ความเลวร้ายตามตะเข็บชายแดน
ความเลวร้ายตามตะเข็บชายแดน
หากจะพูดถึงบรรดาประเทศที่มีชายแดนใกล้ชิดติดกันในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ไทยเราคือประเทศที่มีแนวชายแดนติดกันกับอีกหลายประเทศ” ในภูมิภาคนี้ แล้วบรรดาชายแดนที่เรามีอยู่ทั้งเขาและเราเคยมีเรื่องที่ต้องออกมาเปิดศึกน้ำลายหรือบางครั้งบางคราถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว ในอดีต “ประเทศสยาม”อาจจะเรียกได้ว่าเราเป็นตัวตึงชาติหนึ่งเราเคยโดนเขาบ้างหรือบางทีเราก็บุกไปล่อเขาก็มีตามประวัติศาสตร์ที่เราร่ำเรียนกันมา…แต่ทั้งหมดที่เป็นความรู้ที่เราจะมีความจริงแท้แน่นอนซ่อนอยู่กี่มากน้อย เพราะชาติเราหรือคนของเราไม่ได้จดเป็นตัวหนังสืออะไรกับเขาหรอก หากแต่ใช้การจดจำกันไว้เป็นเรื่องเล่าต่างๆ กันมา ครูไก่ก็ไม่ทราบว่าจะมีราวกี่เรื่องราวที่ถูกถอดออกมาจากภาษาที่เป็นตัวอักษร แต่ก็อย่างว่าในโบราณนั้นเราไม่นิยมให้ลูกหลานได้เล่าเรียนหนังสือหนังหาอะไร ยิ่งเด็กผู้หญิงใครได้เรียนหนังสือเข้าก็จะกลายเป็นคนแปลกในสังคมเข้าไปนั่น…
กลับมาที่การทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเรากับชาติที่อยู่ติดกันหลายหนหลายตอนที่มันเกิดจากความขัดแย้งในท้องถิ่น แล้วก็เกิดด้วยคนตามแนวตะเข็บชายแดนที่ขัด “ผลประโยชน์” กันเอง เช่นเดียวกับในครั้งกระนี้ที่เรากับกัมพูชาลงมือลงไม้กันแบบมีเจ็บตายกันมากโข แต่พอสืบสาวราวเรื่องดูก็ไม้พ้นเกิดจากความขัดแย้งหรือปมของเรื่องมาจาก “ผลประโยชน์” ของคนบางกลุ่มบางพวก ไม่ว่าจะเป็นทางฟากฝั่งเขาหรือเราซึ่งมีสายเครือข่ายของการทำเลวที่ยัดโยงกันมาเป็นเวลานาน… ดังนั้นการจะทำให้ปัญหานี้หมดไปมันไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ…
ความทุกข์ของประชาชนตามแนวชายแดนโดยเฉพาะพื้นที่แถวตะวันออกที่ติดกับ “กัมพูชา” มันบ้าบอจริงๆ เพราะเท่าที่พอจะหาเบาะแสได้บรรดานักการเมืองท้องถิ่นหรือข้าราชการบางคนที่หรี่ตาข้างหนึ่งเมื่อเห็นคนกระทำผิดซึ่งหน้าแต่แตะต้องไม่ได้ เนื่องด้วย “การกระทำเหล่านั้นมาจากคนมีสี” ที่คอยช่วยเหลือกันอยู่ เรามาดูระบบการเมืองท้องถิ่นเราที่ต้องอาศัยเครือข่ายกับนักการเมืองส่วนกลางเป็นกำลังให้…แบบนี้มันก็ต้องบอกได้คำเดียวว่า “นรก”ชัดๆ เพราะเม็ดเงินที่จะมาช่วยพรรคการเมืองในส่วนกลางมันจะมาจากไหนได้รวดเร็วและไม่ต้องสืบเสาะหาแหล่งที่มามันก็ต้องนี่แหละครับ “ธุรกิจผิดกฎหมาย” ตามแนวชายแดนนี่แหละ
ดังนั้นเราท่านทั้งหลายก็คงจะมองออกว่า “ความเลวร้ายที่มีกันมานานเนมันกำลังส่งผลต่อชาติบ้านเมืองแล้วครับ” ขนาดกัมพูชายังกล้ามาปะทะกับเราทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันแพ้ตั้งแต่ในมุ้งนี่แสดงว่า เขาก็ต้องมั่นใจว่า “หนอนที่อยู่ในเหลือมันอาจช่วยได้” แต่พอเราเอาเข้าจริง “ทหารราบไม่ยอม” ทีนี้ก็บันเทิงไทยจัดหนักจัดเต็มไปสามสี่วัน มันก็พอสั่งสอนมนุษย์ฟากกระโน้นว่าอย่าปากแจ๋วเพราะไม่แคล้วหนอนจะไชตา… พอได้แบบนี้ก็เหลือแต่เราแล้วที่จะต้องจัดการกับไส้ศึกในบ้านให้จบสิ้นกันไปเสียที อาศัยช่วงนี้แหละกดให้เต็มคำ เอาให้ตายแล้วลากไส้ออกมาประจารเสียด้วย
ครูไก่

