ความมืดกับเม็ดเงินเงินที่หลุดลอย
ขอว่าด้วยเรื่องของการท่องเที่ยวที่ว่ากันว่าเป็นรายได้หลักของประเทศชาติ เรามีสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งไม่แพ้ชาติใดในโลกใบนี้ ความงดงามของทะเลทั้งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันมันคือจุดหลักของการท่องเที่ยวทางทะเล ส่วนใดที่อยากจะเที่ยวบนพื้นเมืองไทยเราสามารถที่จะลุยได้กันทั้งปี ตั้งแต่เชียงรายยันเบตง จากสภาพคล่องของประเทศมหาอำนาจในเอเชียเรา จะบอกได้ว่าชั่วโมงนี้ “จีน” คือพี่ใหญ่ที่เราต้องคบค้าสมาคมอย่างกระชับแน่น ในอดีตราว 30 ปีก่อน เมืองไทยคือ แหล่งทำมาหากินของบรรดาคนจีนจากแผ่นดินใหญ่มาทำงานส่งเงินกลับยังบ้านเมือง แต่พอประเทศเขาเปิดรับเอาความเจริญ และความรู้ในทุกสาขา จากประเทศที่เคยถือว่าเป็นที่ซึ่งรวบรวมเอาความจนไว้มากมายได้กลายเป็นขาใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย
พอย่างเข้ามาถึงฤดูกาลวันหยุดของคนจีนในหลายประเทศก็วางแผนที่จะเก็บเกี่ยวจากรายได้ที่มาจากการท่องเที่ยวจากคนจีน ซึ่งทางไทยเราเองคือหนึ่งในเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น ให้ห้วงเวลากว่า 10 ปี ที่เราได้อ้าแขนต้อนรับบรรดานักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักที่ว่ามา แต่กับปีนี้รัฐบาล “ลุงตู่”เองก็วางแผนไว้อย่างแยบยล ทั้งรุกรับ ปรับเชิงเคลียร์ความกินแหนงแคลงใจในบางเรื่องที่มีมาก่อนหน้าเรียกว่า “เคลียร์ประเด็น” ตัวเงินที่เห็นอยู่ตรงหน้าเราเพียงรอเวลาหยุดของกองทัพนักท่องเที่ยวก็เท่านั้น
จากข้าวของที่ตระเตรียม สถานที่กับผู้คนที่พร้อมสรรพสุดท้ายฝันก็สลายกลายเป็นอากาศธาตุ เมื่อ “CORONA”คำเดียวที่ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น ทั่วโลกพากันตระหนกเหมือนคราวที่มีสองโรคเมื่อคราวก่อน แค่นั้นยังไม่พอประเทศที่เป็นต้นตอของโรคออกมายอมรับว่าเจ้าโรคนี้มีการระบาดมาโขอยู่แล้วที่ทางการของเขาอุบเงียบไว้ก่อนโดยหวังว่าการควบคุมโรคด้วยระบบของเขาที่มีเอาอยู่ แต่สุดท้ายปลายทางเมื่อเริ่มมีคนล้มตายลงเรื่องมันก็แดงขึ้น แต่จากแหล่งข่าวที่พอจะเชื่อถือได้มีแพลมออกมาว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเฉพาะในประเทศต้นเรื่องมีจำนวนมากมายกว่าที่เรารู้มากมายนัก ดังที่เราทราบกันรัฐบาลของเขาเร่งงานการรักษากันเป็นบ้าเป็นหลัง แล้วแบบนี้จะให้ใครเขาเชื่อไหมว่าเป็นแค่จำนวนพันเท่านั้น
ถึงขนาดต้องสั่งปิดเมืองห้ามใครเข้าใครออกทั้งนั้น แต่ไม่น่าสงสารเท่ากับคำสั่งเหล่านั้นมันมาพร้อมกันกับปีใหม่ของคนจีนทั้งโลก ไอ้ประเทศอื่นๆที่มีคนจีนไปอาศัยตั้งหลักแหล่งก็ยังคงมีความสนุกสนานกันตามเวลาที่ว่า แต่กับประเทศต้นทางเขาให้ทำอะไรก็เป็นไปตามนั้นห้ามบิดพริ้ว ซึ่งเล่นเอาเมืองทั้งเมืองประเทศทั้งประเทศเงียบกริ๊บ นี่แหละความเด็ดขาดที่เขามี
ทีนี้มาดูเมืองไทยว่าเงินที่กำลังจะได้อยู่แล้วสุดท้ายก็หลุดมือไปเฉยเลย…แบบนี้ลุงตู่จะทำอย่างไรกับเรื่องกันดี เพราะเงินที่หายไปเป็นสิบล้านหรือร้อยล้านก็ช่างมัน แต่นี่น่าจะหายไปเป็นพันเป็นหมื่นล้าน สภาพการหมุนเวียนของเงินในประเทศคงจะต้องเงียบอีกครา…เราคนไทยต้องทนกัดฟันกันต่อไป ใช้เฉพาะที่จำเป็นไปก่อน หรือจะสุรุ่ยสุร่ายก็เอาพอประมาณแล้วกัน…จำคำครูไก่ไว้ “คนไทยไม่กลัวความมืด” ครับผม
ครูไก่