิ่งที่จะพูดในที่ประชุมนั้นเกิดประโยชน์กับการทำงาน กับองค์กร เขาก็จะกล้าพูด กล้าแสดงออก และนั้นเราก็จะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า ทรานสิชั่น เช่นเมื่อเกิดปัญหาที่หน้างานขณะปฏิบัติงาน เขาก็จะหาวิธีแก้ไขกันเองโดยไม่โยนงานทิ้ง นั่นคือการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่จะก่อให้เกิด ทรานสฟอร์มเมชั่น มีการเปลี่ยนจากข้างใน เมื่อทุกคนรู้หน้าที่ อยากจะทำงานให้สำเร็จ ก็ต้องรู้จัก คิดเอง ทำเอง ร่วมมือกันทำงานให้เกิดความสามัคคี แปลงอย่างยิ่งใหญ่จะตามมา

องค์กรของเราต้องเป็นระดับเวิลด์คลาสออแกไนซ์เซชั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่การบินไทยเป็นอยู่ เราต้องไปถึงระดับนั้น ต้องให้ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาเรา เพราะความเชื่อมั่นไว้วางใจ เพราะผลงานที่ออกจากเราไป คุณภาพได้มาตรฐานสากล แต่เราให้บริการที่รวดเร็วกว่า ขณะนี้เราจึงมีลูกค้าทั้งในประเทศและจากทั่วโลกมาใช้บริการ เมื่อเสร็จลำแรกแล้วลำต่อๆ มาก็เข้ามาหาเราอีก เขาจะอยู่กับเราไม่ไปไหน ถ้าเราทำงานให้ดี ลูกค้าจะช่วยดูแลธุรกิจของเราให้เอง ลูกค้าเขาไม่อยากจะเสียเราไป ถ้าเราไม่อยู่ เขาเองก็ลำบาก เราต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ภายใต้การบริหารจัดการแบบมืออาชีพ เรายังสามารถรับเครื่องเข้ามาบำรุงซ่อมแซมได้อีกมาก ซึ่งสามารถจะสร้างรายได้ให้องค์กรอย่างมหาศาล เช่นการตรวจซ่อมใหญ่ที่เรียกว่า D Check จะใช้เวลาลำละ 1 เดือน ค่าใช้จ่าย 2 ล้านเหรียญ คิดคร่าวๆ แค่ปีละ 10 ลำ ก็ตก 20 ล้านเหรียญแล้ว หากทำ C Check ใช้เวลา 15 วัน ค่าใช้จ่าย 1 ล้านเหรียญ รับได้ปีละราว 20 ลำ ก็อีก 20 ล้านเหรียญ แค่นี้ก็ทะลุพันล้านบาทแล้ว นี่ยังไม่รวมการบำรุงรักษารายย่อยลำเล็ก ลำละ 3 แสนบาท และยังมีซ่อมรายวันที่เรียกว่า A Check จากเครื่องที่ไม่มีแหล่งซ่อมประจำ ครั้งละแสนกว่าบาท ฯลฯ นี่คือโมเดลทางธุรกิจที่ทำเงินได้ง่ายและเร็ว แต่ทั้งนี้ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ดี มีพนักงานที่เชี่ยวชาญ มีความชำนาญอย่างแท้จริง แล้วก็ต้องเต็มใจจ่ายเพื่อแลกกับรายรับที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยังไงก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม และเรายังมีโปรแกรม Speedy C Check โปรแกรมตรวจเช็คแบบเร่งด่วน ใช้เวลาน้อยกว่าแต่ครบถ้วน คุณภาพไม่ลด จากเดิมที่ใช้เวลา 15 วัน ก็เหลือเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น เราทำงานกันตลอดเวลา แม้กระทั่งวันหยุด พนักงานก็มีรายได้เพิ่ม พนักงานรวย บริษัทก็รวย จะเป็นอะไรไป แต่ถ้า บริษัทจน พนักงานจน เราคงอยู่กันไม่ได้

ผมเป็นนักกีฬามายาวนานมาก เป็นนักว่ายน้ำของโรงเรียนจ่าอากาศ ต้องว่ายน้ำวันละ 10,000 เมตร เช้า 5,000 บ่ายอีก 5,000 ฝึกทุกวันเป็นปีๆ ร่างกายตอนนั้นแข็งแรงมาก เล่นโปโลน้ำ, แบดมินตัน ก็เคยเล่นเป็นตัวแทนของกองบิน 2 ซึ่งแบดฯ ชอบเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ ลงทุนเก็บเงินซื้อแร็คแก็ตเอง ในรุ่นเดียวกันไม่แพ้ใคร กีฬาอื่นก็เล่นเยอะ ส่วนทักษะฟุตบอลไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่ก็พอเล่นได้, จักรยานก็ปั่นมานานแล้ว หอบหิ้วมาจากอเมริกาเมื่อครั้งไปตรวจรับเครื่อง ตอนเอากลับมาก็ปั่นพร้อมอุปกรณ์ ตั้งแต่บ้านเรายังไม่นิยมขนาดนี้ สมัยนั้นคนที่ปั่นพร้อมชุดป้องกันเต็มตัวเลยดูแปลกประหลาดกว่าคนอื่น, ปิงปอง ก็เล่นได้ อยู่ในชมรมของการบินไทย, เทนนิส ก็เล่นได้, กอล์ฟ ก็เล่นแต้มต่อเกือบๆ ตัวเดียว โดยภาพรวมก็คือ กีฬาเล่นได้หลากหลาย เล่นได้เหนือกว่ามาตรฐานคนทั่วไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นเลิศถึงขนาดระดับนักกีฬาอาชีพ

สมัยเรียน ผมต้องหาเงินส่งตัวเองด้วย ทำทุกงาน ทำทุกอาชีพ รวมถึงการเป็นแค้ดดี้ที่สนามกานตรัตน์ หรือที่เรียกติดปากว่าสนามงู ทำตั้งแต่ช่วง ม.ศ.2 จนถึง ม.ศ.4 ตัวเล็กๆ ดำๆ แกร่งๆ แบกถุงกันไหล่ด้าน แลกกับรายได้วันละ 40 บาท ต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 ไปจับฉลากว่าจะได้ออกรอบหรือไม่ แต่ก็โดนโกงประจำ จนตกคิวตลอด ต้องกลับบ้านมือเปล่า จะได้ออกรอบก็ต่อเมื่อวันหยุดที่มีนักกอล์ฟเยอะ หรือมีแข่ง เคยเจอหมอนักกอล์ฟที่ขึ้นชื่อว่ามหาโหด ฉุนเฉียวตลอดเวลา แค้ดดี้ทุกคนหนีหมด แต่พอหัวหน้าถามว่าผมจะรับแบกถุงให้หรือไม่ ด้วยความอยากได้เงินก็รับแบก พอออกไปก็เหมือนกับที่ระบายอารมณ์ โดนพัตเตอร์เขกจนหัวโน เล่นเสร็จถูกรองเท้าตะปูฟาดใส่อีก กลับบ้านนี่เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ แต่เราก็ได้ฝึกความรู้ในกีฬากอล์ฟ ตีกอล์ฟเป็นก็จากตรงนั้น กฏ กติกา มารยาท เทคนิค วิธีการเล่น โดยมีโปรสนาม หัวหน้าแค้ดดี้เป็นผู้สอน ใจจริงก็อยากจะเป็นโปรกอล์ฟ แต่เนื่องจากไม่มีทุนเลยไม่ได้เป็น ที่ตีกอล์ฟเป็นก็เพราะใช้ไม้เท้าที่มีปุ่ม เราก็นำมาฝนให้แบนมีองศาเหมือนกับไม้กอล์ฟ แล้วใช้ฝึกซ้อมจนตีลูกไป เวลาไปซ่อมสนาม ผมก็ออกไปด้วย ได้ซ้อม ได้ลองหัดตีกอล์ฟก็เพราะไม้ตะพดด้ามนี้

ผมมาเริ่มเล่นกอล์ฟอย่างจริงจังเมื่อได้ทำงานที่การบินไทยมาแล้วสักพัก โดยชักชวนเพื่อนร่วมงานให้มาเล่นด้วยกัน อาศัยที่ผมเคยเล่นเป็นมาแล้ว พอถึงสนามทบทวนแค่นิดหน่อยก็เล่นได้ จากที่เคยตีด้วยไม้ตะพดพอทำงานมีรายได้ มีกำลังพอก็ไปซื้อชุดเหล็กมือสองมาเล่น แล้วก็ร่วมก๊วนกันมาตั้งแต่บัดนั้น และผมก็ยังเป็นกรรมการกอล์ฟทั้งฝ่ายช่าง และชมรมกอล์ฟใหญ่ของการบินไทยใหญ่ก็เป็นเลขาฯ รวมไปถึงที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เป็นกรรมการและฝ่ายนันทนาการ

ผมยังได้เรียนบริหารจัดการกอล์ฟ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อมีโอกาสได้เป็นผู้ให้การอบรมกับแค้ดดี้ ผมจะบอกเสมอว่า แค้ดดี้ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะกับการบอกไลน์บนกรีน วิธีก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แค่ต้องรู้จักสังเกตและจดบันทึก วาดรูปกรีนแล้วลงรายละเอียดกำกับไว้ว่า กรีนไหนมีรูปร่างยังไง มีความลาดเอียงจากจุดไหนไปจุดไหน มีไลน์ขึ้นลง ซ้ายขวาอย่างไรบ้าง แล้วทำแผนผังเอาไว้ เมื่อถึงเวลาออกรอบ หากถูกถามว่ามีไลน์อะไรก็แค่หยิบโพยขึ้นมาดูก็จะตอบได้อย่างมิผิดพลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากเพราะแค้ดดี้ต้องทำหน้าที่ ได้เจอกรีนทุกกรีนอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุดเมื่อบอกไลน์แม่น ค่าตัวก็จะสูงตามไปด้วย

ในส่วนของด้านการศึกษา ผมก็เข้าไปมีส่วนร่วมค่อนข้างเยอะพอสมควร ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งผมจบปริญญาโทจากที่นั่น หลังจากที่ได้ร่วมประชุมกับผู้ร่วมก่อตั้งหลักสูตร โดยก่อนหน้านี้ผมไปทำในเรื่องศิลปศาสตร์ให้ เนื่องจากว่าเด็กนักกีฬาช้างเผือกจะถูกรีไทร์กันเยอะ ปัญหาคือเขาต้องเรียนแบบเดียวกับเด็กทั่วๆ ไปขณะที่ต้องซ้อมเยอะไม่ค่อยมีเวลาให้กับเรื่องการเรียน ผมก็อยู่ในกลุ่มที่เข้าไปแก้ปัญหาในเรื่องนี้ด้วย ได้ฟังผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ส่วนผมซึ่งเป็นพวกนวัตกรรม ชอบการประยุกต์ใช้ สิ่งที่ยืนยันได้อย่างหนึ่งก็คือ คุณภาพ เราทิ้งไม่ได้เด็ดขาด เพราะนี่คือหัวใจหลัก มหาวิทยาลัยไม่ยอมแน่หากขาดข้อนี้ไป, กระบวนการเรียนรู้ในยุคใหม่ สามารถทำได้นอกกรอบ ทุกวันนี้เปิดกว้าง ทำการเรียนได้จากทั่วทุกมุมโลก เราต้องนำสองสิ่งนี้มารวมกัน และยังต้องหาวิธีที่จะตรวจสอบว่าเขามีความรู้จริง และยังต้องหาหนทางให้นักกีฬาได้ไปต่อหากมีการบาดเจ็บ หรือไม่อาจจะทำการแข่งขันต่อไปได้ ก็ยังสามารถเป็นกรรมการ ผู้ฝึกสอน เป็นผู้ดูแล ทำงานฝ่ายกฏหมาย ฝ่ายสิทธิผลประโยชน์ เมื่อที่ประชุมให้การยอมรับ ผมจึงได้รับการมอบหมายให้เริ่มเขียนหลักโครงสร้างหลักสูตรโครงการขึ้นมา ทำให้เด็กนักกีฬามีทางเลือก สามารถจะเรียนได้ความความสามารถ ทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬา และศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องกีฬาเหมือนกัน ของคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

หลักสูตรต่อเนื่องมาอีกก็เรื่อง กอล์ฟ หลังจากคิดกันว่า น่าจะมีหลักสูตรที่ผู้บริหารเข้าร่วมทำกิจกรรมกัน โดยมีกอล์ฟเป็นสื่อ เนื่องจากกีฬากอล์ฟมีความสำคัญและมีประโยชน์มากมาย จึงได้ร่วมวางหลักสูตรกับผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน โดยผมเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ให้กับสังคมก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จนเมื่อได้เปิดโครงการผมก็ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการหลักสูตร แนวคิดก็คือ ให้ผู้บริหารระดับสูงได้มาพบปะกัน ได้เล่นกอล์ฟ ได้สุขภาพที่ดี ได้เรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการเกี่ยวกับกอล์ฟ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มีผู้บริหารหลายท่านที่ซื้อสนามกอล์ฟแล้วแต่ยังไม่ได้หัดเล่นกอล์ฟเลยก็มี และยังมีเรื่องการทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวมอีกด้วย ทำให้หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง กอล์ฟ ธรรมศาสตร์ รุ่นที่ 1 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนรุ่นที่ 2 มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมสมัครในโครงการมากเกินความคาดหมาย

สำหรับผม กอล์ฟ มีความสำคัญมาก ช่วยชีวิตเราได้หลายเรื่อง เล่นกอล์ฟ ได้เรียนรู้การบริหารจัดการ ระหว่างตีกอล์ฟ จิตก็ต้องอยู่กับกอล์ฟ ช่วงนั้นคือจังหวะเวลาที่เราได้พักจากทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีสุขภาพดี สมองปลอดโปร่ง ทั้งกายและใจ การคิดการอ่าน สามารถขยายธุรกิจเพิ่มเติม มูลค่าเพิ่มก็เกิดขึ้นตามมา

ทุกวันนี้ ถึงแม้จะทำงานหนัก มีหน้าที่ความรับผิดชอบเยอะแยะมากมาย แต่ภาระกิจงานที่ทำไม่มีอะไรให้หนักใจ เพราะผมมีความสุขกับทุกงานที่ได้ทำ ขอให้ตื่นขึ้นแล้วลุกมาแล้วทำงานได้ก็พอใจแล้ว ผมถือศีล 5 เคร่งครัด พยายามทำตัวให้อยู่ในกรอบ และพยายามสร้างประโยชน์ให้สังคม ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งสำคัญ ต้องกตัญญู ต้องซื่อสัตย์ ทั้งกับบุพการี ผู้มีพระคุณต่างๆ รวมทั้งบริษัทที่เราทำงานด้วย เราอยู่ได้ก็เพราะเขา เขาอยู่ได้ก็เพราะเรา สังคมอยู่ได้ก็เพราะการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ต้องรู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข บนพื้นฐานของความถูกต้อง ต้องรู้จักคำว่า “จบ” ที่ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร หรือใครก็ตามต้องพบต้องเจอกันทั้งสิ้น อะไรที่ทำเต็มที่แล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็ต้องรู้จักทำใจครับ

int0201 Exc Catipod 2

int0201 Exc Catipod 3

int0201 Exc Catipod 4