‘เดย์’ ผงาดแชมป์ที่สองของปี
‘เดย์’ ผงาดแชมป์ที่สองของปี
เวลล์ส ฟาร์โก ใน ชาร์ล็อทท์
เจสัน เดย์ โปรชาวออสเตรเลียเก็บ 2 เบอร์ดี้ในการเล่น 3 หลุมสุดท้ายผงาดคว้าแชมป์ที่สองของปีและเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 12 ในชีวิต ในศึกเวลล์ส ฟาร์โก แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 7.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 247 ล้านบาท ในเมืองชาร์ล็อทท์ มลรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา
เจสัน เดย์ แชมป์พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2015 จบสกอร์รอบสุดท้ายที่สนามเควล ฮอลโลว์ เข้ามาอีก 2 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสี่วัน 12 อันเดอร์พาร์ 272 เฉือนชนะ แอรอน ไวส และ นิค วัตนีย์ สองนักกอล์ฟอเมริกันไป 2 สโตรก
เควล ฮอลโลว์ ในเมืองชาร์ล็อทท์ แห่งนี้เป็นสนามเดียวกับที่ เดย์ มีลุ้นในศึกพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปีที่แล้ว ก่อนไปพลาดเองในช่วงท้าย ในรายการนี้ในรอบสุดท้ายนักกอล์ฟวัย 30 ปีจากออสเตรเลียก็ทำท่าจะพลาดอีกเมื่อเสียสองโบกี้ติดต่อกันจนสกอร์หล่นไปเท่ากับ ไวส์ และเหลือเพียง 4 หลุมสุดท้ายของการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม นักกอล์ฟจากแดนจิงโจ้ไม่ยอมผิดพลาดซ้ำ เขาพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 10 ฟุตลงไปที่หลุม 16 พาร์ 4 ตามด้วยทีช็อตชนธงที่หลุม 17 พาร์ 3 ก่อนขึ้นไปแท็ปอินเบอร์ดี้ และปิดท้ายทัวร์นาเม้นท์ด้วยการขึ้นไปพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 7 ฟุตที่หลุม 18 ที่ทำให้เขาคว้าแชมป์ด้วยชัยชนะ 2 สโตรค
“บางทีนี่อาจจะเป็นการคว้าแชมป์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดรายการหนึ่งซึ่งผมเคยทำได้ เนื่องจากความยากจากหลายสิ่งหลายในวันนี้” เดย์ กล่าว
ทางด้าน ไวส ที่กำลังลุ้นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิตจบสกอร์รอบสุดท้าย 68 และจบอันดับสองดีที่สุดในอาชีพที่สกอร์รวม 274 เท่ากับ วัตนีย์ ที่กำลังล่าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่หกในชีวิตและเป็นรายการแรกนับจากปี 2012 โดย วัตนีย์ ปิดการแข่งขันด้วยการลากเบอร์ดี้ยาวระยะ 60 ฟุตลงไปบนกรีนหลุมสุดท้าย
ไบรสัน เดอแชมโบ นักกอล์ฟอเมริกันอีกคนจบอันดับสี่ที่สกอร์รวม 276 ตามด้วย ฟิล มิคเคลสัน แชมป์เมเจอร์ 5 รายการที่ทำสกอร์รวมสี่วัน 277 เท่ากับ ปีเตอร์ ยูไลน์ เพื่อนร่วมชาติอเมริกัน และ พอล เคซีย์ จากอังกฤษ ขณะที่ แพทริก รีด แชมป์มาสเตอร์ศคนปัจจุบันจบอันดับแปดที่สกอร์ 278
เจสัน เดย์ ซึ่งภรรยาของเขาคาดว่าจะมีทายาทคนที่สามให้กับเขาในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้เพิ่งชนะรายการฟาร์เมอร์ส อินซัวแรนซ์ โอเพ่น ที่ทอร์รีย์ ไพน์ส เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นการกลับมาชนะอีกครั้งหลังชนะครั้งหลังสุดในรายการเดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ เมื่อปี 2016
เดย์ ออกสตาร์ทรอบสุดท้ายด้วยการทำหน้าเพื่อนร่วมก๊วนอย่างว วัตนีย์ อยู่สองสโตรค และประเดิมด้วยเบอร์ดี้ที่หลุม 2 หลังจากต้องเซฟพาร์ระยะ 10 ฟุตที่หลุมแรก และเซฟพาร์สั้นกว่านั้นครึ่งหนึ่งที่หลุม 3
กระทั่งหลุม 5 เดย์ไปพลาดเสียโบกี้หลังตีสองช็อตแรกไปตกบังเกอร์ และทีช็อตที่หลุม 6 พาร์ 3 ก็พลาดกรีนเสียสองโบกี้ติดต่อกัน แต่นักกอล์ฟจากออสเตรเลียก็แก้ตัวด้วยการทำสองเบอร์ดี้ซ้อนที่หลุม 7 และ 8 ด้วยการพัตต์จากระยะ 9 ฟุต
ที่หลุม 10 พาร์ 5 เจสัน เดย์ ระเบิดทรายขึ้นมาออนห่างธงเหลือระยะพัตต์เพียง 2 ฟุตก่อนขึ้นมาเก็บไม่พลาด ส่งผลให้สกอร์รวมขยับเป็น 12 อันเดอร์พาร์ ทิ่งห่าง วัตนีย์ และ ไวส เป็น 3 สโตรก
แต่ เดย์ ไปพลาดออกสองโบกี้ที่หลุม 13 พาร์ 3 และ 14 พาร์ 4 โดยที่หลุม 13 นั้นทีช็อตไปไม่เจอกรีน และตีตกน้ำที่หลุม 14 ทำให้สกอร์หล่นมาเท่ากับ ไวส ที่เก็บเบอร์ดี้ที่หลุม 14 จนกระสกอร์ขยับขึ้นมาเป็น 10 อันเดอร์พาร์
นักกอล์ฟจากออสเตรเลียโต้ตอบด้วยเบอร์ดี้พัตต์ระยะ 10 ฟุตลงไปที่หลุม 16 และเกือบจะทำโฮลอินวันที่หลุม 17 พาร์ 3 หลังตีไปชนธงและขึ้นมาพัตต์ระยะ 3 ฟุตลงไป ทำให้สกอร์หนีห่างเป็ฯ 2 สโตรก
ช็อตแอพโพรชที่หลุม 18 ของเดย์ไปตกรัฟฝั่งขวา ก่อนจะลอฟท์ช็อตสามขึ้นไปเหลือระยะพัตต์เซฟพาร์ประมาณ 7 ฟุต ซึ่งนักกอล์ฟจากแดนจิงโจ้ขึ้นไปพัตต์ไม่พลาดพร้อมคว้าชัยชนะไปครองโดยทิ้งอันดับสอง 2 สโตรก
ทางด้าน ไทเกอร์ วู้ดส์ อดีตนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของโลกชาวอเมริกันเจ้าของแชมป์เมเจอร์ 14 รายการ กลับมาลงเล่นอีกครั้งหลังจบอันดับสามสิบสองร่วมใน เดอะ มาสเตอร์ส เมเจอร์แรกของปีที่ออกัสต้า ทว่า ไทเกอร์ ทำผลงานไม่ดีโดยเฉพาะในรอบสุดท้ายที่ตีเกินไป 3 โอเวอร์พาร์ 74 ก่อนจบสี่วัน 286
“ผมกลับมาพัตต์ไม่ดีอีกครั้ง” ไทเกอร์ กล่าว “ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมสร้างโอกาสและก๋ทำมันพลาดไปหมด ถือเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ดีนักสำหรับผม”
สรุปผลเวลล์ส ฟาร์โก แชมเปียนชิพ (สนามพาร์ 71)
272 เจสัน เดย์ (ออสเตรเลีย) 69-67-67-69
274 แอรอน ไวส (สหรัฐฯ) 68-68-70-68
274 นิค วัตนีย์ (สหรัฐฯ) 72-67-66-69
276 ไบรสัน เดอแชมโบ (สหรัฐฯ) 75-65-66-70
277 ฟิล มิคเคลสัน (สหรัฐฯ) 72-72-64-69
277 พอล เคซีย์ (สหราชอาณาจักร) 69-68-69-71
277 ปีเตอร์ ยูไลน์ (สหรัฐฯ) 72-72-62-71
278 แพทริก รีด (สหรัฐฯ) 71-71-67-69
279 เอมิเลียโน กริลโล (อาร์เจนติน่า) 68-71-71-69
279 ลุค ลิสท์ (สหรัฐฯ) 70-72-67-70
279 แซม ซอนเดอร์ส (สหรัฐฯ) 70-69-68-72
279 ชาร์ล ชวาร์ทเซล (แอฟริกาใต้) 70-67-70-72