อมยิ้มริมกรีน

ซินเดอเรล่า เธอมาชั่วข้ามคืน

ซินเดอเรล่า เธอมาชั่วข้ามคืน

การแข่งขัน NCAA Championship กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น และเช่นเดียวกับธรรมเนียมของเดือนมีนาคม ทัวร์นาเมนต์นี้มักจะมี “Cinderella” หรือทีมนอกสายตาที่ดูเหมือนไม่มีโอกาสชนะ แต่กลับพลิกความคาดหมายและทำลายทุกการคาดเดา บางครั้ง ทีม Cinderella เหล่านี้ก็สามารถคว้าแชมป์ได้ทั้งหมด เช่น North Carolina State ปี 1983 หรือ Villanova ปี 1985 ซึ่งถือเป็นสุดยอดของทีมม้ามืด

ใน PGA TOUR ก็มีแชมป์ที่คาดไม่ถึงมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่ารายการนี้จะไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่เรามาดูชัยชนะที่น่าจดจำของนักกอล์ฟที่สามารถคว้าแชมป์จากที่ไม่มีใครคาดคิดกัน

เรื่องราวนี้อ้างอิงบางส่วนมาจากบทความโดยคุณลอรี ลิฟเซย์ ที่เขียนไว้ใน pgatour.com มาดูกันครับว่าเป็นใครกันบ้างที่เข้าข่าย บางคนอาจเป็นที่รู้จักกันดี แต่บางคนแทบไม่เคยได้ยินชื่อก็มี

John Daly

“จอห์น เดลี” แชมป์ PGA Championship ปี 1991

ในช่วงต้นสัปดาห์ของการแข่งขันที่รัฐอินเดียนา เดลี เป็นตัวสำรองลำดับที่ 9 ดูเหมือนว่าแทบไม่มีโอกาสได้ลงเล่นเลย แต่คนจะดังฟ้าย่อมเป็นใจ เพราะเมื่อถึงวันพุธ ‘นิค ไพรซ์’ ซุปตาร์ในยุคนั้น เกิดถอนตัว ทำให้ เดลี ได้สิทธิ์ลงแข่งแทน เขาออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยสกอร์ 69-67-69 ณ สนาม ครูก สติค กอล์ฟ คลับ ทำให้ขึ้นนำ เคนนี คน็อก และ เครก สเตดเลอร์ (อีกซุปตาร์ ฉายาเจ้าแมวน้ำ) อยู่ 3 สโตรก

จอห์น เดลี ยังเป็น รุกกี้ เพิ่งเล่นใน คอร์น เฟอร์รี่ ทัวร์ เมื่อปีก่อนหน้า จบการแข่งขันรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ 72 และสามารถคว้าแชมป์ด้วยชัยชนะ 3 สโตรกเหนือ บรูช ไลตซ์ ได้อย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ผลงานของ จอนห์ เดลี จะมาแบบซินเดอเรลา และดังเปรี้ยงชั่วข้ามคืน แต่เขาก็สามารถรักษาความเป็นสุดยอดนักกอล์ฟมาได้อย่างยาวนาน ทั้งในเรื่องผลงานอันโดดเด่นอีกหลายครั้ง มีวงสวิงเฉพาะตัวแบบใส่สุดทุกช็อต เสื้อผ้าหน้าผมสุดจะเจ็บจี๊ดลูกตา แถมติดสุรางอมแงม กริยามารยาแทบไม่มีใครรับได้ จนได้รับฉายาว่าเป็น จอมเกเรของวงการ และยังโลดแล่นมาถึงทุกวันนี้ เป็นอีกบุคคลที่สมควร ‘เอาเยี่ยง แต่อย่าเอาอย่าง’

“ฟรานซิส อุยเมต์” แชมป์ U.S. Open ปี 1913

ชื่อนี้เมื่อก่อนอาจจะไม่ค่อยคุ้นนัก แต่หลังจากที่ภาพยนตร์แนวชีวประวัติเรื่อง “The Grestest Game Ever Played” ได้ออกฉาย ทำให้หลายคนได้รู้จักกับสุดยอดนักกอล์ฟ ระดับมหัศจรรย์ก็ว่าได้ เพราะมีเรื่องราวที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับ “มวยรอง” แต่ใจสู้ไม่มีถอย อีกทั้งยังมีเกร็ดประวัติศาสตร์เรื่องกอล์ฟในอดีตที่น่าสนใจ สมควรรับชมเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องราวของเขาเกิดขึ้นหลังจากแพ้ในรอบก่อนรองชนะเลิศ U.S. Amateur 1913 อุยเมต์ ได้ลงแข่งขัน U.S. Open เป็นครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นที่ The Country Club ใน Brookline, Massachusetts การแข่งขันครั้งนี้กลายเป็นหนึ่งใน U.S. Open ที่เหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ ‘อุยเมต์’ เด็กหนุ่มวัย 20 ปีจาก Brookline และมี เอ็ดดี ลอว์รี เด็กชายวัย 10 ขวบเท่านั้น โดดเรียนมาเป็นแคดดี้! สามารถทำสกอร์เท่ากับ เท็ด เรย์ และ แฮร์รี วาร์ดอน นักกอล์ฟชาวอังกฤษระดับตำนาน ในการแข่งขันเพลย์ออฟ รอบ 18 หลุม ท่ามกลางสายฝน ฟรานซิส อุยเมต์ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ทำสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ เอาชนะ วาร์ดอน ไป 5 สโตรก และ เรย์ ไป 6 สโตรก สร้างหนึ่งในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กอล์ฟ

และต่อจากนี้ คือแชมป์ซินเดอเรล่า ที่ท่านอาจไม่เคยรู้จัก

“แจ็ค เฟล็ค” แชมป์ U.S. Open ปี 1955

ก่อนหน้ารายการนี้เขาไม่เคยชนะ PGA TOUR มาก่อน และเปิดสนามที่ Olympic Club (San Francisco) ด้วยสกอร์ 76 (+6) อย่างไรก็ตามการทำสกอร์ 69 ในรอบสอง (เป็น 1 ใน 6 คนที่ตีต่ำกว่าพาร์ในสัปดาห์นั้น) และจบการแข่งขันด้วย 67 ทำให้สามารถ ตีเสมอ “เบน โฮเกน” ซึ่งเป็นแชมป์ PGA TOUR 63 รายการ และตำนานกอล์ฟระดับโลก โดยในรอบเพลย์ออฟ 18 หลุม ที่สนาม Olympic Club Fleck เขานำ โฮเกน 1 สโตรกก่อนเข้าสู่หลุมสุดท้าย และปิดเกมด้วยพาร์ ขณะที่ โฮเกน ทำดับเบิลโบกี้ ทำให้ เฟล็ค คว้าแชมป์เมเจอร์แรกและแชมป์เดียวในอาชีพ

“ออร์วิลล์ มูดี” แชมป์ U.S. Open ปี 1969

เขาเป็นนักกอล์ฟที่ตีลูกได้ดีเยี่ยม แต่พัตต์ได้ “แย่” ในระดับประวัติศาสตร์ เคยรับใช้กองทัพสหรัฐฯ และต้องผ่านรอบคัดเลือกทั้งระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค กว่าจะได้ลงแข่งขันใน U.S. Open ปี 1969 เมื่อเข้าสู่การแข่งขัน มูดี ทำสกอร์ 71-70-68 ในสามวันแรก ทำให้ตามหลัง “มิลเลอร์ บาร์เบอร์” อยู่ 3 สโตรก ก่อนเข้าสู่รอบสุดท้าย ที่สนาม Champions Golf Club (Houston) ในวันสุดท้าย มูดี ทำสกอร์ 72 (+2) ซึ่งเป็นหนึ่งในสองคนที่สามารถตีต่ำกว่าพาร์ในรอบสุดท้าย และเมื่อ บาร์เบอร์ ฟอร์มหลุด ทำให้ มูดี คว้าแชมป์ไปด้วยคะแนนนำ 1 สโตรก เหนือนักกอล์ฟมือดังอีกหลายราย แม้ว่าเขาจะชนะ PGA TOUR Champions 11 รายการ หลังอายุ 50 ปี และกลับมามีชีวิตใหม่ในวงการกอล์ฟหลังเปลี่ยนไปใช้ พัตเตอร์ก้านยาว แต่ U.S. Open ปี 1969 ก็ยังคงเป็น แชมป์ PGA TOUR รายการเดียวในอาชีพของเขา

“รอด เคิร์ล” แชมป์ Colonial National Invitation ปี 1974

เริ่มเล่นกอล์ฟตอนอายุ 19 ปี ขณะที่ทำงานก่อสร้าง อีก 12 ปีต่อมา (เขาเป็นสมาชิกของ Wintu Tribe แห่ง นอร์ธแคลิฟอร์เนีย) สามารถคว้าแชมป์ PGA TOUR ได้เพียงรายการเดียวในอาชีพ เคิร์ล คว้าแชมป์ Colonial National Invitation หนึ่งในทัวร์นาเมนต์และสนามแข่งขันอันทรงเกียรติที่สุดของ PGA TOUR โดยเอาชนะ “แจ็ค นิคลอส” ซึ่งเป็นนักกอล์ฟที่เก่งที่สุดในยุคนั้น, เคิร์ล ซึ่งสูงเพียง 5 ฟุต 5 นิ้ว (165 ซม.) สามารถต่อกรกับ “เจ้าหมีทอง”Golden Bear จนถึงวันสุดท้ายของการแข่งขันที่ Fort Worth, Texas เฉือนชนะไปเพียง 1 สโตรก จากการทำ เบอร์ดี้ระยะ 20 ฟุต ที่หลุม 16 อันเป็นช็อตสำคัญช่วยให้คว้าชัยชนะมาได้

“บ็อบ ไบย์แมน” แชมป์ Arnold Palmer Invitational ปี 1979

หลังจากแข่งขันที่ Rio Pinar Country Club มานาน 13 ปี รายการ Florida Citrus Open ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Bay Hill Citrus Classic และย้ายไปจัดที่ Arnold Palmer’s Bay Hill Club เมื่อพิจารณาถึงรายชื่อนักกอล์ฟที่ร่วมแข่งขันในปีนั้นล้วนแล้วมีแต่บิ้กเนม เช่น “อาร์โนล์ พาร์เมอร์”, “แจ็ค นิคลอส”, “ลี เทรวิโน”, “ทอม วัตสัน” และ เฮลล์ เออร์วิน” การที่ “บ็อบ ไบย์แมน” คว้าแชมป์ด้วยชัยชนะในรอบเพลย์ออฟเหนือ John Schroeder “จอห์น สครอเดอร์” เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เพราะนี่เป็นเพียงการลงแข่ง PGA TOUR ครั้งที่ 15 ของเขา และยังเป็น ชัยชนะเดียว จากการลงเล่นทั้งหมด 150 รายการ ในทัวร์อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายรายที่เข้าข่ายแชมป์รองเท้าแก้ว เช่น Fred Wampler แชมป์ Los Angeles Open ปี 1954, Dick Hart แชมป์ Azalea Open ปี 1965, Don Iverson  แชมป์ B.C. Open ปี 1975, David Ishii แชมป์ Sony Open in Hawaii ปี 1990, Derek Ernst แชมป์ Truist Championship ปี 2013, William McGirt แชมป์ The Memorial Tournament ปี 2016 ฯลฯ

เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับเกร็ดประวัติศาสตร์ของวงการกอล์ฟ เกี่ยวกับแชมป์ชั่วข้ามคืนที่บางคนก็แจ้งเกิดสำเร็จต่อเนื่อง หรือบางคนแชมป์ครั้งนั้นได้กลายเป็นจุดสูงสุดในชีวิตที่ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้อีกก็มี แต่ในที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร ชัยชนะไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับความพยายามเต็มที่ ด้วยหัวใจอันเป็นนักสู้ไม่มีถอย เพราะบางครั้ง แชมป์เดียว อาจเป็นรางวัลที่เกินพอสำหรับเส้นชัยของชีวิตแล้วครับ

เรื่อง : pgatour.com ภาพ : pgatour.com, seminoletribune.org, bobbymangolf.com, usga.org, wikipedia.org