อมยิ้มริมกรีน

เขียนเรื่อง ไม่น่า “อมยิ้ม”เท่าไหร่

ผมเป็นสมาชิกเคเบิลทีวี ทรู วิชันส์ ครับ ประเภท แพลตตินั่ม

ใครต่อใครหลายคน บอกผมว่า..ยุคนี้ ไม่มีใครเป็นสมาชิเคเบิลทีวี จ่ายตั้งเดือนละสามพันกันแล้ว

มีบริการทีวีดิจิทัลแบบถูกกฏหมาย ผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ต สารพัดครอบจักรวาล มีให้กดรีโมทดูหมด โดยเฉพาะของ Netflex  ทั้งหนังทั้งซีรีส์อยู่ในเทรนด์ ยิ่งกว่าในแพคเกจ ทรู อีก อยากดูฟุตบอลอังกฤษ กีฬาระดับโลก ก็สมัครต่างหากของ Be In ถูกกว่าเยอะ (จากสมาร์ทโฟน ยิ่งขึ้นจอโทรทัศน์ใหญ่ๆได้ สัญญาณHDชัดแจ๋ว)

กลายเป็นผมเองแหละที่ล้าหลัง เสียเงินโดยใช่เหตุกับของเก่าๆ

แต่ไปๆมา ผมก็อยู่กับระบบเคเบิลทีวี จาก IBC จนมาเป็น True Vision  เหมือน แต่งงานร่วมชายคาเดียวกันมายาวนาน ก็ย่อมมียามพึงใจ ยามหงุดหงิด ไม่ได้อย่างใจ ไว้ทะเลาะ ไว้เป็นที่ลงอารมณ์ เป็นเรื่องธรรมดา

 ถึงวันนี้ ก็เลยไม่ได้ หย่า เลิกสัญญา ไปหารายอื่นที่ มาใหม่ มีครบ ถูกกว่า

อย่างไรก็ยังมี “อะไร”ให้ดู แล้วมีแก๊ก เขียนหนังสือ อันเป็นงานของผม

เช่น ช่วงนี้ มีช่องที่กดรีโมทไป แล้วดูนาน ดูบ่อย

คือ ช่อง CCM ภาพยนตร์จีนคลาสสิก Celestial Classic Movies ยกยวงหนัง Shaw Brothers,Golden Harvest    มาทั้งพิพิธภัณฑ์

ผมได้ดู หลิน ปอ ง่ะ

ผมรู้จัก หลิน ปอ จาก หนังกลางแปลง ฉลองศาลเจ้าจีน แถวหัวลำโพง ตอนยังเป็นเด็กไม่ถึงสิบขวบ  หนังจีนเหมือนละครร้องของไทย  หลิน ปอเป็นนักแสดงที่ดังที่สุดในยุคนั้น เธอเป็นผู้หญิงแต่เล่นบทพระเอก ร้องเพลงงิ้ว ทั้งเรื่อง          

ได้ดู หวัง หยู่ ใน “เดชไอ้ด้วน” One Arm Sword Man ( ที่จริง ไม่ใช่ดาบนะ แต่เป็นปังตอ) ดาราฮ่องกงมากมาย ตามมา ตี้ หลุง ,ไป เปียว, เดวิด เจียง, เฉิน กวน ไถ้ ,ว่าน จื่อ เหลียง ฯลฯ รำลึกถึงอดีต ที่ครั้งกระโน้น ไปดูที่โรงหนังกรุงเกษม ค่าตั๋ว 7.50 บาท (เอาใกล้ แบบอารมณ์เลือดสาดโดนตัว หรือ โดนน้ำลายที่ถ่มออกมาจากจอ ดูต้องหมุนคอไปมา ก็ 4.50 บาท เป็น ค่าดู 3 บาท ค่าอากร 1.50 บาท) 

ภาพมายาเคลื่อนไหวเหล่านั้น มันไม่ได้ให้ความรู้สึกเร้า เหมือนห้าสิบปีก่อน แต่เหมือนกับได้ดู ภาพเก่าสีซีเปียในอัลบั้ม.. พินิจไปก็ยิ้มไป

ในตัวของเนื้อภาพยนตร์น่ะ เชยบรม โบราณ ลีลา แอ็คชั่น  ไม่ว่าหนังกำลังภายใน หรือ หนังฮ่องกง ในยุคเอจตีส์ พระเอกผู้ร้าย ทรงผมบ็อบรากไทรเหมือนกันหมด กางเกงม้อดขาบาน เสื้อตีเกล็ดรักรูป ปกใหญ่ ใส่เลซ  รองเท้าส้นตึก

ความรู้สึกที่ดูตอนนี้ มันชวนยิ้ม เบ้อ น่ารักดี..รู้สึกว่า โลกสมัยก่อน ยังมีอะไรๆที่น่ารักแบบ มนุษย์ยังคงมีความเดียงสา

วิวท่าเรือวิคตอเรีย จากฝั่งเกาลูนออกไป ยังคงมีตึกระฟ้าไม่เท่าไหร่ ยังเห็นแนวเขา ยอดวิตอเรียพีค ไม่ได้เป็นป่าคอนกรีตเสียดแทงเต็มพื้นที่ไปหมดเช่น ฮ่องกงในวันนี้..ให้ความรู้สึก คิดถึงนะ

ผมไม่ใช่คนฮ่องกง อาจมีความผูกพันบ้าง ในความเป็น ฮ่องกง ดูหนังชอว์ บราเดอรส์ สมัยเด็ก ไปฮ่องกหลายๆครั้ง ด้วยรักอาหารจีนที่ฮ่องกง

คิดถึง ฮ่องกงในอดีตที่เรารู้จัก เราชอบ แล้วมา สู่ฮ่องกงในโลกแห่งความเป็นจริงในวันนี้ มันสะเทือนใจว่า..ฮ่องกง พวกมึง เป็นห่ อะไรวะ

             สหราชอาณาจักรอังกฤษ  ชูธงเป็นชาติมหาอำนาจ ศิวิลัยซ์ในทุกด้าน ได้สมญา..เกรตบริเตน ไม่มีอาทิตย์ตก เพราะโลกหมุนฉาบแสงแดดไปไหน ก็มีแผ่นดินเกรตบริเตนทั้งโลก ที่ใครก็ว่า..เป็นเมืองขึ้นอังกฤษ นั่นดี ส่งเสริมความศิวิลัยซ์ รากฐานการศึกษา การใช้ภาษาอังกฤษ

ฮ่องกง เกาะหินโสโครกในสมัยวิคตอเรีย อยู่ภายใต้สนธิสัญญา “กบถฝิ่น” ที่อังกฤษ บีฑาบีบคั้น เอาเปรียบจีน เช่ามาเป็นพื้นที่อาณานิคม 99 ปี 

ฮ่องกง ถูกการปกครองแบบ อาณานิคมเกรตบริเตน มีผู้สำเร็จราชการ เป็นอำนาจสูงสุดตัวแทน สมเด็จพระราชินี อำนาจบริหารทุกส่วน ขึ้นตรงกับอังกฤษ  หน.ศาล หรือ ผบ.ตร.ยังเป็นคนอังกฤษทั้งสิ้น เป็น “นาย”คนท้องถิ่น

ก่อนจะหมดสัญญา ที่ต้องคืนเกาะฮ่องกงให้จีน แค่สองสามปี อังกฤษเปลี่ยนแปลงการปกครองฮ่องกง โดยให้มีการเลือกตั้งในตำแหน่งต่างๆ ดังว่าเปิดโอกาสให้ฮ่องกงปกครองกันเอง เพราะ “ปีกกล้าขาแข็ง”แล้ว เป็นรางวัลที่เป็น อาณานิคมที่ดี เป็นเมืองท่าของโลก สร้างร่ายได้มหาศาลให้เจ้าผู้ครอง..คืออังกฤษ

นั่นไม่ใช่ปรารถนาดี..แต่เป็นการ “วางระเบิด” ฮ่องกง ให้กับจีน

ทำให้คนฮ่องกงวัยเจริญพันธุ์หนุ่มสาว นึกว่าตัวเองคือ คนฮ่องกง ตามที่อังกฤษการันตี

จีนต่างหากที่มีริดรอนสิทธิเสรีภาพ

จีนไม่เคืองอังกฤษ ยังไงไหว และยิ่งเคืองสหรัฐอเมริกา ที่เร็วๆนี้ สภาสูงสภาล่างอเมริกันผ่านกฎหมาย สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง ในฐานะประเทศผู้นำโลกเสรี

แหม่ง..บนเวทีประตูหน้า โอ่อ่า กูคือ ประชาธิปไตย ศิวิลัยซ์คน สิทธิมนุษยชนทัดเทียมกันหมด..ประตูหลัง  ไล่กระทืบ เขี่ยคนสายเลือดเอเชียทิ้งจากแผ่นดินมึง ยังกับหมูกับหมา

จนรู้สึกว่า ที่สุดแล้ว มนุษย์คนละชาติพันธุ์ ผิวสี คนละสปีชี่ มองโกลลอยด์/เนโกรอิด/คอเคเซียน คนละทวีปซีกโลก

มันไม่ใช่มนุษย์ที่สามารถคลุกเคล้ารวมกันได้ ในสถานะทัดเทียมกันด้วย ปัญญา ความรู้ หรือ อ้างประชาธิปไตย ได้หรอก

คนผิวเหลือง ตาตี่ หัวดำ ที่เยิ้วๆ แบบโจชัว หว่อง เกลียดความเป็นจีน อยากให้ สหรัฐอเมริกา พ่อประชาธิปไตยตัวเป้งช่วยปลดแอกหน่อย..เพราะประชาธิปไตยคือที่พึ่งแห่งความทัดเทียมเสมอภาคของมนุษย์

ถึงวันนี้ ไอ้อีที่เป็นผู้นำ เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง มันอยู่ไหน รับผิดชอบอย่างไร (ไอ้หว่อง มันหนีไปไหนต่อไหนแล้ว)  ด้วยฮ่องกงมาถึงจุดที่ คนฮ่องกงเกลียดกัน ถึงฆ่ากันตาย จุดไฟเผาทั้งเป็นแล้ว

รายหนึ่งมี รายที่สองสามสี่ห้า ไปหลักสิบหลักร้อยก็ต้องตามมา

อันเป็นเรื่อง ล้างแค้น อำมหิต ไม่ใช่เรื่องศิวิลัยซ์ แห่ง อุดมการณ์ประชาธิปไตย

เรื่องราวรากเหง้าที่ดีงาม เคยสุขสนุกสนาน เพลงงิ้วบ้านนา ครั้งอากงอาม่า หาดูได้แค่ความทรงจำในหนัง

ความเป็นจริงของฮ่องกง คนรุ่นใหม่ มันเรียกร้องประชาธิปไตย ด้วยการสาดยาพิษ เผาฮ่องกง ฆ่ากันเองแล้ว

ฮ่องกง เอาอย่างไทย หรือไทย เอาอย่าง ฮ่องกง..ต่างก็ล้วนคือการนำไปสู่ความฉิบหายของแผ่นดินทั้งสิ้น

ตัวอย่างก็มีเห็นๆ..ว่าเป็นอย่างไร

ไอ้อี อ้างชูธงประชาธิปไตย อยู่เป็น หรือ อยู่ไม่เป็น ชวนคนเดินลงลงถนน

ควรเนรเทศโคตรเหง้า ไปแสวงหาประธิปไตยที่ฮ่องกงเถอะ

ยอดทอง