Golf NEWS

‘แม็คคาร์ที’ แชมป์ แบล็กเดสเสิร์ต ซิวตั๋วมาสเตอร์ส

‘แม็คคาร์ที’ แชมป์ แบล็กเดสเสิร์ต ซิวตั๋วมาสเตอร์ส

แมตต์ แม็คคาร์ที นักกอล์ฟอเมริกันซึ่งเริ่มต้นปีด้วยการเล่นในคอร์นเฟอร์รีทัวร์ แต่ตอนนี้คว้าตั๋วลงเล่นเมเจอร์อย่าง เดอะ มาสเตอร์ส หลังคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิต ในรายการแบล็ก เดสเสิร์ต แชมเปียนชิพ หลังจบสกอร์รอบสุดท้าย 4 อันเดอร์พาร์ 67 ในยูทาห์ สหรัฐอเมริกา

แม็คคาร์ที คว้าแชมป์รายการระดับคอร์นเฟอรีทัวร์ 3 รายการจนได้เข้ามาเล่นในพีจีเอทัวร์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเพียงรายการที่สามในพีจีเอทัวร์ เขาก็ทำให้การคว้าชัยชนะดูเหมือนง่ายดาย หลังจบรอบสามที่ แบล็ก เดสเสิร์ต รีสอร์ต นำการแข่งขัน 2 สโตรก จากนั้นไม่ตกเป็นฝ่ายตามหลังอีก้ลยและจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการคว้าชัยชนะ 3 สโตรก

สเตฟาน เยเกอร์ ขยับไล่หลังสโตรกเดียวจากเบอรดี้ที่หลุม 14 และหลุม 15 แต่ แม็คคาร์ที หนีไปอีกครั้งจากการตีทีช็อตที่หลุม 14 พาร์ 4 ระยะ 310 หลาด้วยหัวไม้สามอย่างสมบูรณ์แบบ โดยลูกขึ้นไปออนห่างธงเพียง 3 ฟุตครึ่ง ก่อนลงจากหลุมด้วยอีเกิ้ล

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้นักกอล์ฟถนัดซ้ายวัย 26 ปีจากอริโซนา จะได้ลงเล่นรายการระดับเมเจอร์ถึง 3 รายการในปีหน้า เขาได้สิทธิเล่น เดอะ มาสเตอร์ส และ พีจีเอ แชมเปียนชิพ จากการคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการนี้ และ แม็คคาร์ที ได้สิทธิเล่น ยูเอส โอเพ่น ไปก่อนหน้านี้แล้วจากการทำแต้มเป็นอันดับหนึ่งของ คอร์นเฟอร์รีทัวร์

แม็คคาร์ที นับเป็นคนแรกต่อตาก เจสัน กอร์ ที่คว้าแชมป์รายการระดับดีเวลล็อปเมนต์ทัวร์ 3 รายการจนได้โปรโมทขึ้นมาเล่นในพีจีเอทัวร์ และยังสามารถคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ได้ในฤดูกาลเดียวกัน โดยในรายการนี้เขาทำสกอร์รวมสี่วัน 23 อันเดอร์พาร์ 261 รับเงินรางวัลไปครอง 1.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณจะคาดหวังเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร” แม็คคาร์ทีกล่าว “แต่มันเป็นเรื่องที่สนุกมาก ที่ผ่านมาผมฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่ปีนี้ก็เป็นปีที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับผม การได้รับประสบการณ์แบบนี้ แน่นอนว่ามันยอดเยี่ยมมาก เป็นช่วงเวลา 2-3 เดือนที่บ้ามาก”

แม็คคาร์ทีไม่ได้เผชิญกับความกดดันมากนัก ซึ่งมาจากการพัตต์ที่ยอดเยี่ยมของเขา อาจจะมีบางช่วงที่ เยเกอร์ ไล่เข้ามา ส่วนคนอื่นที่มีลุ้นกลับทำได้ไม่ดีท่ามกลางแสงแดดทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูทาห์ ที่เป็นครั้งแรกในรอบ 61 ปีที่พีจีเอทัวร์มาจัดการแข่งขัน

โจ ไฮสมิธ ซึ่งเล่นในก๊วนสุดท้ายพลาดออกดับเบิ้ลโบกี้ตั้งแต่หลุมแรก ขณะที่ แฮร์ริส อิงลิช พลาดเสีย 3 โบกี้ในช่วงเก้าหลุมแรกที่หักล้างไปกับ 3 เบอร์ดี้ แต่นั้นทำให้เขาไม่สามารถขยับขึ้นไปกดดันได้ ส่วน เยเกอร์ ที่ดวลกับ สกอตตี เชฟฟ์เลอร์ ก่อนจะชนะฮิวสตัน โอเพ่น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็ทำได้เพียงเบอร์ดี้เดียวในช่วงเก้าหลุมแรก

แม็คคาร์ที ที่นำการแข่งขัน 3 สโตรกและเล่นไม่พลาดเลย จนกระทั่งมาเสียสามพัตต์จากระยะ 55 ฟุตที่หลุม 12 ซึ่งเป็นช่วงที่ เยเกอร์ พัตต์เบอร์ดี้ระยะ 5 ฟุตลงไปที่หลุม 13 ตามด้วยทีช็อตไปออนกรีนที่หลุม 14 พาร์ 4 และทำสองพัตต์ได้เบอร์ดี้จนไล่เข้ามาเหลือเพียงสโตรกเดียว

แต่ แม็คคาร์ที ตอบโต้ด้วยการทีช็อตที่หลุม 14 พาร์ 4 ลูกขึ้นไปออนห่างธงในระยะเกือบจะแท็ปอินและสามารถทำอีเกิ้ลได้สำเร็จ ส่วน เยเกอร์ ซี่งเล่นอยู่ 2 ก๊วนข้างหน้ามีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้ 3 หลุมซ้อน แต่ไม่ลงแม้แต่ลูกเดียว

อย่างไรก็ตาม เยเกอร์ มาได้เบอร์ดี้ที่หลุม 18 พาร์ 5 ที่ทำให้เขาจบรอบสุดท้าย 3 อันเดอร์พาร์ 68 และจบอันดับสองแต่เพียงผู้เดียว

“ผมเปิดโอกาสให้ตัวเองแล้ว” เยเกอร์กล่าว “ผมไม่ได้ไดร์ฟดีพอที่จะเล่นเหล็กที่สั้นกว่านั้น หรือเปิดโอกาสให้ตัวเองทำเบอร์ดี้มากนัก แต่ผมก็มีพัตต์สวย ๆ เข้ามาทดแทน ซึ่งผมค่อนข้างจะแฮปปี้กับมัน”

ลูคัส โกลเวอร์ จบสกอร์รอบสุดท้าย 62 รวมแล้วจบอันดับสามร่วมกับ เควิน สตรีลแมน ที่มีโอกาสดีที่จะรักษาทัวร์คาร์ดเอาไว้แม้จะไม่มีลุ้นมากนักที่จะคว้าแชมป์ เนื่องจาก เดอะ เฟดเอ็กซ์ ฟอลล์ เป็นโอกาสสำคัญที่นักกอล์ฟจะทำอันดับขึ้นมาอยู่ใน 125 อันดับแรกเพื่อรักษาพีจีเอทัวร์คาร์ดเพื่อจะเล่นแบบเต็มซีซั่น 2025

ก่อนรายการนี้จะเริ่ม สตรีลเมน อยู่ในอันดับ 177 ซึ่งทุกช็อตล้วนมีความหมายกับเขา สตีลแมนตบต้นขาด้วยความโกรธหลังพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 6 ฟุตพลาดที่หลุม 16 จากนั้นที่หลุม 17 พาร์ 3 เขาตีเวดจ์ลูกไปชนธงและกระดอนออกนอกกรีน แต่ขึ้นไปเซฟพาร์สำเร็จ ปิดท้ายด้วยเบอร์ดี้ที่หลุม 18 ทำให้จบรอบสุดท้าย 2 อันเดอร์พาร์ 69

การจบอันดับสามร่วม ทำให้อันดับบนตารางเฟดเอ็กซ์คัพของเขาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 138 เข้าใกล้ 125 อันดับแรก และยังเหลือรายการในช่วง เดอะ เฟดเอ็กซ์ ฟอลล์ ให้เล่นอีกอย่างน้อย 4 รายการ

สรุปผลแบล็ก เดสเสิร์ต แชมเปียนชิพ (สนามพาร์ 71)
261 แมตต์ แม็คคาร์ที (สหรัฐฯ) 62-68-64-67
264 สเตฟาน เยเกอร์ (เยอรมนี) 65-63-68-68
265 ลูคัส โกลเวอร์ (สหรัฐฯ) 69-66-68-62
265 เควิน สตรีลแมน (สหรัฐฯ) 64-69-63-69
266 แมตต์ ชมิด (เยอรมนี) 70-67-67-62
267 แฮร์ริส อิงลิช (สหรัฐฯ) 66-64-66-71
267 โจ ไฮสมิธ (สหรัฐฯ) 66-68-62-71