TOYOYA C-HR คว้ารางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยม ปี 2561
“สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย” (สรยท.) ได้จัดงานประกาศผลรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2561 (THAILAND CAR OF THE YEAR 2018)อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ณ THE HALLS BANGKOK วิภาวดีรังสิต 64 โดยมีแขกผู้มีเกียรติและตัวแทนจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ พร้อมสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นสักขีพยานกันอย่างคับคั่ง
โดยคุณภูวนาถ เผ่าจินดา นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ คณะกรรมการสมาคมฯ คณะกรรมการตัดสินรางวัล รวมถึงคณะกรรมการสักขีพยาน ได้ทำการตรวจสอบและนับผลคะแนนจากซองคะแนนทั้ง 54 ซองของคณะกรรมการ “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2561” ซึ่งสมาคมฯ ได้เชิญมาทดสอบและให้คะแนนรถยนต์ที่เข้ารอบสุดท้ายหรือ FINALIST ทั้ง 6 รุ่น เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ณ สนามมอเตอร์สปอร์ตพาร์ค สุวรรณภูมิ และได้รวบรวมคะแนน ผลปรากฎว่า “โตโยต้า ซี-เอชอาร์” (TOYOTA C-HR) ได้คะแนนรวม 382 คะแนน “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 (MAZDA CX-5) 307 คะแนน “ซูซูกิ สวิฟท์” (SUZUKI SWIFT) 260 คะแนน “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์” (MITSUBISHI XPANDER) 141 คะแนน “เอ็มจี แซดเอส” (MG ZS) 136 คะแนน และ “นิสสัน เทอร์ร่า” (NISSAN TERRA) 130 คะแนน
“ภายใต้หัวข้อที่เป็นแนวทางการพิจารณา สำหรับให้คณะกรรมการประเมินให้คะแนน อาทิ การออกแบบ การควบคุม ความสะดวกสบาย สมรรถนะ ความปลอดภัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก นวัตกรรมเทคโนโลยี ราคา ความคุ้มค่า รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม ในที่สุดเราก็ได้ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ในฐานะผู้ได้รับรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2018 อย่างสมศักดิ์ศรีตามมาตรฐานการตัดสินระดับสากล ขณะที่อีก 5 คันถือเป็นรถยนต์ที่ได้รับรางวัลเข้ารอบสุดท้ายประจำปี 2561 หรือ FINALIST อย่างทรงเกียรติ”
โดยในงานมอบรางวัลดังกล่าว นายกสมาคมฯ ได้มอบโล่รางวัลเกียรติยศให้แก่ตัวแทนที่เข้ารอบสุดท้ายทั้ง 6 บริษัท พร้อมด้วยการมอบถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติ รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2561 (THAILAND CAR OF THE YEAR 2018) ให้แก่ คุณปรีชา โพธิ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมสังคม บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
สำหรับโครงการมอบรางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี” (THAILAND CAR OF THE YEAR) จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้มีการพัฒนาก้าวหน้า ไปในระดับสากลมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังเป็นข้อมูลสำหรับผู้บริโภคที่จะนำไปใช้เป็นข้อมูลต่อการตัดสินใจซื้อตั้งแต่การเลือกสมรรถนะ, ความสะดวกสบาย, การออกแบบ, ความปลอดภัย, การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดคือความคุณค่าของรถและความคุ้มค่าของราคาได้อีกด้วย.