ปลานรก
ปลานรก
ดูทีท่าว่าเรื่องของปลา “หมอคางดำ” จะกลายเป็นวาระแห่งชาติที่หลายคนตกตะลึงกับปลาสายพันธุ์นี้จากข่าวที่นำเสนอกันมาเมื่อไม่นานมานี่ผมว่าเจ้าปลายสายพันธุ์นี้มันจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่ว่าจะเป็น กุ้ง ปู ปลา อะไรที่มันสวาปามได้มันจัดการหมด… บางท่านอาจจะคิดว่าแล้วปูมันจะกินเข้าไปได้อย่างไรเมื่อมันมีกระดองที่แข็งขนาดนั้น เรื่องของเจ้าปลานรกนี่หากจะจัดการกับปูทะเลไม่ยากเย็นอะไร เพราะถ้าเป็นปูเล็กๆ ก็ฮุบเข้าปากสบายตัว ดำใหญ่ขึ้นมานิดก็จัดการได้ตอนที่ปูลอกคราบและป้องกันอะไรตัวเองไม่ได้มันก็จบกันเช่นนี้มันง่ายยิ่งกว่าขนมกรุบกรอบของเด็กคือไม่ต้องแกะซองก็พร้อมทาน…ความจริงถ้าภาครัฐหรือหน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการเกษตรโดยเฉพาะ “ประมงชายฝั่ง” ก็จะพบว่าปลาสายพันธุ์นี้มันมีการแพร่กระจายมาเป็นสิบปีล่วงมาแล้ว ในตอนนั้นชาวบ้านแถวสมุทรสงครามต่อกับเพชรบุรีเคยร้องเรียนไปกับประมงหลายรอบ ทั้งในพื้นที่และถึงขนาดกรมฯ แต่สุดท้ายเรื่องราวก็เงียบหาย ส่งผลให้การระบาดของปลา “หมอคางดำ” ในเขตที่ว่าเริ่มแพร่กระจายไปสู่แหล่งน้ำอื่นๆ อีกหลายจังหวัด…
แต่สิ่งหนึ่งที่ครูไก่เองอยากจะบอกก็คือ “การที่เราพบปลานรกนี่ที่บึงมักกะสันมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ผมจะบอกให้เจ้าปลานี่มันไประยองโน่นแล้วจ้า ชาวบ้านที่เขาเสี้ยงกุ้งปลาแถวนั้นเขาเจอกันมาเป็นปีแล้วกับแค่ใจกลางกรุงเทพฯ ทำเป็นตกใจกันไปได้ โดยส่วนตัวแล้วครูไก่เคยเอาปลาหมอนรกนี่มาเทียบเคียงกับปลาหมอเทศบ้านเรา จากการสังเกตมันก็มีหลายอย่างที่ดูจะคล้ายคลึงกัน พอถึงเรื่องการนำมาทำเป็นอาหารรสชาติก็ไม่ได้เรื่อง ก้างแข็ง เนื้อน้อยทำปลาแดดเดียวเมื่อทอดแล้วแยกไม่ออกว่า “ปลาหรือไม้” คือเนื้อมันแข็งจริงๆ
หากเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้จะถือว่าเป็นวาระแห่งชาติละก็คงต้องมีการสืบสาวราวเรื่องกันว่าทำไมปลานรกนี่ถึงมาอยู่ภูมิภาคนี้ได้ แต่เท่าที่พอมีข้อมูลอยู่บ้างว่ากันว่า มีเอกชนรายหนึ่งนำเอาเข้ามาทดลองอะไรสักอย่างแล้วผลออกมาไม่ได้เรื่องได้ราวเลยปล่อยลงแหล่งน้ำไปโดยหวังว่าน้ำเค็มจะจัดการกับพวกมันได้เหมือน “ปิรันย่า” แต่ที่ไหนได้เหมือนปล่อยนรกลงน้ำเพื่อให้ชาวบ้านรับกรรมกันไป…เหมือนเมื่อครั้งหนึ่งเจ้าปลา “เก็บขยะ” ก็ทำนองเดียวกัน แบบนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการกับของแปลกปลอมยังเพิกเฉยอยู่อีกลองให้คนพวกนี้มารับเคราะห์รับกรรมแบบชาวบ้านบ้างดูว่าชีวิตมันจะอยู่ได้อย่างไร
ครูไก่