วรรณาภรณ์ ศิริวุฒิ
วรรณาภรณ์ ศิริวุฒิ
ทนายความ
สำนักกฎหมายอัมพร อนุพร แอนด์ แอสโซซิเอทส์
ชมรมสานใจ สายใยผ้าซิ่น
“เคยอยากเป็นพยาบาล อยากช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วย เป็นความฝันแบบเด็กๆ ค่ะ
แต่จู่ๆ ตอน ม.ปลาย ก็เปลี่ยนความคิด เกิดชอบเรื่องกฎหมาย มีความรู้สึกว่าวิชานี้กว้างดี ช่วยอะไรเราได้เยอะ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เกี่ยวข้องตั้งแต่เกิดและอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต
การเรียนนิติศาสตร์ ยังตรงกับนิสัยส่วนตัวที่ทำอะไรๆ ก็ต้องถูก ต้องตรงเป๊ะ เหมือนกันค่ะ”
คุณจิ๋ม วรรณาภรณ์ ศิริวุฒิ เอ่ยพร้อมรอยยิ้มเมื่อเริ่มบทสนทนา
ทันทีที่จบจากโรงเรียนวรนารีเฉลิม จ.สงขลา ซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดสงขลา คุณจิ๋มตัดสินใจมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยไม่คิดที่จะเอนทรานซ์เลยด้วยซ้ำ เพราะความมุ่งมั่นอยากจะเรียนเกี่ยวกับทางด้านกฎหมายตามที่ตั้งใจไว้
แต่การเรียนในมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น… “เข้าน่ะเรื่องง่าย แต่จบน่ะเรื่องยาก” เพราะที่นี่ ต้องมีความรับผิดชอบในตัวเองสูงมาก ต้องชนะใจตนเองให้ได้ ทั้งเรื่องการเข้าเรียน การอ่านหนังสือ การหาความรู้เพิ่มเติม… “รู้สึกภูมิใจทุกครั้ง ที่นึกถึงค่ะ”
เมื่อเรียนจบ คุณจิ๋มเริ่มงานเป็นผู้ช่วยทนายความ ที่สำนักงานคำนวณ ชโลปถัมภ์
รู้สึกว่าเราก็ทำได้ดีนะ” แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สักระยะ ต้องออกไปลุยงานข้างนอกมากขึ้น ไปตามสถานที่ต่างๆ บ่อยจนทางบ้านเริ่มเป็นห่วง “รู้สึกว่า ทนายความ คงเป็นอาชีพที่อาจจะไม่เหมาะกับเรา”…
เมื่อมาคิดทบทวนอยู่สักพัก จึงได้ตัดสินใจไปสอบเป็นนิติกรของการทางพิเศษฯ เพื่อความมั่นคงในอาชีพ และเธอก็ทำสำเร็จ ได้เป็นนิติกรตามที่ตั้งใจไว้ โดยงานหลักที่ได้รับมอบหมายคือการตรวจเอกสารสัญญาทางด้านกฎหมายต่างๆ ของหน่วยงาน ก่อนที่จะนำเสนอไปให้เจ้านายตรวจสอบและเซ็นเอกสาร
หลังจากลุยงานหนักเกี่ยวกับเอกสารทางกฎหมายอยู่หลายปี จนเมื่อมีครอบครัว และเริ่มทราบว่าตนเองกำลังจะมีลูก จึงได้ตัดสินใจออกจากงาน เพื่อมาดูแลลูกและครอบครัวอย่างเต็มที่…
“ออกจากงานมาวันแรก กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ พอต้องมาอยู่ที่บ้านคนเดียว ก็นั่งคิดถึงงานที่เคยทำ เสียดายความรู้ที่ร่ำเรียนและประสบการณ์ต่างๆ ที่สะสมมา รู้สึกเป็นการสูญเปล่าทางการศึกษาไปเลย อยากกลับไปทำงานมากๆ ถึงขั้นแอบร้องไห้ น้ำตาไหลเลย”…
“แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อ ทำปัจจุบันให้เต็มที่ ดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ภายในครอบครัวให้สมบูรณ์ที่สุด จนในบางครั้งมีความรู้สึกว่าเราเป็นคนเป๊ะ เจ้าระเบียบ เกินไปหรือเปล่า” คุณจิ๋มเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกกำลังเขียนหนังสือภาษาไทย พอเราเห็นก็บอกลูกไปว่าทำไมไม่ตั้งใจเขียน เขียนให้ตัวมันตรง ทั้งๆ ที่โดยรวมแล้วดูสวยงาม ถึงแม้ตัวหนังสือจะดูเอียงไปนิดหน่อยก็ตาม พอมานึกย้อนหลังก็รู้สึกขำตนเองอยู่เหมือนกันว่า เราตึงไปไหม ควรปล่อยบ้างก็ได้”
ถึงแม้คุณจิ๋มจะเป็นคุณแม่เจ้าระเบียบ แต่ก็ให้อิสระกับลูกทั้งสองคนได้เลือกและตัดสินใจด้วยตนเองได้เสมอ “เราแค่คอยสนับสนุนอยู่ห่างๆ ก็พอ หรือเป็นที่ปรึกษาเมื่อเขาต้องการ ไม่ตีกรอบ หรือบังคับขีดเส้น ถึงตัวเราจะเป็นคนเป๊ะ แต่เรื่องแบบนี้เราเข้าใจดี เพราะตัวเรายังเป็นเลยในสมัยก่อน” และสิ่งที่เธออดทน คอยพร่ำสอน ปลูกฝังให้ลูกๆ มาตลอดนั้นส่งผลให้ลูกคนโตสานฝันของคุณพ่อได้สมใจ จนเรียนจบสถาปัตย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโทที่ Parsons University สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันก็ได้ทำงานเป็น Strategy Design & Management ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ถึงแม้ต้องดูแลครอบครัว แต่คุณจิ๋มก็ไม่หยุดหาความรู้ ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่าน อ่านทุกอย่างที่เป็นหนังสือ และยิ่งในปัจจุบันด้วยแล้ว “รู้สึกต้องขอบคุณโซเชี่ยลมีเดียมากๆ” เพราะทำให้ได้อัพเดทเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ที่เธอห่างหายไม่ได้ทบทวนไปนานหลายปี มีบางเรื่องที่มีการแก้ไข อัพเดทข้อมูลให้ทันสมัย ทำให้ได้พบเจอเพื่อนเก่าๆ ได้พูดคุยเรื่องราวต่างๆ มากมาย ที่ห่างหายก็ต่อติดกันอีกครั้ง…
และด้วยโซเชี่ยลมีเดียนี่เอง ที่ทำให้คุณจิ๋มได้พบกับกิจกรรมที่ปัจจุบันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเธอ
ด้วยความเป็นคนชอบผ้าซิ่นอยู่แล้ว เมื่อเห็นการจัดกิจกรรมของเพจกลุ่มต่างๆ ให้แต่งกายนุ่งซิ่น นุ่งผ้าไทยไปชมวัดชมวัง คุณจิ๋มก็ไปเข้าร่วม “รู้สึกชอบมากๆ” เธอบอกถึงความรู้สึกกับกิจกรรมที่ทำให้ชีวิตรู้สึกสดชื่นและอิ่มเอม
“เป็นความฝังใจมาตั้งแต่เด็กค่ะ ผ้าซิ่นของคุณยาย ยังเป็นภาพติดตา อยู่ในความทรงจำมาตลอด ทุกๆ เช้าที่บ้านจังหวัดสงขลา จะเห็นคุณยายนุ่งผ้าซิ่น ถือตระกร้าเชี่ยนหมาก นั่งอยู่หน้าบ้าน รอใส่บาตรเป็นประจำ”
ผ้าซิ่น ทำให้คุณจิ๋มได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้พบกับเพื่อนๆ ที่มีความชื่นชอบและรักในสิ่งเดียวกัน ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทุกคนจะนุ่งซิ่นอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ต้องนัดหมาย และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ เมื่อไปในสถานที่สำคัญ ทุกคนต่างให้การต้อนรับชาวคณะนุ่งซิ่นเป็นอย่างดี นั่นแสดงว่า การแต่งกายแบบไทยๆ นี้มีความสำคัญ และยอมรับว่าเป็นสิ่งสวยงามประจำชาติที่ถูกต้องตามวิถีชีวิตแบบไทยๆ ของเรา
และด้วยความชอบ บวกกับเวลาที่เริ่มจะมีให้ตัวเองมากขึ้น หลังจากลูกๆ ได้เติบโตจนใช้ชีวิตของตัวเองได้ “พอลูกๆ โตกันหมด ก็เริ่มกลับมาลุยงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้งานที่กลับมาทำจะแตกต่างออกไปจากเดิมพอสมควร โดย คุณจิ๋ม พร้อมกับเพื่อนๆ รวม 9 คน จึงเริ่มจัดตั้งชมรม “สานใจ สายใยผ้าซิ่น” คอยช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ผ้าซิ่น ผ้าไทย ซึ่งขณะนี้ได้เติบโตขึ้นเกินความคาดหมาย ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จนมีสมาชิกเป็นหลักหมื่นไปแล้ว และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
“ตอนนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วยงาน ชมรม สานใจ สายใยผ้าซิ่น ค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข โดยรับหน้าที่ติดต่อประสานงานด้านต่างๆ ทั้งทางด้านร้านค้า นักวิชาการ จากทั่วประเทศ เพื่อมาเสริมความรู้กับสมาชิกในชมรมฯ และช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ของชมรมฯ ให้ได้รับรู้ข่าวสารกันอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังมีการจัดเสวนาเรื่องผ้าชนิดต่างๆ โดยอาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ จากทั่วประเทศ มาให้ความรู้กับผู้สนใจอีกด้วย”
“ชมรมสานใจ สายใยผ้าซิ่น” อยากส่งเสริมเรื่องการแต่งกายแบบไทย นุ่งซิ่น สวมใส่ผ้าไทย วัฒนธรรมไทย การทอผ้า ไม่ให้สูญหายไป โดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน โดยคนที่พบเห็นเราก็จะพูดว่า “สวยจัง แต่ไม่กล้าใส่บ้าง เขินบ้าง นุ่งไม่เป็นบ้าง เราก็แนะนำไปว่า ให้ลองใส่ดู แล้วถ่ายรูปส่งมาให้ดูหน่อย จนในปัจจุบัน คนที่เคยบอกว่าไม่กล้าใส่ นุ่งซิ่นกันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว”
“พอเริ่มนุ่งบ่อยๆ ก็ต้องเริ่มซื้อ คนทอก็ได้ทอ คนขายก็ขายได้ มีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว สามารถต่อลมหายใจให้กับผู้คนที่เกี่ยวข้อง ผูกพันกับผ้าซิ่น ได้คงอยู่ ไม่สูญหายไปไหน”
ในฐานะเป็นผู้ดูแลชมรมฯ คุณจิ๋ม ยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ที่รักและสนใจในผ้าซิ่นว่า “ระหว่างวันที่ 1-4 สิงหาคม 2562 ทางชมรมสานใจ สายใยผ้าซิ่น ได้จัดงานใหญ่ประจำปี ขึ้นที่ เดอะสตรีท ถนนรัชดา มีบูธจัดแสดงสินค้ามากกว่า 90 บูธ อยากขอเชิญชวนทุกท่าน มาเที่ยว ชม ช๊อป ผ้าและสิ่งทอต่างๆ พร้อมด้วยกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย งานนี้ท่านใดมีความสนใจ ขอเชิญไปเลือกชมเลือกซื้อกับผู้ขายผู้ทอได้โดยตรงเลย โดยเฉพาะคนรักผ้าซิ่น ห้ามพลาดค่ะ”