ชอฟเฟเล ซิวแชมป์ พีจีเอทัวร์แรก ในชีวิต
ชอฟเฟเล ซิวแชมป์ พีจีเอทัวร์แรก ในชีวิต
ซานเดอร์ ชอฟเฟเล เก็บสกอร์รอบสุดท้าย 3 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วันแซงกลับมาชนะ 1 สโตรค คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิต ในศึกกรีนไบรเออร์ คลาสสิก ชิงเงินรางวัลรวม 7.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 242 ล้านบาท ณ สนาม ดิ โอลด์ ไวท์ ทีพีซี เมืองไวท์ ซัลเฟอร์ สปริงส์ มลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
ซานเดอร์ ชอฟเฟเล นักกอล์ฟอเมริกันที่โดดเด่นขึ้นมานับตั้งแต่ศึกยูเอส.โอเพ่น 2017 ที่ผ่านมา จบสกอร์รวมสี่วัน 14 อันเดอร์พาร์ 266 เฉือนชนะ โรเบิร์ต สเตร็บ เพื่อนร่วมชาติอเมริกันเพียงสโตรคเดียว โดยในรอบสุดท้าย สเตร็บ ทำเข้ามาเพียง 1 อันเดอร์พาร์ 69
“ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาจริงๆ” ชอฟเฟเล กล่าวหลังคว้าชัยชนะรายการกรีนไบรเออร์ คลาสสิก ที่ทำให้เขาได้สิทธิร่วมแข่งขัน บริติช โอเพ่น ที่รอยัล เบิร์กเดล กลางเดือนกรกฎาคมนี้ “ชัยชนะรายการนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งผมต้องการเวลาเพื่อปรับตัว”
ชอฟเฟเล นักกอล์ฟวัย 23 ปี จบการแข่งขันที่ ดิ โอลด์ ไวท์ คอร์ส ในซัลเฟอร์ สปริงส์ มลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ด้วยความร้อนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บ 2 เบอร์ดี้ในการเล่น 3 หลุมสุดท้ายของการแข่งขัน
ชอฟเฟเล ที่เป็นลูกผสมระหว่าง เยอรมนี, ญี่ปุ่น และ จีน ออกสตาร์ทและปิดรอบสุดท้ายของเขาด้วยเบอร์ดี้ ที่หลุม 1 พาร์ 4 ช็อตแอพโพรชของเขาตกใกล้หลุมก่อนสปินกลับมาทำให้เขาได้พัตต์เบอร์ดี้ระยะเพียง 2 ฟุตเพื่อขยับเป็น 12 อันเดอร์ และที่สุด 18 พาร์ 3 เขาขึ้นมาจบด้วยการพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 4 ฟุตลงไป
หลังจากฉลองบนกรีนหลุม 18 ชอฟเฟเล กล่าวว่าเขาต้องการเวลาสักพักเพื่อปรับตัว โดยนักกอล์ฟหนุ่มอเมริกันกล่าวว่า “มันเป็นพัตต์ที่ไหลลงไปอย่างช้าๆ จากนั้นผมใช้เวลาพักใหญ่ๆด้วยการนั่งให้เวลากับตัวเองในล็อคเกอร์รูม มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก”
เขาจบอันดับห้าร่วมในศึก ยูเอส.โอเพ่น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจบสกอร์รอบสุดท้าย 69 รวมสี่วันแพ้ บรู๊คส์ เคปก้า ไป 6 สโตรค
“ยูเอส.โอเพ่น เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพของผม” ชอฟเฟเล กล่าว “เป็นหนึ่งในรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมได้ลงแข่งขัน และการได้จบอันดับห้าร่วมนั้นมันยิ่งใหญ่มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาพจิตใจของผม นั่นสร้างความมั่นใจและเปิดโอกาสให้ผมมาชนะในสัปดาห์นี้”
ด้าน สเตร็บ จบสกอร์รอบสุดท้าย 1 อันเดอร์พาร์ 69 จบอันดับสองแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่ จามี เลิฟมาร์ก โปรอเมริกันที่ทำสกอร์รอบสุดท้าย 69 และ เซบาสเตียน มูนอซ ผู้นำหลังจบรอบสามจากโคลัมเบียจบอันดับสามร่วมกันที่สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 268 แพ้ ชอฟเฟเล 2 สโตรค
เซบาสเตียน ที่นำการแข่งขันมาตั้งแต่รอบแรกจนกระทั่งรอบสามและลุ้นที่จะชนะแบบม้านเดียวจบเพื่อลุ้นจะเป็นนักกอล์ฟโคลัมเบียคนที่สองต่อจาก คามิโล วิลเลกัส ที่ชนะยูเอสพีจีเอทัวร์ ทว่าในรอบสุดท้ายนักกอล์ฟวัย 24 ปีที่ลงเล่นพีจีเอทัวร์เป็นปีแรกกลับตีเกินไป 2 โอเวอร์พาร์ 72 พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
ความผิดพลาดในรอบสุดท้ายของ มูนอซ ไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไรมากนัก เพราะย้อนหลังไป 7 ปีของรายการนี้ ไม่เคยมีผู้นำรอบแรก ผู้นำรอบสอง และผู้นำรอบสาม สามารถฝ่าด่านจนสามารถคว้าแชมป์มาครองสำเร็จแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม สเตร็บ, เลิฟมาร์ก และ มูนอซ ต่างได้สิทธิร่วมแข่งขัน บริติช โอเพ่น ที่รอยัล เบิร์กเดล เนื่องจากรายการนี้มีที่ว่าง 4 อันดับสำหรับนักกอล์ฟท็อป 12 ที่ยังไม่ได้สิทธิ จะได้ตั๋วควอลิฟายเข้าไปเล่นเมเจอร์รายการต่อไป
สรุปผลกรีนไบรเออร์ คลาสสิก (สนามพาร์ 70)
266 ซานเดอร์ ชอฟเฟเล (สหรัฐฯ) 64-69-66-67
267 โรเบิร์ต สเตร็บ (สหรัฐฯ) 65-68-65-69
268 จามี เลิฟมาร์ก (สหรัฐฯ) 69-64-66-69
268 เซบาสเตียน มูนอซ (โคลัมเบีย) 61-67-68-72
269 เคลลี คร๊าฟท์ (สหรัฐฯ) 67-66-67-69
269 รัสเซลล์ เฮนลีย์ (สหรัฐฯ) 68-64-68-69
270 ไรอัน บลัม (สหรัฐฯ) 68-67-71-64
270 โทนี ฟิเนา (สหรัฐฯ) 69-66-67-68
271 อเล็กซ์ เซจก้า (เยอรมนี) 66-71-70-64
271 แชด แคมพ์เบลล์ (สหรัฐฯ) 70-69-65-67
271 เจ.บี.โฮล์มส์ (สหรัฐฯ) 68-69-66-68
271 นิค เทย์เลอร์ (แคนาดา) 64-69-69-69
271 แดนนี ลี (นิวซีแลนด์) 64-68-70-69