สวัสดีปีวอก
สวัสดีปีวอก
เผลอแป๊ปเดียวจาก “มะแม”มันก็แถเข้า “ปีวอก” ส่วนใครจะถือว่าเป็น “ปีชง” ก็สุดแท้แต่จะครุ่นคิดพิจารณากันเอาเอง จะเป็นปีดีหรือปีชงก็อย่าไปหลงยึดติดกับปีมากมายนัก ขอเป็นคนที่มีชีวิตอยู่บนความถูกต้องและอื่นๆตามที่มวลมนุษย์เขาปฏิบัติกันบนโลกใบนี้ก็แล้วกัน กระพ้มเองชอบที่จะคิดพิจารณากับตัวเองอยู่เสมอว่า “ปีที่แล้วเราทำดีหรือทำเลวอะไรลงไปบ้าง” ถ้าคิดได้นึกได้แล้วก็จะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เล่นง่ายๆกับตัวเราเองคือ “ซ้ายบ้าขวาดี” สนุกดีนะครับชอบๆ
การที่ใครสักคนเมื่อมีชีวิตอยู่ครึ่งค่อนคนแล้ว ยังจะต้องให้ใครมาเป็นคนตัดสินว่าเราดีหรือเลวก็จบเห่กันได้เลย เพราะถ้าถึงเวลานั้นมันจะมีคำว่า “กระบวนการทางกฎหมาย” เข้ามายุ่ง ทีนี้แหละครับใครดีใครเลว “ศาล”จะเป็นตัวตัดสิน ครูไก่อยากจะบอกกล่าวกับใครๆก็ตามที่มีโอกาสได้พบเจอกับตัวหนังสือที่ครูไก่เขียนไป “ศาล”ไม่ว่าชั้นใดๆอย่าได้เข้าไปอยู่ในคำนี้เลยเพราะสุดท้ายมันจะเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันทุกฝ่าย
ครูไก่ใช้เวลาในการมองย้อนกลับไปแล้วก็พบว่า “เราทำอะไรดีๆ”ไปมากมายก่ายกอง ส่วนของเสียก็มีบ้างซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่อยู่กับชีวิตตัวเรานี่เอง ผลเสียก็อยู่กับ “สุขภาพ” ของครูไก่นี่แหละ แต่ที่พัฒนาขึ้นไปถึงระดับสูงก็เห็นจะเป็น “จิต”ที่แข็งแกร่งขึ้น กล้าตัดสินใจในเรื่องที่หนักหนาหลายเรื่องหลายราว ความสงสารถูกแยกออกจากความ “ถูกต้อง” แล้วก็ดีใจที่การตัดสินใจในทุกเรื่องมันส่งผลดีกับสังคมของครูไก่โดยรวม…ส่วนท่านเล่าลองทำอย่างครูไก่ดูบ้างชีวิตอาจจะรุ่งพุ่งขึ้นมาบ้าง หรือไม่ก็ไม่แย่ลงกว่าที่เป็นอย่างแน่นอน
ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นปีใดๆในโลกล้วนมาแล้วก็ผ่านไป แต่เรายังคงต้องหายใจอยู่ในวังวนของชีวิตอยู่นั่นเอง ขอเพียงคิดก่อนทำเท่านั้นเชื่อว่าชีวิตจะดีขึ้น “ชัวร์”
มนุษย์เกิดมาคู่กับการโกหกรึ
ครูไก่ขอเป็นใครสักคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องของ “มนุษย์กับการโกหก” ที่ปัจจุบันดูจะเป็นเรื่อง “ธรรมดา”เสียจริง ผมเองเคย “โกหกที่ชนิดที่ยากจะให้อภัยเหมือนกัน ผมโกหกต่อ “คุณแม่”ผมเองคือตอนที่แม่ป่วยเป็น “มะเร็ง”ระยะสุดท้าย ผมเองกำลังสอบในภาคเรียนสุดท้ายเช่นกัน เราทุกคนรู้อยู่แก่ใจเสมอว่าแม่กำลังจะจากพวกเราในอีกไม่นาน สิ่งที่ผมทำได้ ณ เวลานั้นคือ บอกแม่ว่าจะหายจากการเจ็บป่วยทันดูลูกรับ “ปริญญา” แล้วแม่จะได้ “บวช”ลูกของแม่ด้วย…
เพียงคำโกหกเช่นนี้จากเวลาที่หมอบอกว่า “ทำใจ”ได้แล้วนะครับ แม่อยู่อีกกว่า 8 เดือน จากคำโกหกดังกล่าวของผมนั่นเอง แต่ที่รับไม่ได้ก็เห็นจะเป็นเรื่อง “โกหก”คำโตต่อสังคม ซึ่งความจริงก็มาปรากฏให้เห็นในอีกไม่นานนั่นเอง ส่วนใหญ่ผู้คนก็จะก่นด่ากันไปทั่วบ้านทั่วเมือง จะหนักหนาแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเอาตัวเข้าไปอยู่ในวังวนชีวิตแบบนั้นเท่าใด…
ครูไก่ในฐานะ “D.J.ไก่” ผู้ซึ่งรับผิดชอบรายการเล็กๆอยู่นิดนึงก็มีอารมณ์เสียแล้วก็ของขึ้นเช่นกัน เพราะผมคิดอยู่เสมอว่า “ความผิด”ที่ใช้คำพูด “โกหก”เพื่อให้สังคมสงสารและส่งเสริมตัวเองให้สูงขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ “ให้อภัยไม่ได้”กันต่อไปแล้ว ทีนี้หากผมเอาตัวเข้าไปอยู่ในความวุ่นวายนี้จิตครูไก่คงวุ่นตั้งแต่ต้นปี การลงโทษจะหนักจะเบาก็ว่ากันไป ทั้งชาวบ้านทั้งกฎหมายคงได้ให้คำตัดสินกันไปหมดสิ้นแล้ว ผมเอาเรื่องนี้ทิ้งลงขยะไปแล้ว ใครจะผิดจะถูกผมไม่รับรู้รับฟังอีกต่อไป เพราะในภายภาคหน้า “ละคร”เช่นนี้จะได้พบเห็นอีกมากมายหลายเรื่องนัก หากจะเก็บเรื่องนี้เข้ามาในคลังความจำเราคงมีชีวิตที่ยากในภายภาคหน้านะครับ…
ดังนั้นเรื่องนี้ควรพิจารณาตามกระแสจบแล้วจบกัน เรื่องบางอย่างนำมาเป็น “เครื่องสอนสั่ง”ของชีวิตดูจะเป็นเรื่องสมควรทำอย่างยิ่ง
ชีวิตต้องมีงานทำ
หลักการของครูไก่ในการต้อนรับปีใหม่ทุกครั้งที่ผ่านมาคือ “มีงานทำตลอด” ในช่วงวันหยุดยาวๆหลายวัน ผู้คนเดินทางกันแทบทั้งประเทศก็ว่าได้ แต่ครูไก่กลับทำงานที่ตัวเองรักมากนั่นคือ “การสอน” ที่ต้องทำทุกวันในตอนเช้า และบ่ายก็เข้าสนามกอล์ฟ ไม่ว่าจะหยุดกี่วันกิจกรรมจะเป็นดังเดิม หลายปีมานี่ผมทำมาไม่เคยเปลี่ยนแล้วชีวิตก็ดีขึ้นมาก ณ ปัจจุบัน
การทำบุญทำทานก็ทำพอประมาณของตัวเอง ส่วนมากจะเลือกให้กับบุคคลที่ยากเข็ญมากกว่าการทำบุญอย่างอื่น แล้วอีกข้อที่ผมทำอยู่เสอหลังการให้คือ “ลืมการให้นั้นไปเลย” ไม่ต้องไปคิดว่าให้อะไรกับใครไปบ้างแค่นี้เองชีวิตก็จะเกิดสุขขึ้นมาก…
เช่นเมื่อช่วงจบปีเก่าเข้าปีใหม่เกิดไฟไหม้แถวๆที่ทำงาน ชาวบ้านลำบากยากเข็ญไปทั่ว สิ่งที่ครูไก่ทำได้ก็คือ เสื้อผ้าที่มีก็ยกให้เขาไปเกือบหมดก็ว่าได้ ส่วนใครจะใช้เอาไปทำอะไรก็สุดแท้แต่…สุขแบบนี้สมองโปร่งโล่งสบาย การคิดงานใหม่ๆก็เกิดขึ้น ลองทำดูนะครับสุขอยู่ข้างหน้าเมื่อชีวิตต้องมีงานทำ….
ครูไก่