ปิล็อก เหมืองในตำนาน
ปิล็อก เหมืองในตำนาน
อีต่อง เบิกบานในวันนี้
ก่อนหน้านี้เคยคุ้นกับชื่อ เหมืองปิล็อก แต่ก็ไม่เคยเอะใจเลยว่า คำๆ นี้แท้ที่จริงแล้วเป็นภาษาไทยแท้ๆ แต่ด้วยสำเนียงที่ผิดเพี้ยนของเพื่อนบ้าน ทำให้เข้าใจผิดคิดไปเองว่าเป็นภาษาต่างชาติ เพิ่งมารู้ไม่นานมานี่เอง ปิล็อก มาจากคำว่า ผีหลอก โอ้วววว
แล้วแบบนี้จะน่ากลัวไปมั้ย? แล้วเราจะไปที่นั่นทำไม? ชอบความระทึกใจแนวมิติลี้ลับรึ?
เปล่าเลยครับ คำว่า ผีหลอก มีที่มาจากเมื่อสมัยก่อนราวสักช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณเหมืองปิล็อก ยังเป็นพื้นที่ชายแดน อยู่ในหุบเขาป่าลึก ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ทำให้การควบคุมดูแลของส่วนกลางยากลำบาก จนเกิดปัญหาเรื่องลักลอบขุดแร่ธาตุจากเพื่อนบ้านหรือชนกลุ่มน้อย เมื่อทางการทราบจึงส่งกำลังมาปราบปราม ก่อให้เกิดความเสียหาย บาดเจ็บล้มตายกันไปไม่น้อย อีกทั้งภายหลังเมื่อภาวะเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไป เหมืองที่เคยคักคึก ก็ถูกทิ้งร้าง จนกลายเป็นเรื่องเล่าลือต่อๆ กันมาว่า ที่นี่คือ เหมืองผีหลอก แต่ด้วยการออกเสียงที่ไม่ชัดถ้อยชัดคำ เลยเพี้ยนไปเป็น ปิล็อก…?จากคำน่ากลัว ก็กลายมาเป็นชื่อเก๋ๆ ที่เท่จนลืมที่มา และยังช่วยลดความน่าสะพรึงให้กลายมาเป็นความน่ารัก ประกอบกับเมื่อวันเวลาผ่านไป สภาพของเหมืองร้างก็ค่อยๆ ปรับสภาพกลายเป็น ภูมิทัศน์ที่ลงตัวสำหรับการพักผ่อน มีทั้งแหล่งน้ำกลางชุมชน ธรรมชาติ ป่า เขา น้ำตก ใกล้ชายแดนแบบแนบชิด และมีอากาศบริสุทธิ์เย็นสบายตลอดทั้งปี ตรงใจกับสายชิล สายฮิปเตอร์ ที่อยากไปใช้ วิถีสโลว์ไลฟ์ ผจญภัยแบบเบาๆ พอดีๆ
การเดินทางเข้าสู่ เหมืองปิล็อก เริ่มต้นจากแยกเข้า อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เลี้ยวไปทางซ้ายมุ่งหน้าตามถนน หมายเลข 3272 ระยะทางราว 71 กม. (แยกจากถนนแสงชูโต หมายเลข 323 บ้านโป่ง – กาญจนบุรี – ด่านเจดีย์สามองค์) ลัดเลาะไปตามอ่างเก็บน้ำวชิราลงกรณ ขับขึ้นเขาใช้เส้นทางคดเคี้ยวผ่าน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ด้วยเส้นทางลาดยางที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์นักในบางช่วง ต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษบนภูเขา แลกกับการได้ชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทางอย่างจุใจ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ เหมืองปิล็อก หรือ บ้านอีต่อง ซึ่งอยู่ลึกถัดเข้าไปจากหมู่บ้านปิล็อกอีกที
กิจกรรมยอดนิยมที่ชาว สโลว์ไลฟ์ ชื่นชอบเมื่อได้เข้ามาในบ้านอีต่องมีหลากหลาย ถ้าจะให้สโลว์กันสุดๆ ก็คงเน้นนอนสบายสัมผัสอากาศหนาวที่มาเยือนถึงที่พักแบบไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ ถ้าอยากชมหมอกชนิดที่สวยเหมือนในฝัน ก็ต้องเป็นช่วงหน้าฝนจะมีให้ชมทุกวัน ตื่นเช้าสักนิด เดินตลาดสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น หากาแฟจิบ นั่งชมอ่างเก็บน้ำชิลๆ ช่วงสายจนถึงบ่าย อาจจะออกไปเที่ยวน้ำตก จ๊อกกะดิ่น ที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดปี ตกเย็นไปเดินข้ามพรมแดนที่ จุดผ่อนปรน ถือว่าได้ไปเที่ยวต่างประเทศ เดินลึกเข้าไปแค่ไม่กี่เมตรก็สุขใจแล้ว ก่อนค่ำให้ขึ้นไป เนินช้างศึก ชมบรรยากาศเมืองและธรรมชาติแบบสุดสายตาจากมุมสูง ได้เห็นท้องฟ้าสวยๆ ใสๆ ส่งพระอาทิตย์ดวงโตสีส้มให้ลับเหลี่ยมทิวเขาไปในฝั่งเมียนมาร์ ก่อนจะรีบกลับลงมาหาอาหารจานเด็ดในตลาด มีทั้ง ปู และ กุ้ง ตัวโตๆ จากฝั่งทะเล อันดามัน ทั้งสดและถูกกว่า จนไม่อยากจะเชื่อว่า มาภูเขาแล้วจะได้กินซีฟู๊ดอย่างจุใจ!
แต่ถ้าหากท่านรักและชื่นชมแนว แอดเวนเจอร์ อยากผจญภัยให้สะใจกว่าสายชิล ที่นี่ ก็มีทางเลือกให้ท่านอย่างเต็มอิ่มเช่นกัน เพราะบ้านอีต่อง เป็นเสมือนศูนย์กลางในการเข้าไปพิสูจน์ความแกร่งของร่างกายและจิตใจ เช่น การเดินเท้าขึ้นไป เขาช้างเผือก ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักปีนเขา หรือจะแค่กางเต้นท์รับลมเย็นๆ นอนชมดาวเต็มฟ้า รอชมพระอาทิตย์ขึ้น บน เนินช้างศึก ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมและปลอดภัยจากการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ แม้กระทั่งการเที่ยวชมเหมืองเก่าแบบเจาะลึก การค้างคืนแบบโฮมสเตย์ ก็มีให้เลือกตามใจชอบ
เหมืองปิล็อก บ้านอีต่อง เปิดต้อนรับให้นักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ในแต่ละฤดูกาลก็มีสีสันและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป ทำให้มีผู้มาแวะเวียนไม่ขาดสาย ผู้มาเยือนสามารถเลือกได้ว่าอยากจะอิ่มเอมเติมเต็มชีวิตแบบไหน เพราะในปัจจุบัน
หากท่านสนใจอยากสัมผัสกับธรรมชาติที่ใกล้ชิดกับ ชุมชนเล็กๆ ที่ยังมีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย แต่มีความความทันสมัย น้ำไหล ไฟสว่าง สัญญาณโทรศัพท์เต็มหน้าจอแทบทุกค่าย เดินชมตลาด จิบกาแฟ ถ่ายรูปเซลฟี่ เช็คอิน เล่นโซเชี่ยลได้เต็มที่ ขณะที่ชุมชนก็ยังคงรักษาอัตลักษณ์ความเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก ยังไม่ยอมให้เกิดสิ่งแปลกปลอม ผุดขึ้นมาทำลายบรรยากาศ อันเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวที่ผู้คนแสวงหา… บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก คืออีกหนึ่งคำตอบที่ โดนใจแน่นอนครับ