Interview

ทศพล ตัณฑวนันท์

กรรมการผู้จัดการ
กลุ่ม ออโต้เครน
“คิดดี ทำดี ไม่เอาเปรียบใคร ถึงจะเหนื่อย แต่เห็นผลในระยะยาว”

เด็กเซียงกง : คุณพ่อทำธุรกิจอะไหล่ยนต์ หรือเรียกว่า เซียงกง อยู่ที่หลักสี่ ผมเป็นลูกคนเดียว โตขึ้นมากับกองเครื่องยนต์ เหมือนอยู่ในสายเลือด กินนอนอยู่กับมัน ไม่ว่าจะเครื่องแบบไหน เบนซิน ดีเซล

เรียนไฟฟ้า : อยู่เชียงกง ทำไมไม่เรียนช่างยนต์ ผมก็คิดว่าไม่รู้จะเรียนไปทำไม เพราะเห็นอยู่ทุกวัน ผ่ามัน รื้อมัน ผมเลยไปเรียนไฟฟ้า เพราะมองว่า เรื่องนี้มันเข้าใจยาก และสมัยก่อนเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่งเริ่มจะมีใช้งานกัน กลายเป็นว่าผมสนใจเรื่องไฟฟ้ามากกว่า แต่เครื่องยนต์ถ้าใครถาม ผมก็รู้ ตอบได้ ซ่อมได้ เข้าใจระบบ เกียร์ต่างๆ แต่ไม่ได้เรียนโดยตรง

ใช้ความรู้มาประยุกต์ : สามารถเอาเครื่องรุ่นใหม่ ดัดแปลงให้ไปใช้กับรถรุ่นเก่า ผมทำให้สมบูรณ์ได้ ซึ่งต่างจากแค่ซื้อมาวาง จากรถที่ไม่มีระบบทันสมัย ผมก็จับใส่ทั้ง เบรก เอบีเอส แอร์แบ็ค กันขโมย เราอ่านเรื่องการวางสายไฟเป็น จะรู้ว่าอะไรจะต่อไปไหน ต้องใช้อุปกรณ์อะไร ขณะที่ช่างทั่วๆ ไปจะวางสาย เพื่อให้ติดเครื่องได้ ก็ใช้กันไป อย่างเกียร์ออโต้ ถ้าไม่ต่อสายไฟ ก็ใช้ได้ แต่มันไม่เข้าครบทุกเกียร์ ทำให้โต้เถียงกันว่า ทำไมเครื่องพังไว ก็เพราะต่อสายไฟไม่ครบ ทำงานไม่เต็มระบบ ครัชก็ไม่ล็อค ยังไงก็พังเร็ว

ชีวิตในรั้วอาชีวะ : จากเด็กนักเรียนที่เรียบร้อย เมื่อต้องเข้าอาชีวะ ที่เด็กมีความแตกต่างกันแทบจะคนละขั้ว แค่ปีหนึ่งก็ออกกันเกือบครึ่งห้อง ก่อเรื่องสารพัด ทั้งรุ่นกว่าจะจบเหลือแค่ครึ่งเดียว เราอยู่ในสังคมที่เรียกว่า ดื้อกันอย่างครบเครื่อง แต่ใครชวนอะไร ผมไม่เอาเลย อย่างบุหรี่ พอเพื่อนชวน ก็บอกว่า ไม่เครียด ไม่รู้จะสูบไปทำไม เปลืองตังค์ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ช่วงนั้นตัวผมเล็ก เตะฟุตบอล เล่นกับพวกเพื่อนๆ นี่แหล่ะ เล่นบอลพาสติกบนพื้นปูน เตะจนนิ้วโป้งเท้าหัก รองเท้าหนังพังกันแหลกราญ เล่นจนเรียนจบ ปวช. แต่พอเรียน ปวส. ต้องไปทำงาน เรียนยากขึ้นด้วย เลยต้องเลิกเล่นไป

ผจญภัยวัยรุ่น : พอทำใบขับขี่ได้ ก็ขอรถตู้พ่อไปเที่ยวกับเพื่อน ขับกันไปจนถึงเบตง ปิดเทอมทีก็จะไปกันแต่ละภาค อีสาน เหนือ ใต้ ไปกัน 4-5 นอนในรถ ไม่มีการนอนโรงแรม ทำกับข้าวกินกันเอง จะอาบน้ำก็แวะปั้มน้ำมัน สมัยเรียน เราได้หยุดพร้อมกับเพื่อน ไปไหนไปกัน แต่ปัจจุบัน มีใครได้หยุดพร้อมกันบ้าง ยากมาก เราหยุด เพื่อนหยุด แต่ครอบครัวอาจจะไม่หยุด อารมณ์ก็ต่างกัน ความสนุกมันเยอะมาก เล่าวีรกรรมกันแล้ว ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเยอะมาก ผมเคยขับรถไปติดหล่มที่หาดสมิหลา ด้วยความอ่อนประสบการณ์ในการขับรถ แค่ขับได้ก็ขับไปเรื่อย ไม่ได้ดูพื้นที่ให้ดี ติดหล่มกันเป็นวัน อยู่กันกลางคืนมืดๆ พยายามช่วยกันจนมือพังกันหมด ทำอะไรไม่ได้ ต้องคอยระแวดระวังกัน ต้องรอจนเช้า ขอให้รถทหารมาช่วยลาก ถึงขึ้นมาได้ ไปเกาะสมุย เที่ยวน้ำตก ก็อยากปีนขึ้นไปดูว่า น้ำมาจากไหน ปล่อยให้เพื่อนรอที่รถสองคน ขึ้นไปสี่คนตั้งแต่เที่ยง ถึงยอดหกโมงเย็น กว่าจะลงมาได้ มืดสนิท เดินจับกลุ่ม ท่ามกลางความมืด ลงมาตามน้ำอย่างเดียวเลย ตอนนั้นคิดว่าเราคงไม่รอดแล้ว พอถึงรถก็คิดย้อนไปว่า ทำไมพวกเราถึงหาเรื่องกันได้ขนาดนั้น ปัจจุบันไม่มีโอกาสไปลุยกันอย่างนั้นอีกแล้ว เราต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคน เมื่อนึกถึงทีไรก็รู้สึกสนุกทุกที วัยนั้นเป็นช่วงที่ชีวิตยังใสๆ ไม่ซับซ้อนวุ่นวาย

ไปทำงานญี่ปุ่น : ช่วงอายุ 18-19 เรียน ปวส. พ่อส่งให้ผมไปญี่ปุ่น ไปดูว่า เวลาไปซื้ออะไหล่จากที่โน่น เมื่อนำเข้าทั้งคันไม่ได้ ต้องรื้อมาอย่างไร เพื่อให้ประกอบกลับได้เร็วที่สุด ดีที่สุด ก็ต้องไปเลือกซื้อเอง

รถ 12 ล้อ : ยุคนั้น บ้านเรายังไม่มี ขณะที่ญี่ปุ่นแพร่หลายแล้ว ผมก็คิดว่าทำไมเราไม่ใช้บ้าง เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่จดทะเบียนรถ 12 ล้อ ครั้งละเยอะๆ แล้วนำเข้ามาขาย ซึ่งตามกฎหมายบรรทุกได้มากกว่ารถ 10 ล้อพอสมควร ทำให้ไม่ต้องบรรทุกเกินน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนดด้วย เครื่องยนต์สมัยก่อน ญี่ปุ่นก็ล้ำหน้ากว่ากันมาก อย่างรถยนต์รุ่นต่างๆ เราก็ตามเขาอยู่หลายปี เวลาซื้อก็ได้พวกรถตกรุ่นของเขา ต่างปัจจุบันที่เทคโนโลยีตามทันกันแล้ว เขามีอะไร เราก็มีเหมือนๆ กัน บางรุ่นบ้านเรามี บ้านเขาไม่มี ต่างกันไปตามความเหมาะสม ค่านิยม กฎหมาย ภาษี

บุกเบิกการขนส่ง : เพื่อนคุณพ่อจะเปิดโรงงานแผ่นพื้นที่ ลพบุรี มาปรึกษากันว่า ยุทธศาสตร์คือ พื้นที่บริเวณกรุงเทพฯ ขณะที่คนอื่นโรงงานอยู่ใกล้กว่า แล้วจะวางแผนสู้กับคู่แข่งอย่างไร ตอนนั้นผมไฟแรง ทำรถ 12 ล้ออยู่ เลยเสนอรถ 12 ล้อ และลากพ่วงไปด้วย ทำให้บรรทุกได้ครั้งละเยอะๆ โดยไม่ผิดกฎหมาย ทำให้สู้กับคู่แข่งได้ แล้วคุณลุงก็ให้เข้าไปช่วย ทั้งออกแบบ ประกอบ วางระบบขนส่ง มีถังน้ำมัน การปะยาง โรงซ่อม เรียกว่าสมบูรณ์แบบครบวงจร สามารถนำบริษัทไปเข้าตลาดหุ้น เป็นมหาชนได้

ทำงานด้วย เรียนด้วย : ช่วงเรียนปริญญา ส่วนใหญ่จะฝากคุณศิริวรรณ (ภรรยา) ให้ช่วยเรียนด้วย บางครั้งทำงานก็ต้องสั่งงานลูกน้อง เพราะเราเป็นเจ้านายรุ่นเล็ก ไปเข้าตากรรมการบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง เขาก็บอกว่าเราเด็กมากที่ทำธุรกิจ ขอเจอตัวหน่อย ช่วงนั้นธุรกิจกำลังขยายตัว เศรษฐกิจดีมาก เขาอยากให้เพิ่มรถ ก็มีการเสนอเงื่อนไขกัน จนกลายเป็นผู้ขนส่งอันดับหนึ่งของบริษัทฯ มีรถ 70 คัน ดูแล 10 หน่วยงาน สมัยนั้นนับว่าเยอะแล้ว เคยเอารถไปถ่ายทำโฆษณาด้วย แต่หลังจากนั้นเศรษฐกิจโดยรวมก็เริ่มมีปัญหา และส่งผลกระทบกับเราโดยตรง ผมจึงชะลอเรื่องการขนส่งปูน และหันไปทำรถขนส่งสายไกล 12 ล้อ

ความภาคภูมิใจ : เมื่อเห็นรถ 12 ล้อ ซึ่งมาจากแนวความคิดของเรา ก็รู้สึกภูมิใจ เราไปซื้อมาเยอะจนคนอื่นตกใจ ไปเหมาจากคนอื่นมาหมดเลย เพราะเราคนเดียวไม่ทัน ซื้อแล้วนำกลับไปประกอบที่โรงงานที่สระบุรี เป็นรายแรกๆ ที่ไม่วิ่งเกินน้ำหนัก เพราะเรารู้ดีว่า ในที่สุดแล้วผลเสียของการทำผิดกฎหมายจะย้อนเข้ามาสู่ทั้งตัวเองและสังคมส่วนรวม ถึงแม้อาจจะได้กำไรน้อยกว่าคนที่เขาเอาเปรียบ แต่เราสบายใจกว่า และก้าวได้อย่างมั่นคงกว่า

ขนส่งปูนซีเมนต์ : เรานำเข้ารถผสมคอนกรีตจากญี่ปุ่นเป็นเจ้าแรก คันแรกก็มาขายกับผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งในปัจจุบันเป็นรายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ขณะนั้นก็เพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจด้วยเหมือนกัน ส่วนผมเองยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ ส่วนค่ายปูนซีเมนต์เริ่มเปิดแพล้นต์คอนกรีต ต้องการรถขนส่งปูนไปวิ่งร่วม คุณพ่อก็จดบริษัทขึ้นมาเพื่อรองรับการขนส่ง ของบริษัทปูนซีเมนต์แต่ละค่าย แล้วก็เริ่มขยับขยาย จากเป็นผู้นำเข้า ก็เป็นผู้ขนส่งขึ้นมา

สานต่อธุรกิจ : พอเรียนจบก็รู้จักคนมากขึ้น ผมเริ่มมาทำ ออโต้ทรัคเซอร์วิส เป็นรถขนส่งปูนซีเมนต์ถุง ปูนซีเมนต์ผง เริ่มรู้จักโรงงานมากขึ้น เราก็เริ่มทำ ออโต้เครน เป็นเอเย่นต์ ค้าวัสดุก่อสร้าง และเรากำลังจะขึ้นธุรกิจใหม่ ออโต้คอนสตรัคชั่น รับประมูลงานก่อสร้าง ทำถนน ทำก่อสร้าง ขยับไปเรื่อยๆ รุ่นคุณพ่อ จะทำงานแบบฉายเดี่ยว ตามแบบฉบับของคนจีนสมัยก่อน ไม่มีลูกน้องเยอะ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง พอมาเป็นรุ่นผม เริ่มมีพนักงานมากขึ้น การทำงานเป็นรูปแบบบริษัทมากขึ้น ด้วยเศรษฐกิจปัจจุบัน การจะมาทำงานฉายเดี่ยวเหมือนสมัยก่อนนั้น คงทำไม่ได้แล้ว โครงสร้างภาษี สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป ทำให้เราต้องทำเป็นรูปบริษัท

จุดเปลี่ยนชีวิต : เมื่อผมเกิดอุบัติเหตุ รถพังยับทั้งคัน เอ็นข้างซ้ายขาด ขาหัก กะโหลกแตก อาการหนัก หมอให้เลือกระหว่าง แขน ขา กับ ลูกตา เพราะต้องทำการรักษาเร่งด่วน วินาทีนั้นต้องเลือกว่าจะรักษาอะไร ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือก แขน ขา เพราะถึงแม้ว่า จะเลือกรักษา ตา ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะรักษาให้หายได้มากน้อยแค่ไหน ผมต้องผ่าตัดถึงสองครั้ง ครั้งที่สองผมหยุดหายใจ แต่หมอก็ปั๊มกลับมาได้ ร่างกายบอบช้ำมาก ต้องค่อยๆ รักษา ใช้เวลาฟื้นตัว พอการมองเห็นไม่เหมือนเดิม กีฬาที่เคยชอบอย่าง ปิงปอง ก็เล่นไม่ได้ คือมองเห็น แต่มิติมันหายไป พอตีไม่ถูกก็เครียด ยิ่งเทนนิส สควอช หมอห้ามเลย เพราะลูกมันเร็ว อาจจะเกิดอันตรายได้ ต้องเล่นกีฬาที่ทำคนเดียวไปเรื่อยๆ อย่างว่ายน้ำก็พอทำได้ และต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ก็คิดว่า ชีวิตเราที่เคยเฉียดตายมาแล้ว กลับมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ดีกว่าต้องไปเสียแขนเสียขา ซึ่งจะหนักกว่านี้ ผมยังเดิน ยังวิ่งได้ มืออาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะต้องต่อเส้นเอ็น ข้อมือกระดูกแตกหมด ช่วงวิกฤติก็ได้คุณหริ คู่ชีวิต ดูแลมาตลอด และยังเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจด้วยพอดี ทำให้ผมต้องให้คุณพ่อช่วยดูแลให้พอหายก็ย้ายไปอยู่สระบุรี เริ่มต้นชีวิตกันใหม่ จากที่เคยรู้จักกับบริษัทปูนต่างๆ ก็เริ่มทำวัสดุก่อสร้าง ขยับมาทำคอนกรีต แล้วมารับเหมา สร้างธุรกิจเผื่อไว้ให้ลูก

ขยายงาน : เราจะรับประมูลงาน เพื่อสอดคล้องกับบริษัท ออโต้ คอนกรีตโปรดักส์ จำกัด เป็นแพล้นต์ผสมคอนกรีต เป็นแบรนด์ของเราเอง เมื่อเรามีสินค้า ก็ต้องหาวิธีใช้มันจากรอบๆ ตัวเรานี่แหล่ะ เริ่มจากงานถนน งานก่อสร้างต่างๆ ของรัฐ ซึ่งเราก็อยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงต้องสร้างผลงาน สร้างความเชื่อถือ เชื่อมั่น ให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจะรับงานที่สำคัญๆ ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ทำไป เพราะทำหลายๆ อย่างพร้อมกันคงไม่ไหว

คิดเอง ทำเอง : งานวางระบบ ไอที ต่างๆ ทั้งที่บ้านและบริษัท ผมทำเองทั้งหมด กล้องวงจรปิด การติดต่อสื่อสารกับพนักงาน ทำให้ผมสามารถออกไปไหนได้ ไปต่างประเทศ มีปัญหาก็แก้ได้ ทั้งบ้าน ทั้งบริษัท เครื่องผสมคอนกรีตผมก็สร้างเอง ซื้อเฉพาะห้องผสม ที่เหลือสร้างเอง ระบบไฟฟ้า ก็คิดใหม่ ทำเอง ไม่เหมือนคนอื่น การควบคุมระบบการผสมปูน ผมก็คิดเอง ทำเองทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหาระบบรุ่นเก่า ที่ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในยุคปัจจุบันได้ เช่น การสั่งงานเครื่องผสมให้มีความสามารถหลากหลาย ปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การวางระบบสั่งงานด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งผมก็เขียนโปรแกรมเอง พัฒนาระบบเอง

ใช้เทคโนโลยี : ผมสนใจในเรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะช่วยให้ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น อย่างการแจ้งเตือนต่างๆ เราสามารถรู้ได้ทันทีว่า สินค้าตัวไหนถึงเวลาต้องสั่งเพิ่ม หรือเครื่องจักรตัวไหน ส่วนไหน ต้องการบำรุงรักษา ฯลฯ หรือการใช้การสั่งงานทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยผมจะประยุกต์ ดัดแปลง หรือหาวิธีใช้ด้วยตัวเอง เพราะเรารู้วิธีจะซ่อม มองออกว่าจะทำอย่างไร ซ่อม แก้ไข หรือดัดแปลง แม้กระทั่งทำขึ้นมาใหม่ ทำให้ราคาถูก แต่ต้องทนและดี

ถ้าสู้จริงก็มีทางไป : ถึงแม้บางช่วงเศรษฐกิจจะอาจจะไม่ดีนัก แต่งานก็ยังมีอยู่เสมอ ถ้าสู้จริงๆ มันก็ยังได้อยู่ แต่คงไม่อู้ฟู่เหมือนยุคที่มีเม็ดเงินสะพัด ซึ่งถึงแม้การเงินเราอาจจะดีขึ้น แต่นั่นมันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ดีกับระยะยาว การล้มลุกคลุกคลาน เจ็บบ้าง เหนื่อยบ้าง ถึงเวลามันก็จะค่อยๆ กระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ เป็นการกลั่นกรอง การเงียบอาจจะหมายถึงผู้ซื้อเปลี่ยนพฤติกรรม เราก็ต้องหันมาดูตัวเองด้วยว่า เราดีแค่ไหน มีปัญหาอะไร แล้วโลกปัจจุบันมันเข้าถึงกันง่าย ทุกอย่างทำผ่านอินเตอร์เน็ตได้ง่ายๆ เช่นร้านอาหาร ร้านไหนอร่อย ร้านไหนดี คุณก็สั่งมากินที่บ้านได้ ร้านค้าที่อยู่ใกล้แต่ไม่อร่อย ก็ไม่มีใครกิน สินค้าอะไรที่ต้องการ แค่คลิ้กหน้าจอก็ซื้อได้แล้ว เมื่อโลกเปลี่ยน แต่ถ้าคุณไม่ยอมเปลี่ยน แล้วจะมาบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดีไม่ได้

คิดแล้วต้องทำ : ผมไปเรียนเกี่ยวกับการทำเครื่องจักรเดิมๆ เก่าๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติ ผมทำแล้วก็รู้สึกท้าทาย สนุกดี เป็นงานอดิเรกที่ค่อยๆ ทยอยทำไปเรื่อยๆ เพราะคนไทยเรายังไม่ค่อยคล่องเรื่องนี้มากนัก

วันหยุด : ผมจะพักผ่อนเต็มที่ ดูหนังแทบทุกเรื่อง แค่รู้สึกว่าน่าสนใจพอประมาณก็ดูแล้ว ถือว่าเป็นการผ่อนคลาย ดูเทคนิค ดูเพลินๆ อย่าคิดมาก เล่นเกมส์บ้าง

สุขภาพ : ผมกินน้ำเยอะ นอนเยอะ ไม่กังวลเรื่องอ้วนหรือผอมมากนัก ชอบกิน แต่บางอย่างก็กินไม่ได้เอง มีอาการแพ้ ทรมาน จนต้องเลิกกิน นานๆ ที อาจจะออกไปวิ่งบ้าง เพราะเวลาทำงานก็หนักอยู่แล้ว อย่างช่วงทำแพลนต์ปูน ซึ่งสูงราวตึก 3 ชั้น ต้องเดินขึ้นเดินลงวันละหลายรอบ ทำทั้งฮาร์ดแวร์ ซอร์ฟแวร์ ทดสอบจนมั่นใจ

คิดดี ทำดี ไม่เอาเปรียบใคร : สินค้าเราดูแล้วอาจจะเหมือนแพงกว่า แต่ถ้าจะให้ลดราคาแข่งกันเราไม่สู้ เพราะสินค้าของเรานั้น ลูกค้ามั่นใจได้ ทั้งคุณภาพ และปริมาณ ซึ่งยอมรับว่า ลูกค้าบางรายเขาตัดสินกันที่ราคาขาย โดยไม่ดูว่า ถึงของเราแพงกว่า แต่ใช้น้อยกว่า ขณะที่เขาซื้อของถูกกว่า กลับต้องใช้ในปริมาณมากกว่า เราคิดดีทำดี ไม่โกงใคร ถึงจะเหนื่อย แต่ก็จะเห็นผลในระยะยาวครับ