For Golf Trust

แลกเปลี่ยนเส้นทางเดินของนักกอล์ฟอาชีพสตรี

แลกเปลี่ยนเส้นทางเดินของนักกอล์ฟอาชีพสตรี

ขอออกตัวก่อนว่า ผมเพิ่งเข้ามาสู่เส้นทางเดินของนักกอล์ฟอาชีพสตรี ยังไม่ได้เก่งกาจ หรือมีความชำนาญอะไรมากมาย

เรียนรู้จากการสังเกตุ สอบถาม อ่าน จากผู้ที่มีประสบการณ์ที่เป็นนักกีฬาโดยตรง จากผู้ปกครอง จากแคดดี้อาชีพ และเข้าไปศึกษาจากในเวบไซด์ของแต่ละทัวร์

แต่ก็เอาสิ่งที่รู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ยังมีสิ่งไม่รู้อีกมาก และบางอย่างอาจจะผิดก็ได้ และถ้ารู้ว่าผิดจะมาแก้ไขให้

ขอโฟกัสไปที่นักกีฬาผู้หญิงอย่างเดียวนะครับ นักกีฬาผู้ชายคนละเงื่อนไข คนละอย่าง สำหรับผมแล้วทำยากมาก

เริ่มต้นจากที่ผมมีนักกีฬาที่พร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน ตัดสินใจสู่อาชีพการเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นคือ 15 ซึ่งเป็นกฎของประเทศไทย ซึ่งผมคิดว่าเป็นผลดีมาก

นักกีฬาที่ว่าพร้อมนี้ คือ พร้อมที่จะพัฒนา มีวินัย เอาจริงเอาจัง ผู้ปกครองเห็นชอบด้วย ไม่มียึกยัก สองจิตสองใจ

ส่วนความพร้อมเรื่องทุนทรัพย์ซึ่งถือว่าสำคัญ ผมเองไม่ได้มีทุนทรัพย์มาก มีแต่ความมั่นใจว่าเราจะหาได้ พึ่งพาตัวเองได้ แรกๆ ก็ขอสนับสนุนจากหลายๆคน เพื่อให้ได้โอกาส โดยไม่เสียดาย แล้วก็สะสมไว้เพื่อปีต่อๆไป ซึ่งมันก็มาตามแผน

ส่วนเรื่องการศึกษา สำหรับผมแล้ว บอกได้เลยว่าเป็นคนมีแนวคิดรุ่นใหม่มากๆ

สรุปออกมาได้ว่า การศึกษาพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการอ่านออกเขียนได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาที่สอง นั่นคือ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเรียนแค่มัธยมต้นก็พอ ส่วนมัธยมปลายเป็นการเรียนเพื่อเตรียมเลือกอาชีพ และการเรียนมหาวิทยาลัยคือการเรียนเพื่ออาชีพ หมายถึงว่า จบแล้วจะไปทำอาชีพที่เกี่ยวกับการเรียน

นั่นคือจะต้องได้ใบปริญญาเพื่อเอาไปสมัครงาน แล้วก็ทำงานแลกกับการตอบแทนเป็นเงินเดือนเอาไปเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว

ผมจึงไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากว่า เรียนให้จบปริญญา แต่ไปทำอาชีพที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียน

เหมือนกับคนที่เสียเวลาไปเรียนปริญญาตรีสาขาอะไรก็ไม่รู้ แต่พอจบกลับมาเล่นกอล์ฟอาชีพ ซึ่งตอนนั้นก็อายุปาเข้าไป 22,23

เล่นต่อไปได้ไม่กี่ปีก็ 30 ก็ต้องมีครอบครัว สมรรถภาพก็ลดน้อยถอยลง

ดังนั้น นักกีฬาที่ผมทุ่มเทให้ คือจบแค่ ม.3 อายุ 15 พอดี ไปลงสมัครเรียน กศน. 2 ปีจบได้วุฒิ ม.6 เอาไว้เผื่อนึกอยากจะเรียนอะไรก็เอาไปสมัครเรียน และที่ผมบอกว่าประเทศไทยเราดีที่ให้เทิร์นโปรอายุ 15 แนวคิดผมว่าเล่นสมัครเล่นก็เสียเงิน หวังเอาแค่โพรฟายไปสมัครเรียนต่อ เราไม่สนใจเรียนต่อแล้วจะไปเล่นทำไม เล่นอาชีพก็เสียเงิน แต่ได้เล่นกับพวกคนเก่งๆ ที่เป็นโปร เก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไปพัฒนาต่ออย่างเต็มที่ เข้มข้น และก็เริ่มได้เงินบ้าง ผ่านไป 2-3 ปีก็แข็งแกร่งมากขึ้น พออายุ 18 ก็พร้อมจะโลดแล่นในทัวร์ที่มีเงินเยอะขึ้น

ในช่วง 2-3 ปี เป็นช่วงสำคัญของการพัฒนา ผมถึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปกับนักกีฬา ยอมไปเป็นแคดดี้ให้ เพื่อต้องการความใกล้ชิด ได้เห็น ได้สัมผัสสาเหตุที่แท้จริงว่านักกีฬาเราขาดอะไร ต้องเติมอะไร เดินดูอยู่ที่ทางรถกอล์ฟ หรือคอยฟังรายงาน หรือดูนานๆครั้งมันไม่สามารถรู้เห็นปัญหาที่แท้จริงได้ นั่นคือสิ่งสำคัญของการพัฒนา ซึ่งตรงนี้มันก็ยากนะที่จะมีใครยอมอุทิศตรงนี้ ถ้านักกีฬาต้องจ้างคนให้เป็นทั้งโค้ช เป็นทั้งแคดดี้ก็คงต้องใช้งบประมาณสูงมาก

แต่มีช่องทางอยู่ว่า ถ้าเป็นพ่อที่จะเดินไปกับลูกซึ่งเหมาะสม สามารถทำได้ดี ถ้ามีความรู้ มีแนวทางที่ถูกต้อง อันนี้ต้องมาเสียเงินเรียนรู้กับผมกับหลักสูตร Super Coach กับผม ยอมเสีย 1 แสน เพื่อให้ได้เงิน 100 ล้าน (ขอขายของหน่อย 555) เพราะผมจะเอาประสบการณ์ที่ผมมีประสบการณ์เรียนรู้มาสรุปให้อย่างถูกทาง ไม่ต้องไปเสียเวลาไปเรียนรู้เอง

พื้นฐานแล้วผมเป็นคนที่ชอบคุย ชอบคบกับบัณฑิต ชอบสร้างเพื่อนที่อยู่ในวงการกอล์ฟด้วยกัน ทั้งคนภายในประเทศ และต่างประเทศเมื่อมีโอกาส แล้วจะมีสักวันที่ผมจะได้พึ่งพาเขา ไม่ว่าจะเป็นทางอเมริกา ทางยุโรป ทางออสเตรเลีย และทางญี่ปุ่น

ในเรื่องของแนวทาง ความรู้ การเดินทาง การใช้ชีวิต

ยกตัวอย่างเช่น ตอนมีทัวร์นาเม้นท์ของ Trust Golf ที่เรียกว่า ThailandMixed “อาโป” เข้าไปเล่น ทำเงินรางวัลสะสมได้ระดับหนึ่ง ทำให้ได้โอกาสไปแข่งขันในทัวร์ที่มีความสัมพันธ์กัน เช่นที่อังกฤษ สก็อตแลนด์ สิงคโปร์ และออสเตรเลีย การที่มีนักกอล์ฟออสเตรเลียมาแข่ง เขามีผู้ประสานงานมาด้วย ผมก็เข้าไปสร้างความรู้จัก พาเขาไปเลี้ยงข้าวหลายๆมื้อ แล้วก็สอบถามพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับทัวร์ จนทำให้ได้แนวทางว่า ทัวร์เขาจะสั้น แต่ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เงินรางวัลไม่มาก เสียภาษีมาก แต่ก็น่าสนใจตรงที่“อาโป“ ได้ฝึกภาษา ได้ฝึกซ้อมและแข่งขันในสภาพสนามที่ยาก เรียนรู้กับสภาพอากาศที่หนาวเย็น ฝนตก และออสเตรเลียมีนักกอล์ฟไม่มาก จึงตัดสินใจไปสอบเข้าทัวร์ของเขาในต้นเดือนมกราคม และเล่นต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนเมษายน ในขณะที่ประเทศไทยไม่มีทัวร์นาเม้นท์ และมีการสอบของทัวร์จีน ไต้หวัน ที่เหลื่อมๆกัน แต่เราไม่เลือกเพราะสรุปสิ่งที่ได้น้อยกว่าไปออสเตรเลีย

สิ่งที่ได้นอกจากประสบการณ์ ได้เงิน(บ้าง) ได้เพื่อนแล้ว ได้ภาษาแล้ว ยังได้คะแนนสะสม Rolex Women World Golf Ranking ลดลงไปพอสมควร พอประเทศไทยเปิดฤดูกาลก็ยิ่งได้เพิ่มมากขึ้น

เอาประสบการณ์ที่ไปได้จากออสเตรเลีย มาทำผลงานได้ดีในประเทศไทย จนทำให้ RWWGR ลดลงไปต่ำกว่า 400

ทำให้ได้สิทธิ์เข้าสอบทัวร์ของญี่ปุ่นในสเตท2 จากที่วางแผนว่าจะไปสอบของทัวร์ญี่ปุ่นอยู่แล้วในสเตทแรก

การวางแผนไปญี่ปุ่นเพราะผมมีความพร้อมเรื่องของการรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้าง มีเพื่อนคอยช่วยเหลือ และ”อาโป“อายุครบ 17 ปี

ส่วนผลได้หรือไม่ได้ในสัปดาห์ที่เขียนอยู่นี้จะรู้ผลในปลายสัปดาห์ ถ้าผ่านก็จะไป ไฟนอลสเตรทในเดือน ตุลาคม

ถ้าได้ก็ตัดสินใจที่จะเล่นในญี่ปุ่น แต่ก็สำรองของเลดีย์ยุโรปเปียนไว้เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ผ่านของญี่ปุ่นก็จะไปทางยุโรป

แล้วจะเล่าช่วงชีวิตของการเข้ามาสอบคัดเลือกเข้าทัวร์ของญี่ปุ่นให้ละเอียดอีกครั้ง

ต่อไปมีความคืบหน้าอย่างไร จะมาเล่นต่อครับ

โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์