อมยิ้มริมกรีน

เขียนเรื่อง ไวรัสโคโรนา

                มนุษย์โลก เผชิญกับโรคระบาด เชื้อไวรัสหลายหลากชนิด ติดต่อกัน ตายกันเป็นเบือ ด้วยไม่มียารักษาโดยตรง นับแต่โลกยุคเก่า

                ในยุคกลางของยุโรป ที่กาฬโรค ทำลายชีวิตตั้งแต่ในพระราชวังยันชาวบ้าน เชื้อแบคทีเรียกาฬโรค พาหะของโรคมาจากหมัดหนู ที่ติดมากับเรือสำเภาพาณิชย์ มาในแถบเอเชีย จีน ขึ้นมาเมืองท่าใหญ่ๆไของทวีปยุโรป และกองคาราวานสินค้าเส้นทางสายไหม กระจายไปคร่าห์ชีวิตฝรั่งยุโรปตายไปครึ่งทวีป

                เชื้อไวรัส เชื้อโรคต่างๆ ก็เป็นสิ่งทีชีวิตในธรรมชาติ ที่มันก็มีการวิวัฒนาการ เพื่อให้ชีวิตรอดช่นกัน ยิ่งสิ่งแวดล้อมของโลกเปลี่ยนไป ก็จะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นทุกชั่วโมง ที่มันปรับเปลี่ยนลักษณะตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น เช่นการสร้างเกราะรอบนอกเพิ่มอีก การแตกตัวกระจายเซลรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม

                ไวรัส โคโรนา ล่าสุด มันเป็นตระกูลเดียวกับเชื้อไวรัส sars ,mers ที่เคยแพร่ระบาด คร่าห์ชีวิตผู้คนเป็นพันในรอบทศวรรษที่ผ่านมา (corona แปลว่ามงกุฎ ตามลักษณะเปลือกหุ้มของไวรัสตระกูลนี้ ที่เป็นหนามแหลมรอบตัว)

                มนุษย์ต่อสู้กับเชื้อไวรัส ด้วยการศึกษา เรียนรู้ นำไปสู่การป้องกันด้วย การผลิตวัคซีน สร้างภูมิต้านทาน ต่อไปเชื้อไวรัสชนิดนั้นเข้าไปในระบบร่างกาย มันก็ถูกทำลายด้วยภูมิต้านทาน

                เมื่อลดจำนวนพาหะไปเรื่อยๆ เชื้อไวรัสนั้นก็เหมือน หดหายไร้พิษสง

                ไวรัสโคโรนา ตัวล่าสุด เป็นไวรัสกลายพันธุ์ ยังไม่มีวัคซีน ดังนั้น จึงไม่มียาวัคซีนโดยตรงที่จะสยบมัน การรักษาผู้ป่วย เป็นไปตามพื้นฐาน ให้รอดพ้นจากระยะอันตราย ของปอดอักเสบ อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ถ้ารอดผ่านช่วงวิกฤติไปได้..ก็ไม่ตาย

                ไวรัสโคโรนา ว่าไป  อันตรายน้อยกว่า sars,mers หลายเท่า อัตราการเสียชีวิตเพราะไวรัสนี้โดยตรง เพียง 3%

                ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ เกิดจากโรคอื่นที่เป็นมาก่อน เช่นมะเร็งปอด,วัณโรค,ปอดอักเสบ, หอบหืด, ภูมิต้านทานต่ำ เด็กอ่อน คนชรา ร่างกายอ่อนแอกว่าคนปรกติ เสียชีวิตจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

                หากเป็นสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานสูง (พวกที่ไม่เป็นหวัดง่าย) ก็อย่าตื่นตระหนกกับ การระบาดของไวรัสโคโรนา เกินอันตรายของมัน

                สองสัปดาห์มานี้  เมืองอู่ฮั่น เป็นเมืองใหญ่ของมณฑลเหอเป่ย ตอนกลางประเทศจีน เป็นที่จับตาของทั้งโลก ด้วยถูกระบุว่า การแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา เริ่มมาจากเมืองนี้ อันกลายเป็นว่า ..คนเมืองอู่ฮั่นทั้งเมือง คือพาหะของโรค

                ข่าวสารพัดมากมาย ที่ถูกผูกให้เกี่ยวข้องกับ การแพร่ไวรัสโคโรนาเกิดขึ้นทุกวัน

                เช่น คนกินค้างคาว..เชื้อไวรัสโคโรนามาจากค้างคาว

                ว่าไป..ค้างค้าวเป็นสัตว์ที่ถูกคนพื้นเมืองกินในแทบทุกทวีปของโลกแหละ

                เมืองไทยเรา มีค้างคาวแม่ไก่ กินผลไม้เป็นอาหาร ตัวใหญ่มีเนื้อยังกับไก่ มันมาติดตาข่าย กันผลไม้ ชาวไร่ชาวสวนภาคกลาง ภาคีอิสาน  บางทีก็จับมาแล่ เอาเนื้อแดง ไปรวนกับพริกแพง เป็นกับแกล้ม กินกับเหล้าขาว นัยว่าเป็นอาหารบำรุงกำลังชายด้วยซ้ำไป ลาว เวียดนาม เขมร ก็กินเป็นเรื่องปรกติ ไปดูตลาดเช้าเถอะ มีค้างคาวขาย

                ชาวเผ่าอะบอริจินิสในออสเตรเลีย ใช้มุมเมอแรง ขว้างใส่ฝูงค้างคาวที่เรียกว่าจิ้งจอกบิน ตกลงมา ก็ย่างไฟกินเป็นอาหารโปรตีนที่หามาจากธรรมชาติ เช่นเดียวกับ คนท้องถิ่นพื้นเมืองในทวีปแอฟริกา

                คนจีนกินค้างคาว นัยว่าเป็นอาหารที่กินถือเอาโชค คือ กินสัตว์วิเศษ ”หมาบิน” สร้างพลังความแข็งแกร่ง (เก็บหัวไว้ให้เห็นเหมือนหมาแยกเขี้ยว) เป็นค้างคาวขนาดเล็ก ควักเครื่องในทิ้ง ล้างสะอาดแล้วตุ๋นยาจีน กินทั้งตัว

                โดยธรรมชาติ เป็นสัตว์พาหะของไวรัสมากมายจริง ทั้งในเลือดในหมัดเกาะตัว แต่ถ้าถูกนำมาทำความสะอาด ตุ๋นเปื่อยด้วยความร้อนหลายชั่วโมง เชื้อโรคไวรัสต่างๆ น่าจะตายหมด..แต่เพราะภาพและข่าว ในช่วงมีกระแส มันพาไป

                พลเมืองอู่ฮั่น อยู่ในภาวะ เหมือนตกนรกทั้งเป็น ที่ป่วยติดเชื้อ คิดว่าตัวเองต้องตาย  ที่ยังไม่ป่วย ไม่เจ็บคอ ไม่มีอาการหวัด ก็ถูกกักบริเวณ ห้ามออกนอกสถานที่โดยเด็ดขาด ทั้งที่ต้องการหนีตาย

                อาการ panic ถึงขั้นคุ้มคลั่งก็มีเป็นข่าว คนป่วย กระชากหน้ากากป้องกัน ออกจากหน้าหมอ แล้วถ่มน้ำลายใส่รดหน้า..ตะโกน ถ้าฉันตาย แกต้องตายด้วย

                กลายเป็น จิตเภทกลุ่ม ตรงเข้าฉีกกรีดชุดป้องกันของเจ้าหน้าที่ที่ลงภาคพื้นสนาม ถ้าฉันตาย แกตายด้วย น่าเวทนาจริงๆ

                นี่ถ้าเป็นจีนในสมัยยุค จิ๋นซีฮ่องเต้ เมืองอู่ฮั่น คงถูกปิดล้อม สังหารชาวเมืองทั้งหมด แล้วเผาให้สิ้นไปแล้ว

                การสั่งการอย่างเด็ดขาด เพื่อยุติต้นตอแห่งเหตุอันร้ายแรงได้โดยฉับพลัน ถือว่าเป็น การใช้อำนาจรักษาแผ่นดิน

                ว่าไป ในโลกปัจจุบันก็ทำอยู่..เพียงแต่ ไม่ใช่กับมนุษย์ แต่เป็นสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค

                ครั้ง ไข้หวัดนกระบาด เราเห็นภาพข่าว  การฆ่าสัตว์ปีกเป็นแสนเป็นล้านตัวแบบ กลบฝังทั้งเป็น ในทุกประเทศ แม้แต่เมืองไทย เมืองพุทธ  หรือ การฆ่าสัตว์สี่เท้า วัว หมู เป็นพันๆตัวในคอกปศุสัตว์ เขตุแพร่โรควัวบ้า ก็เป็นคำสั่งโดยชอบของรัฐ  เพื่อปกป้องความปลอดภัยให้กับมนุษย์..ก็เป็นเรื่องปรกติ

                ประเทศจีน มีคำสั่ง “ปิดประเทศ”ครั้งใหญ่ คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้าของเฉียบขาด  เพื่อป้องกันไม่ให้ คนจีนเป็นพาหะของไวรัสโคโรนา กระจายวงกว้างออกไปนอกประเทศ

                จีนไม่ต้องการให้โลกประณามว่า เป็นต้นตอแห่งการแพร่กระจายภัยพิบัติโลก..อันเป็นการรับผิดชอบประการหนึ่งของประเทศระดับมหาอำนาจโลก

                จีนต้องการสยบเชื้อไวรัสโคโรนา และจบให้ได้เร็วที่สุด พาประชากรของเขาและพาโลก ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้

                รัฐบาลจีน “ใช้อำนาจ”ได้ราวกับเนรมิต เอาซึงหงอคง มาช่วยเลยนะครับ

                สร้างโรงพยาบาลเฉพาะกิจ แก้ไขวิกฤติไวรัสโคโรนา ตัดเหล็กจากโรงงานทำแบบใน3วัน ประกอบเสร็จ ใช้งานได้ใน9ชั่วโมง เสร็จ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั้งในอู่ฮั่น ในเมืองของมณฑลเจ้อเจียง ระดมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ แพทย์ ได้เป็นพันๆคน สู่อู่ฮั่น

                รัฐใช้งบมหาศาลเข้าไปแก้ไขปัญหาตรงเป้าในทันที จัดระบบ แยกเฟ้นผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ แยกผู้ไม่ติดเชื้อออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ คำสั่งการควบคุม กักบริเวณประชากรทั้งชาติ เฉียบขาด ปฏิบัติทันที ยิ่งกว่า กฏหมายเผด็จการเบ็ดเสร็จ กฎอัยการศึก ม.44   ทุกอย่างต้องสัมฤทธิ์ผล

                ทำไมจีน ทำได้เช่นนั้น?

                ก็เพราะ ประเทศปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ไงครับ

                อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ พรรคคอมมิวนิสต์ ..สั่งได้ดุจเนรมิต ประกาศิตฮ่องเต้เช่นกัน

                บางที ประเทศที่กว้างใหญ่ศาล ประชากรมากมายต่างเหล่า ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างการศึกษาเป็นพันล้านคน ต้องปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ อันจะเห็นผลชัดเจน ยามเกิดวิกฤติ..เพราะมีอำนาจสั่งประชาชนได้

                ประเทศระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ ทำไม่ได้เช่นนี้หรอกครับ

                แค่รัฐบาลสั่ง “กักบริเวณ” ต้นตอเมืองหรือจังหวัดแพร่ระบาดโรค รักษาประเทศทั้งประเทศ

                มีหวัง โดนฝ่ายค้าน หลับหูหลับตาถล่มยับในนรัฐสภา..รัฐบาลทำบ้าอะไร

                “ผู้นำมวลชน”นอกสภา ประกาศจุดยืน  ยึดมั่นเทิดทูนในประชาธิปไตยเหนือสิ่งอื่นใด ชูธง ชวนประชาชนเดินลงถนน ต่อต้านรัฐบาล ลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ประชาชน

                หนึ่งคนล้มตาย อีกพันคนจะสู้ ถือธง สานต่อเจตนารมณ์..เทิดทูนประชาธิปไตย

                ไอ้ถุยส์.. พอดี  ห่าลง ตายกันทั้งประเทศ

                ขอโทษ..ไม่ใช่ ตายห่า..ตายห่านั่นเป็นอหิวาตกโรค ขี้ไหล น้ำหมดตัวตาย

                แม้..เขียนเรื่องๆไวรัสโคโรนาในจีน ไหงมาจบตรง..ตายห่าในเมืองไทย

ยอดทอง