Interview

เอาใจเขา มาใส่ใจเรา – วรเมศวร์ เตชะไพบูลย์

วรเมศวร์ เตชะไพบูลย์
Deputy Managing Director
Lotus Valley Golf Resort
“เอาใจเขา มาใส่ใจเรา”

กิจกรรมโปรดสมัยเด็กของผมคือการขี่มอเตอร์ไซด์คันจิ๋ว เห็นพี่ชายขี่ก่อนก็อยากจะเล่นตามบ้าง ขับกันในหมู่บ้านเป็นแก๊งเด็กๆ ล้มกันจนรู้ทักษะ แต่คุณปู่ทวดจะไม่ชอบให้พวกเราเล่นกันแบบนี้เลยด้วยความเป็นห่วงหลานๆ ส่วนคุณพ่อให้การสนับสนุนเต็มที่เพราะท่านรักและชอบมอเตอร์ไซด์เป็นชีวิตจิตใจ

คุณพ่อจะไม่สอนเรื่องการขับขี่มอเตอร์ไซด์โดยตรง แต่จะพูดเป็นปรัชญาชีวิต สอนให้รู้จักการระมัดระวังตัว ก่อนจะขับต้องใส่เครื่องป้องกันความปลอดภัยให้ครบ ส่วนเรายังเด็กก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เลยมีเรื่องเจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ่อยๆ เป็นการได้เรียนรู้จากชีวิตจริงด้วยตัวเอง ทำให้ทราบว่า ทำแบบไหนจะปลอดภัย ทำแบบไหนแล้วเสี่ยงที่จะเจ็บ

พี่ชายเอาจริงเอาจังกับเรื่องมอเตอร์ไซด์มาก ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันทำธุรกิจขายมอเตอร์ไซด์ยี่ห้อ เวสป้า แต่ผมไม่ชอบมากถึงขนาดนั้น พอราว ป.4 ก็เปลี่ยนกีฬาไปเล่นไอซ์สเก็ต ที่เวิลด์เทรด พอเล่นแล้วชอบกีฬานี้เลย เพราะอากาศเย็นสบาย ทำให้เล่นได้ทั้งวัน จริงๆ กีฬาก็เล่นตามพี่ชายอีกเหมือนกัน ส่วนใหญ่เขาไปเล่นก่อน พอผมไปเล่น เขาก็เปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นแล้วก็มี คือต่างคนต่างชอบเหมือนกัน แต่อาจจะคนละช่วงเวลา

ในวันหยุด ผมเล่นไอซ์สเก็ตได้ทั้งวัน ตั้งแต่สิบโมงถึงสามทุ่ม เล่นแทบจะทุกเสาร์ เพราะชอบ สนุก เล่นเป็นกิจกรรมหลักเลย แต่ไม่เน้นต่อยอดถึงขนาดจะไปแข่งหรือเป็นนักกีฬาอะไร เล่นเพื่อความบันเทิงมากกว่า เล่นตั้งแต่ ป.4 จนถึง ป.6 พอมีทักษะในกีฬานี้พอสมควร ส่วนกีฬาอื่น อย่าง บาสฯ กอล์ฟ ได้เล่นบ้างเพราะคุณพ่อพาเล่น แต่ไม่ค่อยมากนัก เพราะเล่นแล้วยังรู้สึกว่าไม่ใช่ ขอสนุกกับสิ่งที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า

สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีการก้าวกระโดดคือ ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ พอช่วง ม.ปลาย ตั้งใจจะไป ก็เตรียมตัวล่วงหน้า สอบโทเฟิ่ลให้ได้ตามเกณฑ์ แต่สิ่งสำคัญที่สุด เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็คือ ความแตกต่างในการใช้ชีวิต เพราะในสังคมไทยมีความสะดวกสบายพร้อมสรรพ ลำบากก็ตรงที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ออกจากบ้านแถวนวมินทร์ตั้งแต่ยังไม่สว่างเพื่อหนีรถติด เดินทางไปถึงโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนที่อยู่ใจกลางเมืองตั้งแต่เช้า แต่ก็ทำให้ง่วงนอนได้ทุกวัน

ผมไปเรียนต่อที่ ซานตา โมนิก้า คอลเลจ เป็นเมืองติดทะเลใกล้ๆ กับ ลอส แองเจิลลิส แล้วตอนหลังก็ย้ายไปเรียนที่ อเมริกันอินเตอร์คอนติเนนตัล ยูนิเวอร์ซิตี้ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องการเรียนที่อเมริกาคือ จากเดิมที่เคยใช้วิธีท่องจำ ก็กลายเป็นใช้ความคิด ครูให้จับกลุ่มกันแล้วจะให้คำถามมา เพื่อให้คิดหาคำตอบ การใช้ชีวิตก็ช่วยเหลือดูแลตัวเอง ต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ ทั้งภาษาและการใช้ชีวิต เคยมีบางวันตื่นขึ้นมายังงงๆ เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่ ที่บ้านหรือที่อเมริกา พอตั้งสติได้ก็ลุยต่อ ส่วนตัวแล้วผมชอบคอมพิวเตอร์ เลยเลือกเรียนสิ่งที่ชอบ จริงๆ แล้วไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เพราะมันยาก แต่ในที่สุดก็อดทนตั้งใจเรียนจนจบ

หลักสูตรที่ผมเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นเรื่องเทคโนโลยีสำหรับยุคโลกาวิวัฒน์ ซึ่งการเรียนการสอนที่นั่นก็ไม่เหมือนกับของเรา เขาเน้นในเรื่องการเป็นตัวของตัวเอง ให้รู้จักการตัดสินใจเลือกทำจากสิ่งที่เรารักก่อน แล้วตั้งเป้าทำให้สำเร็จ บางครั้งอาจจะง่ายหรืออาจจะยาก แต่เราก็ยังมีความสุขที่ได้ทำ มีกำลังใจที่จะฝ่าฟันให้บรรลุจุดหมาย

ที่นั่น เมื่อพอมีเวลาว่างผมก็เล่นกีฬา ได้มีโอกาสไปเล่นสโนว์บอร์ดกับเพื่อนๆ ผมชอบอะไรที่เย็นๆ อยู่แล้วก็เลยเข้าทาง แต่ได้เล่นกันเฉพาะในหน้าหนาว ใช้เวลาขับรถขึ้นเขาประมาณชั่วโมงกว่าๆ อาศัยที่มีเบสิกจากสเก็ตน้ำแข็งมาบ้าง ถึงจะไม่ค่อยเหมือนกันแต่ก็ทำให้ยืนทรงตัวได้เร็วขึ้น

กิจกรรมอีกอย่างที่ต้องทำ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยเลยคือการทำอาหาร อยู่บ้านเคยแค่มองดูคุณแม่เข้าครัว แต่ผมไม่เคยลงมือเอง พออยู่ที่อเมริกามีเพื่อนเป็นชาวไต้หวัน ก็มองดูเขาว่าทำอะไรยังไง แล้วไปซื้อเครื่องปรุงต่างๆ มาลองทำดูบ้าง งงๆ อยู่เหมือนกันแต่ก็ทำได้ เพราะเวลาที่ผมทำอะไรก็จะเรียนรู้ พยายามถาม พยายามดู ก่อนจะลงมือก็พอมีทฤษฎีอยู่ในหัวบ้าง อาหารที่ทำก็เลือกแบบง่ายๆ สะดวกๆ ทำเองกินเองซะมากกว่า อย่างเช่นเคยลองทำกระดูกหมูทอดกระเทียม เพราะคิดว่าน่าจะยาก แต่พอทำจริงๆ ก็ไม่ยาก อร่อยด้วย เลยเป็นหนึ่งในเมนูประจำตัวที่ทำกินเองอยู่บ่อยๆ

พอเรียนจบใจหนึ่งก็อยากจะฝึกงาน เพราะมีบริษัทดีๆ ให้เลือกมากมาย แต่คงเพราะยังเป็นวัยรุ่นด้วย ใจร้อน ยังไม่คิดอะไรมาก ตอนนั้นคิดแค่อยากกลับบ้านเร็วๆ นึกไปแล้วก็เสียดายอยู่เหมือนกัน พอกลับมาก็ช่วยงานทางบ้าน ซึ่งพี่ชายดูสนามกอล์ฟอยู่ก่อนหน้าแล้ว พอดีจังหวะขยายธุรกิจ เขาขยับขึ้นไปทำธุรกิจขายเวสป้า ผมก็มาดูแลต่อตรงนี้ แล้วพาร์ทเนอร์ของเราก็มีญี่ปุ่นอยู่ด้วย บางคนก็ทักว่าผมดูเหมือนคนญี่ปุ่นมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำ

งานของสนามโลตัสวัลเล่ย์คุณพ่อได้ปลูกฝังวางระบบมาไว้ดีแล้ว ผมมีหน้าที่รักษาไว้ ควบคุมตัวเลขต่างๆ รักษาการให้บริการ คุณภาพ ให้ได้มาตรฐาน ดูภาพรวมทั้งหมด ที่นี่ ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีความพร้อมในส่วนของสนามกอล์ฟ จะมีติดขัดอยู่บ้างในเรื่องการเดินทาง โจทย์เราชัดเจนว่า มีของดีอยู่ในมือ จะทำอย่างไรให้ขายได้ หลักง่ายๆ ที่สุดก็คือ ทำสนามของเราให้ดีที่สุด เราลงทุนเต็มที่ มีความพร้อมในการดูแลสนาม การให้บริการ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเราได้รับรางวัลจากเอเชี่ยนกอล์ฟ ว่าเป็นสนามที่มีคุณภาพคุ้มค่า ในปีนี้ก็ยังได้รับอีกครั้งด้วย และอนาคตอันใกล้เมื่อเส้นทางสะดวกสบายขึ้นก็คาดว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับนักกอล์ฟได้มากขึ้นเช่นกัน

สนามกอล์ฟเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก โดยรวมคือการรักษาคุณภาพให้คงสภาพที่ดีไว้ให้ได้ ช่วงแรกที่ผมเข้ามายังไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการอะไรบ้าง เบื้องต้นผมตั้งมาตรฐานอันเป็นปัจจัยสำคัญไว้สองประเด็นหลักคือ คุณภาพสนาม และ การให้บริการ ซึ่งก็มีข้อปลีกย่อยรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น แค้ดดี้ เราก็คอยดูแลพัฒนาคุณภาพให้ความสำคัญ นอกจากจะทำหน้าที่คอยดูแลให้ความช่วยเหลือนักกอล์ฟแล้ว ยังเป็นเหมือนหน้าตาของสนามอีกด้วย ต้องอยู่กับนักกอล์ฟครั้งละหลายชั่วโมง เป็นบุคลากรสำคัญที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกของเราได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยในการดูแลสนาม ทั้งชนิดต่างๆ ของพันธุ์หญ้า การดูแลรักษา การให้ปุ๋ย การกำจัดวัชพืช ฯลฯ ซึ่งผมก็ต้องอาศัยผู้ช่วย ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ มาช่วยกันดูแล เป้าหมายของเราคือ จะต้องเป็นสนามที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แล้วก็ให้เป็นที่ยอมรับของระดับโลกอีกด้วย

จากโจทย์ในเรื่องระยะทาง ทำให้โรงแรมที่พักอาศัยเป็นโครงการต่อไปที่เราจะเร่งพัฒนา สร้างเป็นอาคารสองชั้น ชั้นละ 20 ห้อง และยังมีวิลล่าเป็นหลังๆ อีกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้กำลังคุยตกลงในเรื่องรายละเอียดให้ลงตัว สถานที่ก่อสร้างจะอยู่ถัดจากไดร์ฟวิ่งเร้นจ์ซึ่งจะทำการปรับปรุงด้วยเช่นกัน ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็จะเริ่มดำเนินงานทันที และโครงการใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นถ้ามีเสียงตอบรับดี คือการสร้างสนามเพิ่มอีกเก้าหลุม รวมเป็นทั้งหมด 27 หลุม

ปัจจัยที่สร้างผลกระทบกับเราในช่วงที่ผ่านมา มีทั้ง ภัยจากธรรมชาติ และ สภาวะทางการเมือง ซึ่งก็ยังส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เป็นปัญหาภาครวมที่ทุกคนไม่ว่าใครก็ได้รับผลกระทบกันทั้งนั้น หลักๆ ของธุรกิจคือ เราต้องการนักท่องเที่ยว ทั้งจากข้างนอกและข้างในด้วย ภาพรวมดูแล้วเหมือนจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยดีนัก อาจจะเป็นเพราะคาดการณ์ไว้ว่าตลาดจะดี จึงตั้งเป้าไว้ค่อนข้างสูง

นอกจากนักกอล์ฟไทยแล้ว ชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการที่นี่ ราวเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เป็น ชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานในประเทศไทย เล่นประจำอยู่กับเรา ชอบทำอะไรแบบเดิมๆ ตลอด เหมือนเป็นประเพณีอย่างหนึ่งของเขา พอเล่นเสร็จแช่น้ำร้อน รับประทานอาหาร เมนูก็เดิมๆ หน้าที่เราคือรักษาคุณภาพที่ทำให้เขาเหมือนเดิมหรือดีกว่า ทำให้เรามีลูกค้าขาประจำเป็นชาวญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะ ชาติอื่นก็มีปนๆ มาบ้าง แต่ยังนับว่าค่อนข้างน้อยอยู่ ในวันหยุดเรามีล่ามภาษาญี่ปุ่นมาคอยอำนวยความสะดวก สอบถามถึงความต้องการ ซึ่งเขาไม่คำนึงถึงระยะในการเดินทางเลย ขอให้เรามีสนามดีๆ ให้ เพราะในบ้านเขานั้น การเล่นกอล์ฟค่อนข้างจะเดินทางไปไกลกว่านี้เยอะ เขาขอให้สนามมีคุณภาพดี มีระบบ เป็นระเบียบ ตรงเวลา บริการดีตามมาตรฐานที่เขาต้องการ

ทั้งหมดทั้งปวงที่ทำให้สนามอยู่ได้นั่นคือ การเอาใจใส่คน เอาใจเขามาใส่ใจเรา นั่นคือสิ่งสำคัญที่ครอบครัวผมสั่งสอนกันมาตลอด ผมบอกกับพนักงานทุกคนเสมอว่า ที่นี่คือบ้านของทุกคน เราต้องช่วยกันทำให้ลูกค้าประทับใจ เริ่มตั้งแต่ทางเข้า ลงถุง คลับเฮ้าส์ ล็อคเก้อร์ ห้องอาหาร ออกรอบ จนถึงเล่นเสร็จ อาบน้ำ ทานอาหาร กลับบ้าน พนักงานทุกคนมีหน้าที่ ทุกอย่างเป็นองค์ประกอบ ทำงานต่อเนื่องกัน จะแยกเป็นส่วนๆ ชัดเจนไม่ได้ เวลาทำงานก็ต้องยิ้มแย้ม ต้องช่วยกันรักษาสถานที่ ทำความสะอาดให้พร้อมอยู่เสมอ ตั้งใจให้การต้อนรับ ดูแลแขกเหมือนกับเขามาเยี่ยมเยียนบ้านเรา เพราะที่นี่คือหม้อข้าวหม้อแกงของพวกเรา ที่สร้างรายได้ทำให้ได้อยู่ได้กินกันทุกคน ซึ่งทฤษฎีการบริหารทั้งหมดนี้ก็ได้มาจากที่พี่ๆ น้องๆ  แล้วยังต้องรู้จักเปิดรับฟังผู้อื่นอยู่เสมอ อย่าถือตัวเองเป็นใหญ่ เราต้องไม่ยึดติด คนรุ่นใหม่อาจจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ จะทำอะไรก็ให้มีความยืดหยุ่นได้ ทำอะไรให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากกว่า เมื่อพนักงานเข้าใจเข้าใจกันดี การปฏิบัติงานทุกอย่างก็ราบรื่น

ในเรื่องกิจกรรมต่างๆ ของผมเมื่อย้อนไปตั้งแต่สมัยเด็กๆ คุณพ่อจะเป็นผู้ริเริ่ม ปลูกฝัง สอนให้ลูกๆ รู้จักกับกีฬาชนิดต่างๆ เพราะท่านเป็นนักกีฬาตั้งแต่วัยรุ่น เล่นได้เกือบทุกประเภท พอได้หัดมอเตอร์โซด์กันแล้ว ช่วงมัธยมก็พาไปหัดกอล์ฟ ท่านอยากให้เราเล่นเป็น แต่กีฬากอล์ฟก็ไม่ได้ง่ายๆ มีองค์ประกอบเยอะแยะมากมาย ทำให้เล่นได้ไม่เต็มที่

ผมกลับมาชอบกอล์ฟอีกครั้งเมื่อตอนได้มาทำงานในสนามโลตัสวัลเลย์ แล้วได้เริ่มเล่นอย่างจริงจังและถูกวิธี เล่นดีเพราะมีการพัฒนาอย่างถูกหลัก พอได้ฝึกแล้วตีได้ ตีไกลขึ้น มีความสม่ำเสมอ เป็นการซ้อมที่มาถูกทาง แต่กว่าจะจับจุดได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเหมือนกัน ต้องสะสมความรู้สึกมาทีละนิดๆ กว่าจะเข้าที่เข้าทาง แล้วก็กลายเป็นชอบเล่นกอล์ฟไปเลย ซึ่งนั่นก็เป็นประโยชน์ด้วย เพราะหน้าที่อย่างหนึ่งคือต้องตรวจสนาม พอผนวกทั้งสิ่งที่ชอบกับหน้าที่ที่ต้องทำ ได้เล่นกีฬาที่รักพร้อมกับได้ทำงานไปด้วย จึงเป็นอะไรที่ลงตัวมาก

ช็อตที่ทำให้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเล่นได้ดีคือลูกไดร์ฟ ฝึกจากสนามซ้อมของที่นี่ พอดีได้ผู้แนะนำที่ดี มีทฤษฎีมาเป็นแนวทาง ควบคู่กันไป ค่อยๆ หัดไปทีละอย่าง ลูกสั้น ลูกพัตต์ แต่สุดท้ายจริงๆ แล้ว การจะพัฒนาการเล่นกอล์ฟให้ได้ดีได้ ไม่มีเส้นทางลัดใดๆ ต้องอาศัยฝึกฝนอย่างเดียวเลย ถ้าไม่เล่นบ่อยๆ สนิมจับ ฝีมือตก ต้องหมั่นหยิบจับซ้อมบ่อยๆ

ภายนอกผมอาจจะดูง่ายๆ แต่จริงๆ เป็นคนตรง มีความเจ้าระเบียบอยู่ในตัว เวลามองอะไรก็มักจะมองในมุมที่ลึกว่าทั่วๆ ไป ค่อนข้างละเอียด ซึ่งบางครั้งก็ต้องคอยปรับตัวให้มีความยึดหยุ่นบ้าง ตรงเกินไปก็ไม่ดี คุณพ่อเคยสอนเสมอว่า คนเราต้องมีทั้งอ่อนและแข็ง ไม่ใช่ว่าจะเดินตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว กำแพงมาขวางก็จะเดินชน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เราต้องรู้จักการเดินอ้อมบ้าง ก็ทำให้บรรจุจุดหมายได้เหมือนกัน ค่อยๆ ศึกษา รับฟังคนอื่น สะสมประสบการณ์ แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างที่นี่ผมก็ใช้วิธีไปแผนกนั้นแผนกนี้อย่างไม่เป็นทางการ จะได้เห็นชีวิตจริงของเขา เราจะได้เข้าใจ สัมผัสถึงปัญหา จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้ตรงจุด

การแบ่งเวลาเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่อง งานกับครอบครัว บางครั้งอาจจะไม่ลงตัวบ้างก็ต้องอาศัยความเข้าอกเข้าใจกัน ต้องอาศัยศิลปอยู่เหมือนกัน จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วไม่สนใจอีกอย่างเลยก็ไม่ได้ เพราะ งานต้องไปได้ ขณะที่ครอบครัวต้องอยู่ดีด้วย ผมพยายามเคลียร์งานให้ไม่ตกค้าง วางงานให้เรียบร้อย เพื่อจะมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น

การดูแลตัวเองของผมก็อาศัยวิ่งสลับเดินรอบบ้าน ตั้งเป้าไว้สองชั่วโมง ว่างตอนไหนก็ทำตอนนั้น ไม่ว่าเช้าหรือบ่าย ช่วงฟิตๆ เคยทำต่อเนื่องกันเป็นเดือน ทำให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่น ความจำดี ได้เหงื่อท่วมตัว แต่ตอนหลังเริ่มมีภาระมากขึ้น ความถี่ในการออกกำลังก็ลดน้อยลง งานที่สนามก็มีมากขึ้น โอกาสได้ออกรอบก็น้อยลงไปอีก แต่ก็พยายามหาเวลาบ้าง เพราะยังต้องตรวจสนามอยู่ตามหน้าที่

ทุกครั้งที่เห็นหน้าลูกผมจะมีแรงใจในการทำงานเต็มที่ วันไหนทำงานไปเหนื่อย พอได้เจอ ได้เล่นกับลูก ความเหนื่อยก็หายไปทันที ส่วนในเรื่องของจิตใจ ผมได้รับการปลูกฝังมาจากคุณพ่อในเรื่องสวดมนต์อย่างน้อยวันละครั้ง อยู่บ้านมีโอกาสผมก็จะสวดมนต์ บางครั้งเราอาจจะมีปัญหาวุ่นวาย ไม่สบายใจ พอได้สวดมนต์ตั้งจิตทำสมาธิ จะรู้สึกสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ชีวิตเป็นมงคล แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง จะเรียกว่าเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองอยู่ก็ว่าได้ครับ

Exc1016 Woramet 2

Exc1016 Woramet 3