New Product

ลูกกอล์ฟใหม่ปี 2020

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลายผู้ผลิตอุปกรณ์กอล์ฟแบรนด์ต่างๆ ได้มีการเปิดตัวและปล่อยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่สู่ตลาดให้ท่านนักกอล์ฟได้เลือกกันอย่างมากมาย หลายแบรนด์มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เสริมเทคโนโลยีใหม่เข้าไป ลูกกอล์ฟก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีการแข่งขันพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ฉบับนี้ทางกอล์ฟไทม์ได้รวบรวมลูกกอล์ฟรุ่นต่างๆ ที่มีความน่าสนใจมาให้ท่านนักกอล์ฟได้อัพเดทกัน…

Titleist AVX รุ่นใหม่

ลูกกอล์ฟ Titleist AVX รุ่นล่าสุด ถูกออกแบบให้สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น ตีได้ไกลขึ้น และให้สปินสูงขึ้นในการเล่นลูกสั้น  พัฒนาจากเทคโนโลยีลูกกอล์ฟโครงสร้างแบบหลายชั้นนวัตกรรมล่าสุด ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม สำหรับนักกอล์ฟที่ให้ความสำคัญกับระยะ และความนุ่มนวลมากเป็นพิเศษ จากลูกกอล์ฟแบบพรีเมียม

AVX เป็นลูกกอล์ฟโครงสร้างแบบหลายชั้น ระดับพรีเมียม ประสิทธิภาพสูง ค่าคอมเพรสชั่นต่ำ แกนใน เปลือกนอก และรอยบุ๋ม ที่มีลิขสิทธิ์เฉพาะ ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของ 2020 AVX เป็นผลมาจากเทคโนโลยีเหล่านี้:

• แกนในแบบใหม่ สูตรใหม่ และมีขนาดใหญ่ขึ้น สร้างความเร็วได้สูง และให้สปินต่ำลงในช็อตยาว ทำให้ตีได้ไกลขึ้น พร้อมความรู้สึกนุ่ม ขณะหน้าไม้ปะทะลูก

• เปลือกหุ้มแกนในแบบใหม่ ความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น และให้สปินต่ำลง ในการเล่นช็อตยาว ทำให้ตีได้ไกลขึ้น

• เปลือกนอกแบบใหม่ ที่บางลง ทำจากยูรีเทนผ่านกระบวนการแคส สูตรใหม่จากทีมวิจัยและพัฒนาลูกกอล์ฟ Titleist สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น ให้สปินสูงขึ้น และประสิทธิภาพในการควบคุมลูกที่ดีขึ้น ในการเล่นรอบกรีน

• การออกแบบรอยบุ๋มแบบใหม่ ที่ให้คุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้น ให้วิถีลูกพุ่งต่ำอย่างทรงพลัง และให้วิถีลูกที่สม่ำเสมอในการเล่นทุกช็อต

ลูกกอล์ฟ Titleist AVX รุ่นใหม่ วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์  2563 โดยมีราคาโหลละ 1,999 บาท

Titleist Tour Soft รุ่นใหม่

Titleist Tour Soft วางตลาดครั้งแรก เมื่อสองปีก่อน ผลิตด้วยวัสดุ และกระบวนการผลิตแบบใหม่ ทำให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับลูกกอล์ฟประเภทเดียวกัน – ให้การผสมผสานที่ยอดเยี่ยม ของความนุ่มแบบลูกกอล์ฟคอมเพรสชั่นต่ำ สร้างความเร็วได้สูง ตีไกล และให้สปิน และประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดี ในการเล่นลูกสั้น

สำหรับนักกอล์ฟที่ชื่นชอบลูกกอล์ฟที่ให้ความรู้สึกนุ่ม ลูกกอล์ฟ 2020 Tour Soft ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ให้ประสิทธิภาพที่แท้จริง ที่ช่วยให้นักกอล์ฟเล่นได้ดีขึ้น:

ลูกกอล์ฟ Titleist Tour Soft ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า สำหรับเกมของนักกอล์ฟ  ให้ความรู้สึกตอบสนองที่นุ่มนวล และให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการเล่นลูกสั้น อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีหลักดังนี้:

• แกนในสูตรใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และสร้างความเร็วได้สูงขึ้น  เป็นแกนในที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ Titleist เคยมีมา  ทำให้ตีได้ไกลขึ้น และให้ความรู้สึกตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น

• เปลือกนอก 4CE Grafted แบบใหม่ที่บางลง  พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีการผลิต TCU แบบใหม่ ทำให้เปลือกนอกบางเป็นพิเศษ สร้างสปินในการเล่นลูกรอบกรีน ได้สูงขึ้น ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมลูกที่ดีขึ้น ในการตีเข้ากรีน และการเล่นลูกรอบกรีน

• รอยบุ๋มแบบใหม่ 342 cuboctahedron ให้วิถีลูกที่พุ่งอย่างทรงพลัง และให้ความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น

ลูกกอล์ฟ Titleist Tour Soft รุ่นใหม่ วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์  2563 โดยมีราคาโหลละ 1,399 บาท

 TaylorMade Tour Responce

ทัวร์ เรสพอนซ์ (Tour Response) ลูกกอล์ฟโครงสร้าง 3 ชั้น เปลือกด้านนอกแบบยูริเทรน (Tour Cast Urethane) ที่มีความทนทาน ยืดหยุ่น และให้ความรู้สึกนุ่มนวลขณะเข้าปะทะ อัตราสปินให้การตอบสนองการควบคุมลูกสั้นรอบๆ กรีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รอยปุ๋มจำนวน 326 แบบไร้รอยต่อ (Seamless 326 Dimple Pattern) ช่วยลดแรงเสียดทาน ทำให้แหวกอากาศได้เป็นอย่างดี แกนกลางแบบ สปีดแมนทัล (Speedmantle™) ที่ช่วยถ่ายทอดพลังงานในการเข้าปะทะสู่แกนหลักแบบ เอฟเฟิทเล็ซ คอมเพลสชั่น (Effortless Compression) ที่มีการสปริงตัวสูง ตอบสนองพลังงานในการเข้าปะทะได้เต็มที่ ทำให้ได้ระยะทางเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับท่านนักกอล์ฟที่มีสปีดหัวไม้ตั้งแต่ 70 mph ไปจนถึง +100 mph

วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์  2563 ราคาขายปลีกจากผู้ผลิต  1,790 บาท

TaylorMade Soft Responce

ซอฟต์ เรสพอนซ์ (Soft Response) ลูกกอล์ฟโครงสร้าง 3 ชั้น เปลือกด้านนอกแบบไอโอโนเมอร์ (Soft-Tough Ionomer) ที่มีความยืดหยุ่นสูง และให้ความรู้สึกนุ่มนวลขณะเข้าปะทะ อัตราสปินให้การตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ รอยปุ๋มจำนวน 322 แบบเอ็กเทนเด็ด ไฟล์ ดิมเปิล แพ็ทเทิร์น (Extended Flight Dimple Pattern) ช่วยยกตัวทำให้ลูกลอยนานขึ้น ลดแรงเสียดทาน และแหวกอากาศได้เป็นอย่างดี แกนหลักแบบ ไฮ-สปริง คอนสตรัคชั่น (Hi-Spring Construction) ที่มีการดีดตัวสูง ทำให้ส่งต่อพลังงานในการเข้าปะทะได้อย่างเต็มที่ ทำให้ได้ระยะทางเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับท่านนักกอล์ฟที่มีสปีดหัวไม้ตั้งแต่ 70 mph ไปจนถึง +100 mph

วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์  2563 ราคาขายปลีกจากผู้ผลิต  1,490 บาท

SRIXON Q-Star Tour 3

Q-Star Tour 3 เป็นลูกกอล์ฟ 3 ชั้น คุณภาพระดับมืออาชีพ เปลือกทำจากวัสดุ ยูรีเทน พร้อมกับการเคลือบผิวด้วยเทคโนโลยี SeRM และเทคโนโลยีแกนกลางแบบใหม่ ด้วยการผสมผสานกันอย่างลงตัวจนกลายมาเป็นลูกกอล์ฟที่จะช่วยทำให้นักกอล์ฟสามารถตีได้ระยะสูงสุดตั้งแต่ Tee-OFF และมีอัตราการสปินที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยควบคุมลูกสั้นได้แบบ One-Hop-Stop

การพัฒนาการสปินอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีสารเคลือบผิว Slide Ring Material (SeRM) ด้วยเปลือกนอกที่ทำมาจากวัสดุยูรีเทนที่บางเป็นพิเศษ พร้อมด้วยเทคโนโลยีสารเคลือบผิว Spin Skin with SeRM ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Srixon ส่งผลให้ลูกกอล์ฟ Q-Star Tour รุ่นใหม่มีความยืดหยุ่นสูงขึ้น เมื่อตีด้วยเวดจ์หรือเหล็ก บริเวณของลูกกอล์ฟที่กระทบกับหน้าไม้จะฝังลึกจมลงไปในร่อง Grooves ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน ทำให้อัตราการสปินเพิ่มสูงขึ้นและสามารถควบคุมลูกให้ตกหยุดได้ดังใจทุกครั้งที่ตีขึ้นกรีน

แกนกลาง Fast Layer ที่อ่อนนุ่มที่สุด ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ ลูกกอล์ฟ Q-Star Tour 3 ประกอบด้วยแกนกลาง Fast Layer ที่อ่อนนุ่มแล้วเพิ่มชั้นไปเรื่อยๆเป็นพันๆชั้นจนถึงเปลือกชั้นนอกที่มีความแข็งที่สุด ทำให้ได้แกนที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ ซึ่งจะทำให้การตีที่ได้ระยะทางและประสิทธิภาพในการเล่นลูกสั้นแต่ได้สัมผัสที่นุ่มนวล เสมือนนักกอล์ฟมืออาชีพ นอกจากนี้แกนกลางที่อ่อนนุ่มจะช่วยลดการ Side Spin ทำให้การตีลูกจากหัวไม้พุ่งสู่ตรงเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

338 Speed Dimple Pattern รอยปุ่มที่จะมาช่วยเพิ่มความเร็ว ด้วยรอยปุ่ม 338 ปุ่ม ที่อยู่บนลูกกอล์ฟ Q-Star Tour 3 จะช่วยลดแรงต้านให้น้อยลงและลูกสามารถเดินทางผ่านอากาศได้ดีขึ้น จึงทำให้ตีได้ระยะมากขึ้นแม้ในสภาพอากาศที่ไม่อำนวยหรือมีลมแรงเป็นอุปสรรค

พัตต์ได้แม่นยำมากขึ้นด้วย NEW Alignment Aid เส้นแถบสีด้านข้างแบบใหม่ที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เส้นแถบสีดำที่ตัดกับสีลูกกอล์ฟ ซึ่งจะช่วยทำให้นักกอล์ฟทุกท่านสามารถทำการเล็งได้อย่างแม่นยำในขณะที่ทำการพัตต์ลูก

วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์  2563 ราคาขายปลีกจากผู้ผลิต  1,475 บาท