จะเล่นต่ออย่างไร ในวันที่ไฟหมด
จะเล่นต่ออย่างไร ในวันที่ไฟหมด
อาการเบื่อกอล์ฟสำหรับนักกีฬากอล์ฟอาชีพ (ที่จริงเป็นกับทุกชนิดกีฬา) เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย อาจเกิดจากความเครียด ความกดดัน ความซ้ำซาก หรือแม้แต่ความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งปัจจุบันความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การกีฬาและทางการแพทย์ ได้เจอสาเหตุและวิธีการดูแลรักษาให้หายได้แล้ว ‘เป็นได้ ก็หายได้’
และนี่คือตัวอย่างของนักกอล์ฟอาชีพระดับโลกหลายคน ที่เคยประสบกับปัญหา ‘Burnout’ หรืออาการคล้ายกัน ทั้งจากแรงกดดัน ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ และความคาดหวังที่มากเกินไป ตัวอย่างที่ชัดเจนและได้รับการพูดถึงในวงการกอล์ฟโลก มีดังนี้

-มิเชล วี (สหรัฐอเมริกา)
โลกรู้จักเธอเมื่อเริ่มเปิดตัว และมีชื่อเสียงโด่งดังทันที ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น มิเชล สาวอเมริกันเชื้อชาติเกาหลี ถูกผลักดันอย่างหนักเพื่อให้เป็น ‘สาวน้อยมหัศจรรย์’ ระหว่างนั้น ทั้งในวงการกอล์ฟหญิงและชาย ถูกชื่อของเธอกลบอย่างราบคาบ ก้าวเข้าแข่งขันระดับอาชีพตั้งแต่อายุ 13 ปี และกลายเป็นเป้าสื่อและสปอนเซอร์ทันที ด้วยองค์ประกอบครบทั้งทักษะฝีมือและรูปหน้าตาอันโดดเด่น สูงโย่งแต่ดูสง่างามในสนาม จนทั้งวงการให้ความคาดหวังว่า ดาวดวงนี้ต้องโด่งดังทะลุฟ้าอย่างแน่นอน
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังคาด เธอยอมรับในภายหลังว่าเธอรู้สึก ‘หมดไฟ’ (burnout) และรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสมดุล เนื่องจากต้องรับมือกับความคาดหวังมหาศาล ซึ่งนั่นกดดันจนชีวิตเธอเกือบพังทลาย เธอต้องกลับมาพักฟื้น พักรักษาใจตัวเองให้แข็งแกร่ง ด้วยการหันมาใช้เวลากับครอบครัว พักการแข่งขัน และกลับมาเล่นโดยตั้งเป้าเพื่อ ‘ตัวเอง’ ไม่ใช่เพื่อความคาดหวังของคนอื่น ซึ่งเธอก็ทำได้ดีพอสมควร สามารถกลับมาสร้างผลงานได้อีกบ้าง ถึงแม้จะไม่ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนครั้งเมื่อเปิดตัว แต่นั่นก็ทำให้ชีวิตเธอมีความสุขมากกว่าเดิมมากมายนัก

-รอรี แม็คอิลรอย (ไอร์แลนด์เหนือ)
หลังจากเป็นมือหนึ่งของโลก และชนะเมเจอร์หลายรายการในช่วงต้นอาชีพ รอรี ยอมรับว่าช่วงปี 2013-2014 เขารู้สึก ‘หมดแรงและเสียศูนย์’ จากการพยายามรักษาระดับฟอร์ม จนถึงขนาดเคยเอ่ยปากว่า “บางช่วงผมตื่นมาและรู้สึกไม่อยากไปซ้อม” ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะรู้สึกโชคดี ที่อยู่ในตำแหน่งมือท้อปของโลกในขณะนั้น
เขาเริ่มโฟกัสเรื่องสุขภาพจิตมากขึ้น มีเวลานอกสนามมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะปล่อยวางเรื่องผลลัพธ์ จนค่อย ๆ กลับมาคืนฟอร์ม และสร้างผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะล่าสุดในฤดูกาล 2025 สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ระดับเมเจอร์ พร้อมรับเงินก้อนมหาศาลมาได้อย่างน่าอิจฉา จากการที่เขากลับมาเติมไฟในตัวได้สำเร็จ

-ลิเดีย โค (นิวซีแลนด์) สาวน้อยหน้าตาดูเนิร์ด ๆ เชื้อสายเกาหลี ที่มาแรงสุด ๆ ในช่วงเปิดตัวอีกราย และกลายเป็นมือหนึ่งของโลกเมื่ออายุเพียง 17 ปี ทำให้ต้องแบกรับความคาดหวังมหาศาลจากทุกฝ่าย ตั้งแต่ครอบครัวไปจนถึงแฟน ๆ ที่รอลุ้นรอเชียร์ ว่าเธอจะทำสถิติใหม่ ๆ อะไรได้อีก แต่กลายเป็นว่า หลังจากปีทอง เธอประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างต่อเนื่อง อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด และสารภาพว่า ‘เริ่มไม่สนุกกับกอล์ฟ’ อีกต่อไป
จนเมื่อเธอได้หยุดพักจากการแข่งขัน เปลี่ยนโค้ช ปรับวิถีชีวิต และเรียนรู้ที่จะเล่นเพื่อความสุขและสุขภาพของตัวเองบ้าง ไม่ใช่เพื่อตอบสนองแรงกดดันภายนอก หรือทำตามในสิ่งที่เธอไม่อยากทำเอง ลิเดีย ก็กลับมาผงาดอีกครั้ง แม้กระทั่งรางวัลเกียรติยศสูงสุดอย่าง โอลิมปิค 2024 ที่ ปารีส เธอก็คว้าไว้ได้ด้วยความสงบนิ่ง เก่งเกินกว่าคนธรรมดาจะรับมือไหว และยังคงเดินหน้าสร้างผลงานอย่างคงเส้นคงวา ถึงจะไม่แชมป์ตลอดแต่ก็มีให้ลุ้นอยู่เรื่อย ๆ

-ไทเกอร์ วูดส์ (สหรัฐอเมริกา) หนุ่มใหญ่ลูกครึ่ง ไทย อเมริกัน ที่ทุกคนรู้จักดี แม้ ไทเกอร์ จะไม่ได้ใช้คำว่า “Burnout” ชัดเจน แต่เขาประสบกับความเครียดมหาศาล จากทั้งเรื่องส่วนตัวที่รุมเร้าแทบจะเป็นข่าวรายวันในช่วงพีค บวกกับอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ลากยาวมาแรมปี ผลจากวงสวิงที่ดุดันชนิดไม่มีใครเลียนแบบได้ และยังเจอแรงกดดันระดับโลกที่ไหลเข้ามารวมในช่วงดวงตกอีก
จนเมื่อ ไทเกอร์ ได้เริ่มหายจากสนามกอล์ฟไปพักใหญ่ อาจเพราะสูญเสียแรงจูงใจในบางช่วง ถอนตัวจากการแข่งขันสำคัญ ๆ หลายครั้ง แต่การหายหน้าหายตาไปนั้น ทำให้เขาได้มีเวลาเพื่อฟื้นตัว ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ จนเมื่อ ปี 2019 การกลับมาคว้าแชมป์ The Masters เป็นการพิสูจน์ว่า เขาพร้อมแล้วหลังจากติดอยู่ในช่วงเวลาอันแสนจะมืดมนอยู่พักใหญ่
สาเหตุของ ‘Burnout’ ในกีฬา อาจเกิดจาก
-ฝึกซ้อมหนักเกินไปโดยไม่มีเวลาพัก (Overtraining)
-รับแรงกดดันสูง จากโค้ช ผู้ปกครอง ตนเอง หรือแฟนคลับ
-เป้าหมายไม่สมดุล เช่น มุ่งแต่ชัยชนะจนขาดความสุขในการเล่น
-ขาดอิสระในการตัดสินใจ เช่น ถูกบังคับให้ฝึกหรือแข่งขัน
-ไม่มีสมดุลในชีวิต เช่น ไม่มีเวลาพักผ่อน หรือมีปัญหานอกสนามที่สะสมจนส่งผล
วิธีป้องกันและฟื้นฟู
-กำหนดเวลาพักอย่างเหมาะสม ต้องมี off-season และวันพักจากการฝึก
-ฝึกสลับแบบ (Cross-Training) เพื่อไม่ให้สมองและร่างกายเบื่อกับกิจกรรมเดิม
-ตั้งเป้าหมายที่สมดุล ไม่ควรยึดแต่ผลการแข่งขัน ควรเน้นการพัฒนาและความสุข
-มีระบบสนับสนุน เช่น โค้ชที่เข้าใจ ครอบครัว เพื่อนร่วมทีม
-เข้าปรึกษานักจิตวิทยาการกีฬา เพื่อปรับความคิด ลดความกดดัน และหาความหมายใหม่ในกีฬา
ดังนั้น หากท่านใดที่คิดว่าตัวเอง อาจจะ ‘เข้าข่าย’ ที่ว่า ก็ต้องเตรียมดูแลตัวเอง เพื่อให้กอล์ฟ ยังคงเป็นกิจกรรมที่รัก ทั้งเพื่อใช้เป็นสันทนาการคืนกำไรให้ชีวิต หรือแม้จะยึดเป็นอาชีพ ก็ต้องทำด้วยความสุข ชีวิตถึงจะมีความสุขจริง ๆ ครับ.
ที่มา เรื่อง / ภาพ : wikipedia hualalaigolfhale.com, sportskeeda.com, golf.com, golfwrx.com