เฉลา พวงมาลัย
เฉลา พวงมาลัย
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบรมราชินีนาถราชวิทยาลัย ราชบุรี
ที่ปรึกษากีฬา ซอร์ฟเทนนิส เทนนิส จ.ราชบุรี
“ต้องทำชีวิตตัวเองให้อยู่รอดได้ก่อน ถึงจะสามารถไปช่วยคนอื่นได้”
ปากท่อ ป.4 : เป็นคนราชบุรีที่แท้จริง บ้านเกิดอยู่บ่อกระดาน อ.ปากท่อ แต่แทบไม่มีโอกาสทางการศึกษาเลย (หัวเราะ) จบ ป.4 ช่วยพ่อแม่ ทำไร่ทำนา ทำมาหากิน ทางบ้านไม่สนใจให้เรียนต่อ ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษามากนัก อยากให้ช่วยทำงานที่บ้าน เพราะมีที่นาที่สวนเยอะ ครอบครัวมีพี่น้องเป็นผู้ชายทั้งหมด อยากให้มาสืบทอด การทำไร่ทำสวน จะทำให้มีรายได้เข้ามาตลอด ช่วงนั้นการทำมาหากินยังสะดวก รายได้ค่อนข้างดี แต่มีผมคนเดียวที่อยากจะเรียน (หัวเราะ) ตอนนั้นมีครูใหญ่ ให้ผมไปขออนุญาตที่บ้านมาเรียนต่อ ก็ไม่สำเร็จ (หัวเราะ) ทำให้ผมเก็บความใฝ่ฝันเรื่องการศึกษาไว้ในใจมาตลอด อยากจะเรียนตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ไม่มีโอกาส
ศึกษาผู้ใหญ่ : ทำงานช่วยเหลือครอบครัวจนพ่อแม่ไว้ใจแล้วว่าเราทำงานได้ ช่วยเหลือดี พอมีเงินมีทอง วันหนึ่งมีโอกาส ก็ขออนุญาตมาเรียน เติบโตมาด้วยการเรียนศึกษาผู้ใหญ่ จนได้สอบเทียบ วุฒิ ม.3 แล้วมาเรียนต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี ผมถนัดทางด้านช่าง เคยเรียนสารพัดช่างราชบุรี พวกช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ก่อนจะมาเรียนต่อช่างอุตสาหกรรม ที่วิทยาลัยครูหมู่บ้านจอมบึง ราชบุรี (มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง) ผมเป็นคนเดียวที่ใส่กางเกงขายาว ไปสมัครสอบเข้าปี 1 (หัวเราะ) พอจบแล้วไปเป็นครูที่ ร้อยเอ็ด ก่อนจะย้ายกลับมาราชบุรี ชีวิตการเรียน การทำงาน ส่วนใหญ่อยู่ในราชบุรีตลอด มีไปอยู่ร้อยเอ็ดแค่สามปีเท่านั้น
นักดนตรีขับสองแถว : คุณยายสร้างวงดนตรีลูกทุ่งอยู่ข้างบ้าน วันหนึ่ง หัวหน้าวง ก็คือยายนี่แหล่ะ (หัวเราะ) ไม่มีคนขึ้นมาตีกลอง เรียกให้ผมไปหัด หาคนมาสอนให้จนเล่นเป็น แล้วผมก็ได้ตีกลองตั้งแต่ตอนนั้น อายุราวสิบห้า ขึ้นเล่นดนตรีออกงาน ผมเล่นได้ทั้งกลองและเบส, ช่วงมาเรียนศึกษาผู้ใหญ่ มีเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน เป็นนักร้องลูกทุ่งที่ต่อมามีชื่อเสียงระดับประเทศ เคยเป็นนักร้องรำวงมาก่อน เริ่มตั้งวงดนตรีออกทำมาหากินกัน เล่นตามงานวัด งานต่าง ๆ จนกระทั่งเพื่อนได้ไปอัดแผ่น มีผลงานเป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียง ถึงได้ไปทำวงดนตรีลูกทุ่งวงใหญ่ ช่วงนั้นผมยังเรียนอยู่ ไม่ค่อยว่าง แต่ยังไปช่วยงาน วันไหนเขาขึ้นร้อง ผมต้องไปตีกลองให้ เป็นมือกลองคู่ใจ (หัวเราะ) พอเล่นเสร็จ เขาก็นั่งรถจากกรุงเทพฯ มาส่งที่ราชบุรี รายได้จากการเล่นดนตรี นับว่าดีมาก มีทั้งจากวงลูกทุ่ง, แตรวง งานเยอะ คิวแทบไม่ว่างเลย และตอนมาเรียนศึกษาผู้ใหญ่ ผมขอเงินจากบ้านมาก้อนหนึ่งเพื่อออกรถสองแถว ซื้อคิววิ่งรถโดยสารในตัวเมืองราชบุรี เพราะขับรถโดยสารรายได้มั่นคงกว่า ขับทุกวัน มีรายได้ทุกวัน ส่วนดนตรีมีมาตามเทศกาล ทำงานส่งตัวเองเรียนมาตลอด โดยพ่อแม่ไม่ต้องส่งเงินให้อีกเลย
ร้อยเอ็ด : ช่วงเรียนจบปริญญาตรี มีโครงการ คมช. (คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) เปิดโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ มีการเรียนการสอนทางด้านช่าง ผมไปสอบเป็นครูในโครงการฯ และติดในลำดับที่ 16 ของประเทศ ต้องตัดสินใจว่าจะไปสอนที่ไหน ในใจคิดไว้ว่าอยากไปภาคอีสาน เพราะไม่เคยไป หรือไม่ก็ไปที่ เบตง ใต้สุดไปเลย (หัวเราะ) บังเอิญว่า ที่ร้อยเอ็ด ไม่มีใครเลือก แล้วผมมีเพื่อนที่ได้ทุนไปเรียนช่างอุตสาหกรรมด้วยกันที่จอมบึง บ้านเขาอยู่เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เขาเป็นครูประถม ส่วนผมเป็นครูมัธยม ทำให้ผมตัดสินใจเลือกไปสอนที่ โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม จ.ร้อยเอ็ด เพราะลงตัวที่สุด (หัวเราะ)
หลงรักอีสาน : พอไปอยู่ที่นั่นก็รู้สึกว่าสมใจ ไม่ผิดหวังที่เลือกมาอยู่ (หัวเราะ) เพราะทั้งเพื่อนและพ่อแม่ ดูแลผมเป็นอย่างดี เนื่องจากสมัยเรียนจอมบึงด้วยกัน เพื่อนเป็นนักเรียนทุน ผมก็ช่วยเหลือเต็มที่ เอาข้าว เอาผัก ไปเลี้ยงเพื่อนจากภาคอีสานทั้งหมด ข้าวกระสอบอยู่ได้ราวเดือนสองเดือน เราหุงข้าว แล้วซื้อกับข้าวมากินด้วยกัน ความผูกพันมันก็มี พอผมไปอยู่ร้อยเอ็ด แทบไม่ต้องทำอะไรเลย พ่อแม่เพื่อนรักเราเหมือนลูกอีกคน และคนที่อยู่ด้วยกัน ถึงแม้ไม่ได้เป็นเพื่อนหรือเป็นญาติกันมาก่อน ก็สนิทสนมกันง่าย มีความจริงใจต่อกัน อยู่กันแบบพี่น้อง ทำให้ผมรักอีสานมาก มีความผูกพันกับเด็ก เราเคยลำบาก ยากจน พอไปเห็นเด็กที่นั่น เรียนเก่ง เรียนดี แต่ฐานะอาจจะค่อยดีนัก แล้วเราจะทำยังไง ถึงจะพัฒนาเขาได้ การคมนาคมก็ยังลำบาก เดินทางไปแต่ละครั้งเป็นวัน ๆ กว่าจะถึง รถโดยสารก็ยังไม่ทันสมัย ไม่มีแอร์ บางครั้งเห็นคนแก่ คนท้อง เด็ก ก็ต้องยืนหลับไปเกือบตลอดคืน ชีวิตช่วงนั้นลำบาก แต่ก็สนุก (หัวเราะ) อยู่โน่น ผมพาหลาน ๆ เพื่อน มาสอบตำรวจที่นครปฐม ดูแลเลี้ยงดูหมดเลย รอบแรกติดตำรวจกัน 18 คน ปัจจุบันมีตำแหน่งหน้าที่การงานดี ๆ กันทั้งนั้น ช่วงผมไปอยู่สามปี พามาสอบก็มีติดกันทุกปี จนกระทั่งผมย้ายกลับ
ราชบุรี : อาจารย์ที่เคารพนับถือ แจ้งว่ามีตำแหน่งว่างที่ราชบุรี ให้กลับมา ใจตอนนั้นยังไม่อยากย้ายไปไหนเลย (หัวเราะ) ผมกลับมาสอนที่ โรงเรียนสวนผึ้ง ติดชายแดน ได้มีโอกาสช่วยเหลือลูกศิษย์ที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ก็มีความสุขไปอีกแบบ ประสบการณ์ที่ได้จากการไปทำงานที่อีสาน เข้มข้นมาก ทำให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เวลาย้ายกลับมาทำงาน มาสอบผู้ช่วยผู้อำนวยการ ทำงานด้านบริหาร การวางหมากเดินเกม ก็ทำได้มากขึ้น และเติบโตในหน้าที่การงานขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามลำดับ เคยทำงานอยู่แทบทุกอำเภอในจังหวัดราชบุรี (หัวเราะ) มีเพื่อนฝูงตั้งแต่ประถม มัธยม, ปริญญาตรี ปริญญาโท ผมก็จบจากราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ทำให้มีเพื่อนพ้องในจังหวัดราชบุรีเยอะมาก ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณ คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนบรมราชินีนาถราชวิทยาลัย ราชบุรี ช่วงนั้นทำงานสนุกมาก ได้เป็นประธานหลาย ๆ โครงการ ทำหน้าที่ต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ได้พบปะเจอกันหมดในกลุ่มราชบุรี ทำให้ได้รู้จักกัน มีความสนิทสนมกับพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นอย่างดี กระทั่งครบกำหนดเกษียณ จึงได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาจนครบวาระ
ดนตรี กีฬา : ผมโชคดีที่เป็นครูได้ทำงานด้านกีฬา และที่ชอบมากที่สุดอีกอย่างคือดนตรี ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน จะทำวงดนตรีลูกทุ่งตลอด เพราะพื้นฐานชอบอยู่แล้ว มีความผูกพันมาตลอด สมัยเรียนวิทยาลัยครูบ้านจอมบึง ก็เล่นให้กับสถาบัน และเคยเป็นนักดนตรีอาชีพ, การที่ผู้บริหารชอบดนตรี พอไปอยู่ที่ไหนก็สร้างสีสันให้ที่นั่น (หัวเราะ) พอเห็นนักเรียนได้ฝึกซ้อม ได้เล่นดนตรี ได้ออกงาน มีค่าตัว เราก็มีความสุข ทำให้เด็กมีความรู้ มีประสบการณ์ด้วย, ส่วนกีฬา รู้จักเทนนิสครั้งแรกที่จอมบึง ก็ยังไม่ค่อยชอบมากนัก เพราะใจมาทางดนตรี จากนั้นอีกพักใหญ่พอได้มาเล่นกีฬา ดนตรีถึงได้หายไป แล้วพอเริ่มทำงานเป็นครู เรื่องดนตรีก็กลับมาอีก (หัวเราะ) สลับไปสลับมาระหว่างสองกิจกรรมนี้ พอเริ่มมาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงเรียนบรมราชินีนาถ ผมขอผู้อำนวยการสร้างสนามเทนนิสสองคอร์ท ซึ่งก่อนหน้านั้นยังไม่มี แล้วฝึกซ้อมให้เด็ก เพื่อพัฒนาให้เป็นนักกีฬา แต่ตอนหลังพอทำงานด้านบริหารมากขึ้น ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้กับกีฬามากนัก
เพื่อส่วนรวม : มักจะให้ความช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ใครขาดเหลืออะไรขอให้บอก ช่วยเต็มที่ ทำให้ได้รับความไว้วางใจ มีความเป็นผู้นำในจังหวัดราชบุรีสูง ได้เป็นประธาน, เป็นผู้นำในกลุ่มต่าง ๆ ของจังหวัด เป็นบอร์ดในการพิจารณาโยกย้าย, เป็นหัวหน้าหมวดในกลุ่มราชบุรี และอีกหลายหลายตำแหน่ง ฯลฯ ส่วนด้านกีฬา เป็นกรรมการสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดราชบุรี ทำให้เราเหมือนเป็นนักกีฬา ช่วยดูแล จัดสนาม จัดการแข่งขัน ต้อนรับแขกที่มา ทำมานานแล้ว อยู่ในวงการฯ แม้ไม่ได้จบมาทางกีฬาโดยตรง แต่ยินดีทำให้สังคมชาวราชบุรี เพื่อพัฒนาเด็กราชบุรีให้มีความสามารถ ขณะเดียวกันก็ต้องวางตัวให้เป็นกลาง เวลามีการแข่งขัน ขาดเหลืออะไรก็คอยให้ความช่วยเหลือ จัดทีมไปเชียร์ จัดนักกีฬาไปแข่ง ทำให้บรรยากาศกีฬามีความฮึกเหิม มวลชนก็ชอบ เป็นที่รู้จัก ผู้ใหญ่ก็เห็น ผมเป็น ผอ.ที่ไหน ทั้งนักกีฬา กองเชียร์ แพ้ไม่ได้เลย (หัวเราะ) แม้ว่าจะไปอยู่โรงเรียนเล็กแค่ไหนก็ทำได้ เคยมีบางครั้ง จังหวัดไม่จัด ไม่มีใครทำ ผมก็ไปของบประมาณ บางครั้งอาศัยจากเพื่อน ๆ ที่เขาพอมีกำลัง ให้ร่วมสนับสนุน มาทำกันเอง มีน้อง ๆ มาช่วยกันเต็มที่ เราคอยดูแล ถ้างบไม่มี ก็ควักเอง (หัวเราะ) บางเดือนใช้จ่ายกับเรื่องกีฬาจนแทบไม่เหลือ แต่มีความสุข (หัวเราะ) ปัจจุบันยังเป็นที่ปรึกษากีฬา ซอร์ฟเทนนิส เทนนิส จ.ราชบุรี ดูแลเรื่องกีฬาประเภทนี้ เพื่อเฟ้นหา สนับสนุนให้มีเด็กนักกีฬาจากราชบุรี เข้าไปอยู่ในระดับชาติมากสุด พวกเราพยายามทำกันอย่างเต็มที่ เพราะเป็นที่รู้กันว่า ในวงการกีฬาบางครั้งคนเก่งอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ที่ราชบุรี เด็กเก่งต้องได้ไป, ถ้าไม่ได้ ผมไม่ยอม วอร์คเอ้าท์เลย (หัวเราะ) ว่ากันตามเนื้อผ้า
กอล์ฟ : เริ่มเล่นกอล์ฟ ตั้งแต่ปี 2535 พอดีข้าง ๆ โรงเรียนที่สอนเริ่มสร้างสนามซ้อมกอล์ฟ ผมไปหัดอยู่ราวสามเดือนแล้วลุยเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เล่นสนุก ๆ ออกกำลังกาย ช่วงนั้นผมเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการในราชบุรีที่เล่นกอล์ฟ ขณะที่ ผช.ผอ. ท่านอื่น ยังเล่นกันน้อยมาก (หัวเราะ) บางครั้งผู้หลักผู้ใหญ่มากันเยอะ ท่านไหนมาแถวนี้ ก็จะโทรหาให้ไปเล่นด้วย เป็นมือรับแขก (หัวเราะ) เราอาศัยซ้อมทุกวัน ทำให้ได้เปรียบ ถึงแม้จะเล่นในสนามที่ไม่เคยไป แต่ประสบการณ์ก็ทำให้รู้ว่าจะเล่นอย่างไร วางตำแหน่งไหน ถ้าเป็นถิ่นประจำของผมแถวราชบุรี นครปฐม ส่วนใหญ่จำเลย์เอ้าท์และทิศทางได้ ไม่กลัวใคร แต่ถ้าไปถิ่นอื่นที่ไม่คุ้นเคย ก็เหนื่อยเหมือนกัน (หัวเราะ) ช่วงแรก ๆ ได้เล่นบ่อยมาก จนเกือบจะเทิร์นโปรอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่จำต้องหยุดเล่น เพราะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ค่อนข้างใหญ่ ต้องพักยาวไปร่วมสิบปี มีอาการเจ็บหน้าอก ใช้เวลารักษาตัวเองจนสภาพร่างกายพร้อม ถึงได้กลับมาเล่นอีกครั้ง, การเล่นกีฬากอล์ฟ ใช้เวลาครึ่งวันออกไปเดิน พอได้ออกกำลังกาย ได้เหงื่อ ก็มีความสุข สมองปลอดโปร่ง พอกลับมาทำงานอะไรก็ดีไปหมด คิดอะไรก็ออก ทำได้ งานต่าง ๆ ที่ได้มาทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ก็ได้จากกีฬา และยังช่วยทำให้รู้จักความสุขุม วางตัวนิ่ง ผลการแข่งขันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ชนะก็ดีใจบ้างตามสมควร แต่ถ้าแพ้ก็ต้องรู้จักยอม ต้องกลับไปพัฒนาตัวเอง (หัวเราะ)
สุขภาพ : ทุกสองเดือนต้องไปพบแพทย์ ตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำ อาหารการกินก็ต้องระวังบ้าง ส่วนการออกกำลังกายก็นำกีฬาเข้ามาปรับให้เหมาะกับตัวเอง อย่างกอล์ฟนี่ถือว่าเหมาะมากสำหรับผม (หัวเราะ) และการทำให้ทุกคนได้รู้ถึงสมรรถนะของตัวเองสำคัญมาก ต้องการให้เป็นหลักสูตร เป็นความรู้ที่อยากให้เด็กได้เรียน ซึ่งผมก็มีส่วนเข้าไปร่วมปรับปรุง วัตถุประสงค์คือ เพื่อให้เด็กได้ทำอะไรให้เหมาะกับตัวเอง ตามศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพ
ต้องรอด : ผมยึดมั่นว่า เราต้องทำชีวิตตัวเองให้อยู่รอดได้ก่อน ถึงจะสามารถไปช่วยคนอื่นได้ เพราะถ้าเราเองยังอยู่ไม่รอด แล้วจะไปช่วยใครได้ (หัวเราะ) และทำอย่างไรจะทำให้คนอื่นรู้ว่า เรามีความจริงใจให้กับเพื่อนกับคนรอบข้าง, ผมสอนลูกศิษย์อยู่เสมอว่า สิ่งไหนที่พึ่งตัวเองได้ ให้ทำด้วยตัวเอง จะรอให้ใครมาช่วยอยู่ตลอดเวลานั้น เป็นไปไม่ได้ แล้วพวกเราต้องมีมานะด้วย ถ้าคนไหนไม่มีมานะ อย่ามาเกิดเลยชาตินี้ (หัวเราะ) ผมยังเตือนสติทุกคนว่า ปัญหาต้องแก้ได้ บางครั้ง บางเรื่อง ไม่คาดคิดว่าจะช่วยได้ แต่เราก็ทำได้ ทั้งนี้เพราะการเสียสละ ทุ่มเท อยากจะช่วยเขา เพราะการจะช่วยใครสักคน หากช่วยเองไม่ได้ หรือเกินกำลัง ก็ต้องไปหาใครที่เหนือกว่า ที่จะให้ความช่วยเหลือได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้ช่วยเหลือด้วยตัวเอง แต่การเข้าไปประสาน การไปเจรจากับผู้ที่สามารถจะให้ความช่วยเหลือได้ ก็ต้องอาศัยบารมีที่เราสะสมไว้ เพราะหากเขาไปพูดเองเพื่อให้ได้ผลสำเร็จก็คงไม่ได้ เมื่อวันนึงมานั่งคิดว่า เราเคยช่วยอะไร ช่วยใครไว้ได้บ้าง ชีวิตก็มีความสุขแล้ว เพราะเมื่อถึงเวลาแล้วก็ต้องพอ ทำไม่ไหวก็ต้องหยุด รู้จักปล่อยวาง ทำใจให้ว่าง ๆ และมีเวลาให้กับตัวเอง ได้เล่นกอล์ฟบ้าง ชีวิตก็มีความสุขแล้วครับ