Sport for Life

เรื่องเล่าจาก “โคลัมโบ”ศรีลังกา

คราวก่อนกว่าเด็กเราเรามือระดับโลกจะเอาชนะเด็กที่ศรีลังกาได้ก็เล่นเอาหืดจับ แต่ก็ใช่เราจะเอาชนะหมดบางคู่ก็จอดแค่รอบแรกของรอบคัดเลือก ทำไงได้เจอสนามที่ยากจะเข้าใจคือเป็นทรายละเอียดเสียส่วนมาก เด็กเราวิ่งกันล้มลุกคลุกคลานกว่าจะเอาชนะได้ หรือบางคนก็ชนะแบบถึงเลือดถึงเนื้อ คือก่อนลงเนียนกริ๊บขึ้นมาถึงแม้จะชนะ “ดูสภาพไม่ได้” คือสนาม “ทราย”มันลื่นมากล้มทีนึง “หมูแดง”มาเยือนตามด้วยเลือด แล้วก็แสบมากด้วย เด็กเราทะลุเข้าไปถึงรอบตัดเชือกโน่นในประเภทหญิงเดี่ยว ส่วนคู่จอดรอบต้นๆกันหมด แต่เยาวชนชายก็เข้าได้รอบ 8 คนก็อำลาสนาม แต่โชคดีที่มีอันดับโลกอยู่ในมือทำให้อีกอาทิตย์ก็เล่นได้ในรายการต่อไป…นั่นคือไปเที่ยวเดียวได้สองงาน…

เรื่องของเด็กๆเยาวชนเราเนี่ยบางทีต้องดุแลกันแทบจะทุกเวลา ขนาดในห้องพักของเด็กผู้หญิงยังต้องเข้าไปจัดระเบียบกันยกใหญ่ กล่าวคือเมื่อเราปล่อยให้เขาดูแลกันเองแต่ก็มีข่าวว่าสภาพห้องเหมืองรังมากกว่าห้อง สุดท้ายก็ต้องไปดูสักครา…ก็เป็นอย่างว่าตั้งแต่ประตูยันเตียงห้องน้ำจะเดินต้องเขี่ยก่อนจะจ่อมเท้าลงไป ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วแล้วด้วยความที่เป็นคนดูแลเด็กๆจึงให้โอกาสถึงพรุ่งนี้ ถ้าทุกอย่างไม่ดีขึ้นงานเข้ากันหมดแน่ๆ แต่วิธีการมันต้องแบบ “บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น”เพราะพวกเธอคือกลุ่มที่เหลือรอดอยู่ในการแข่งขัน

กลับมาเรื่องของอาหารการกินมันก็พอรับได้คือ เรามีร้านอาหารไทยที่ “โคลัมโบ”เป็นที่พึ่งได้ครับก็หน้าตาก็พอได้ แต่รสชาติก็กินกันตายได้แน่นอน เด็กๆฝากท้องไว้กับร้านนี้ตลอดระยะเวลาในการแข่งขันหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งบางคนก็มีแต้มติดไม้ติดมือกลับมา แต่บางคนก็บอกเลิกรากับการแข่งขันไปเลยจากการสอบถามเด็กๆกลุ่มขอเลิกแข่งเพราะ “มันลำบากเกินไป”สำหรับเขา ผมว่ามันก็ดีที่รู้ตัวว่าไม่ชอบแข่งก็ออกจากวงการไป ส่วนเด็กที่รักและสนุกกับเกมส์แบบนี้ก็ยังเวียนว่ายอยู่ในการแข่งขันกันต่อไป ซึ่งบางคนก็ใช้ฝีมือที่มีไปเรียนต่อในระดับ “มหา’ลัย”จบออกมาทำงานในที่ตนเองรักชอบ แต่ก็ไม่ทุกคนนะครับ…

แล้วอะไรคือเรื่องน่าจะเป็นที่สนใจ…นั่นคือหลังจากที่พวกเรากลับกันหมดให้หลังไปไม่ถึงครึ่งเดือนข่าว “ซึนามิ”ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้องจดจำ เพราะกระแสการทำลายล้างมันไปถึงชายฝั่งของศรีลังกา แล้วก็รวมถึงร้านอาหารที่เราไปฝากชีวิตตลอดหลายวันของการแข่งขัน แค่นึกก็สยองขนแล้วครับ หากเราเจอแบบนั้นช่วงที่เราอยู่บอกได้เลย “รอดยาก”และนี่คือบางทีที่เขาเรียกว่า “ฟ้ายังปราณี”คือแบบนี้นี่เอง

ครูไก่