วิกฤติ เรือเหล็กลุงตู่
ยามนี้ รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐเป็นแกน ดูท่าจะเป็น นาวาเหล็กปริ่มน้ำ ซ้ำมีรอยรั่ว น้ำเข้าเรือเยอะนะครับ
อันเป็นความเหนื่อยยากของกัปตันเรือลุงตู่ ไหนจะต้องบังคับพังงาเรือให้รอดสันดอนหินโสโครก ไหนจะต้องสั่งการวิดน้ำออกจากเรือเป็นระวิง
อันต้องกลับไปตั้งคำถามว่า นาวาเรือเหล็กของลุงตู่ แล่นมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
ในเมื่อเพียงไม่ถึงสองเดือน ทุกอย่างดูเหมือนเข้าทางไปหมด
พรรคอนาคตใหม่ ถูกยุบตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะเกิดกระแส “จุดไฟประชาธิปไตย” เซฟธนาธร ชวนคนรุ่นใหม่เยาวชนลงถนน ขับลุงตู่ สัญลักษณ์เผด็จการ เรียกร้องประชาธิปไตย
แต่ก็จุดไม่ติด เพราะ ไวรัสโควิด-19 เข้ามาขวาง “ฟรีซ”ทุกอย่างไปทั้งโลก
ประเทศไทยเรา มีชื่อในบัญชีประเทศสุ่มเสี่ยง แต่ขณะที่ประเทศรอบด้าน โดยเฉพาะเกาหลีใต้ การแพร่ระบาดรุนแรงถึงขั้นระยะ3 เรายังระยะ2
ระยะ2นั้น หมายถึงว่ายังมีเวลาที่จะ รัฐบาลจะวางแผนบริหารจัดการป้องกันให้ดี ให้สมบูรณ์แบบ เพื่อป้องกันประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ให้มีอัตราการเสี่ยงน้อยที่สุด
หลายคนบอกว่า..นั่นแหละคือ จังหวะการหาเสียงของรัฐบาลลุงตู่ ที่ดีที่สุด ลบเสียงต่อต้าน เพรียกหาประชาธิปไตยปาวๆ
ด้วยสามัญสำนึกของมนุษย์ การอยู่รอดปลอดภัย ไร่โรคา มีกินมีใช้ ไม่ถึงอดอยาก อุดมการประชาธิปไตยเป็นนามธรรม ที่มีเวลาแสวงหา เดินไปเรื่อยๆได้ ไม่ร้องเร่งรีบ จะเป็นจะตาย
แต่ปรากฏว่า แทนที่จะเป็นโอกาสบวก กลับเป็น ผลลบ ต่อรัฐบาลลุงตู่ไปโดยสิ้นเชิง
วิกฤติโควิด-19 ต้องถือว่าเป็น วาระเร่งด่วนแห่งชาติ ต้องซีเรียสกันทั้งอำนาจบริหาร ต้องเป็นการ “รวมการเฉพาะกิจ” ของส.ส.ไม่ว่าพรรครัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ช่วยกันทำหน้าที่ป้องกันประชากรชาวไทยในแผ่นดิน จากวิกฤติโควิด-19
รัฐบาล นักการเมืองหลายประเทศ ก็ทำให้เห็น”เป็นตัวอย่าง” ทั้งเพื่อความเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชน ทั้งการหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสให้ได้
แต่การเมือง เมืองไทย ไม่ใช่ไงครับ
รัฐบาลมี ”จุดอ่อน” ในระบบโควต้าพรรคการเมือง แบ่งกระทรวงการทำงานเป็นมุ้ง พลังประชารัฐก็พวกนึง ภูมิใจไทยก็พวกนึง ประชาธิปัตย์ ก็พวกนึง
ต้องแย่งกันขอทำงาน ต่างคนต่างทำ โชว์ออฟ ต้องสร้างผลงานตัวเอง โดยไม่ได้สนใจว่า มันจะเป็นวิถีสุดจะเบ้อ โบร่ำโบราณ
ที่สำคัญก็คือ ทุกกระทรวงที่มีงานทำสู้โควิด-19 แบมือของบประมาณรัฐ เพื่อการนี้เป็นระวิง
ไม่มีความเป็นหนึ่งเดียว ไม่มียูนิตี้ เรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกู เรื่องของกู มึงอย่าข้ามเส้น
เรือเหล็กลุงตู่ ก็ปริ่มน้ำอยู่แล้ว ถูกเจาะรูรายวัน จากพรรคฝ่ายค้านโจมตีในการบริหารจัดการที่ล้มเหลว
พรรครัฐบาลต่างๆยามนี้ ก็ดั่ง ลูกมือกลาสีของลุงตู่ ที่ต้องช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือ ปะอุดรูรั่ว ถูกเจาะรายวัน
แต่สภาพที่ ต่างคนต่างทำ ไม่มียูนิตี ไม่มีแผนความเป็นหนึ่งเดียว แนวทางเดียว ทุกอย่างก็ดูอ่อนแอทุลักทุเล เหมือน จ้วงกระบวยตักน้ำออกจากเรือคนละทีสองที เรือจะไปไหนได้ วนเอียงกระเท่เร่แหละ
สำคัญ รัฐมนตรีบางคนถึงขั้น ให้ตักน้ำออก ดันตักน้ำเข้าใส่เรือซะนี่
ลุงตู่ กัปตันเรือเหล็ก ก็โดนซิ่ครับว่า..ลุงทำอะไรอยู่ ทำไมทุกอย่างถึงเหลวเป๋ว ไร้ประสิทธิภาพเช่นนี้
พลังเงียบ ที่เคยเอนเอียงอยู่ข้างลุง..ใครอย่ามาจวบจ้วงด่าลุง มีลุงนำยังดีกว่า กลับไปให้นักการเมืองแบบเก่าๆนำ ..ถึงวันนี้ ชักรวนเร หรือจะพึงลุงไม่ได้จริงๆ เพราะลุงเลี้ยงโจร นักการเมืองฟากรัฐบาลก็เลอะเทอะ ไม่ได้เรื่องสักอย่าง
กะอีแค่บริหารจัดการเรื่อง mask หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอลฆ่าเชื้อโรค ที่ประชาชนต้องการ ก็ยังทำไม่ได้ดีเลย ต่างหน่วยต่างกระทรวง ต่างรัฐมนตรี ต่างคนต่างทำ
“อะไรก็ตาม” ที่ผ่านระบบราชการ จะมี “รูพรุน”ก่อนถึงปลายทาง เช่น ของ หายไประหว่างทาง “ถูกเม้ม” ไว้ให้พวกพ้องตัวเอง มีใช้กันสบายใจอู้ฟู่
หนักทุเรศกว่านั้นคือ เม้มส่งขายต่อ ในธุรกิจออนไลน์ขายหน้ากากอนามัย..จับมือใครดมก็ไม่ได้
รัฐแจกหน้ากากอนามัย ชาวบ้านต้องแห่สลอนไปรับ ที่สถานที่ราชการ ยังกับรอแจกทาน ช่างเหนื่อยยากสาหัส
ลุงตู่งง ด้วยข้อมูล เมืองไทยมีโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ได้เดือนละ 36ล้านชิ้น วันนึงก็นับล้านชิ้น..แต่มันหายไปไหมหมด?
คำตอบมีเยอะแยะ ล้วนเป็นแง่ลบ
แล้วเป็นไง ใครที่เคยด่า คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ ไทคูนผู้กินรวบธุรกิจทุนนิยมในแผ่นดินไทย
ถึงวันนี้ คุณธนินทร์ ใช้เงินเพียง100ล้านบาท สร้างภาพลักษณ์เป็นพระเอก เร่งสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อแจกจ่าย ให้ฟรีให้กับประชาชนทั้งประเทศ ในช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19
ซ้ำยังให้สัมภาษณ์น่าเจ็บกระดองใจรัฐบาล ไม่พึ่งรัฐบาล แจกเอง (น่าจะใช้ 7-11 ที่มีทั่วทุกมุมถนนเมืองไทย เป็นสถานที่แจก) และจะแจกให้ประชาชนทุกครั้งในอนาคต ถ้ามีวิกฤติการแพร่ระบาดใดๆเกิดขึ้นอีก
100ล้าน สร้างโรงงาน สร้างชื่อเสียงช่วยชาติยามนี้ ยามไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ก็ผลิตขายซิ่ครับ ด้วยนับแต่นี้ หน้ากากอนามัย จะเป็น ของใช้(ที่สิ้นเปลือง)ประจำบ้าน ของคนทั้งโลก
ขณะที่กระทรวงต่างๆ ของรัฐบาล เร่งของบ คนละหนุบคนละหนับ แม้แต่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังขอทำงานเต็มแม็ก..ของบเป็นพันล้านบาท กับ งาน ชิม ช้อป ใช้ เฟส2 ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ กระตุ้นเศรษฐกิจ
พรรคพลังประชารัฐ ชงพิเศษเป็นแสนล้านบาท เพื่อเอามาแจกปลอบใจชาวบ้านคนไทยคนละสองพันบาท (เลิกไปแล้ว ทนคนด่าไมไหว)
ช่างไม่เหมาะแก่ กาละเทสะของเหตุการณ์เลยจริงๆ
รัฐบาลลุงตู่ ดีแต่แจกเงิน ทำอย่างอื่นเป็นหรือเปล่า? ชาวบ้าน ว่าหมดศรัทธาลุงตู่แล้ว
แรงงานเถื่อน pinoy (ภาษาตากาล็อค หมายถึงคนฟิลิปปินส์ เกาหลีก็เรียกแรงงานไทยรวมๆ เป็น pinoy เหมือนกัน ไทยเราเองนั่นแหละ แผลงเป็น ผีน้อย ) เมื่อลงจากเครื่องบิน ผ่านการคัดกรอง ก็ไม่มีไข้ ไม่มีไอ ผ่านด่านตรวจที่สุวรรณภูมิมาได้แล้ว เจ้าหน้าที่ให้ไปกักบริเวณตัวเองที่บ้าน ภูมิลำเนา แค่ห่างผู้คน ห่างการปฏิสัมพันธ์เข้าไว้ 14 วัน ก็โอเคแล้วมิใช่หรือ
หลายรายที่อ้าง..ก็กูหลุดออกมาจากสุวรรณภูมิแบบคนปรกติ กูก็ใช้ชีวิตปรกติ ทำไมจะ ไปเที่ยวห้าง ไปกินหมูกระทะ กินเลี้ยงบาร์เบียร์ ไปรับลูก ไปตลาดไม่ได้..จะทำไมกู
มีทะเลาะกัน เกทับปลัฟแหลก. ด่าทอกันทางโซเชียลสารพัด
สื่อก็ขายข่าวกันมันส์ ผีน้อยหลุดจากสุวรรณภูมิ ไปผุดที่โน่นที่นี่ เจาะขายข่าวให้มันน่ากลัวเข้าไว้ “ตีความ” ขายข่าว ให้เกิดความตื่นตระหนก panic มากกว่าความเป็นจริง มีข่าว “คราบผีน้อย” อยู่ตรงไหน เจ้าของสถานที่ก็ต้องจ่ายเงิน ”บิ้กคลีน” ที่นั่น แบบ “ตามล้างตามเช็ด” กันไป
แล้วกลายเป็นความเดือดร้อน โกลาหลภายหลัง เป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคมและกฎหมาย
ชาวบ้านคนเสพข่าว ก็เหมือนลูกโป่ง..อัดไปเรื่อยๆ จะระเบิดด้วยความประสาทแดก
ประเด็นก็คือ มันทำให้สังคมป่วน สร้างความ panicให้กับมหาชนส่วนใหญ่ รัฐก็ทำงานลำบาก
สามัญสำนึกของมนุษย์ทั่วไป มักให้ความสำคัญจากตัวเองออกไปมากที่สุด
คนกลุ่มพวกนี้ จะเป็นร้อยพันหมื่น ก็ถูกชาวบ้านตราหน้าไปแล้วว่า..มึงคือผีน้อยจากเกาหลี..คนไทยคนละพวกกับกู
ความจริงแห่งการปกครอง ก็คือ เสียงใหญ่คือ เสียงประชาชนในแผ่นดิน ที่รัฐบาลต้องเรียกศรัทธา รักษาความเชื่อมั่น ความมั่นใจให้กับประชาชนในประเทศ ว่า วิกฤตินี้ รัฐบาล ปฏิบัติปกป้องกระชากรเต็มที่อย่างเป็นรูปธรรมแค่ไหนต่างหาก
เหล่านี้ มีตัวอย่างดีๆ จากประเทศต่างๆ ที่เขาเผชิญวิกฤติแก้ไขอย่างเฉียบขาดให้กับประชาชนของเขา ไม่เกิดpanic
และยังเป็นอะไรที่ common sense /simple mind สามัญสำนึกพื้นฐานง่ายๆ
ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมนักการเมืองทั้งคณะรัฐมนตรี คณะเสนาธิการที่ปรึกษาลุงตู่ทุกกระบิ..คิดง่ายๆ ทำไม่เป็น?
หรือ คิดได้ แต่ทำยาก เพราะ ผลประโยชน์ทับซ้อน ลูบหน้าปะจมูก. ก็เลย เงยหน้าต่างคนต่างทำดีกว่า..ของบรัฐบาลนี้ง่ายดี
ผมเห็นใจ ลุงตู่ ท่านนายกนาวาเหล็กปริ่มน้ำจริงๆ..
แรงกระเพื่อมของคลื่นประชาชนก็แรง ทั้ง คลื่นใต้น้ำ ที่รอเวลาม้วยตัวขึ้นมาถล่มนาวาเหล็ก ที่เริ่มมีรูรั่วเยอะแล้ว ไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ
ข่าวกระแสที่ออกมาตามสื่อ และกระแสฟิลลิ่งของประชาชนที่ไหลมาทางลบ
ใครใคร่ทำอะไรทำ ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ ทำไปเถิดเอาให้สบายใจ
เรือเหล็กลุงตู่ อยู่ในสภาพวิกฤติจริง เพราะประชาชนร้องยี้ จากผลงานด้านลบรายวัน
ถ้าลุงตู่ กัปตันเรือ ยังโอ้เอ้ เล่นบทไทยเดิม ลูบหน้าปะจมูก ไม่ทำอะไรเลย
ไม่ปรับคณะรัฐมนตรี เอา ”จุดอ่อน”ที่เป็นสนิมกัดทะลุท้องเรือรั่วออก เพื่อเป็นการปะผุเรือ
กาลข้างหน้าเรือเหล็กสุดจะไปต่อได้ เรือจมเพราะประชาชนสิ้นศรัทธา
ก็อย่าได้โทษใคร..
หรือแหกกฎประชาธิปไตย เอากองทัพมาสร้างเรือเหล็กลำใหม่
วันนั้น ประชาชนจะลงถนนกันทั้งบ้านทั้งเมืองเองด้วยความคับแค้นใจ แน่ๆ ครับ
ยอดทอง