ฟิคาร์ดท ชนะ โจเบิร์ก โอเพ่น แชมป์ยุโรปแรกใน 4 ปี
“ฟิคาร์ดท” ชนะโจเบิร์ก โอเพ่น
แชมป์ยุโรปรายการแรกใน 4 ปี
ดาร์เรน ฟิคาร์ดท นักกอล์ฟเจ้าถิ่นชาวแอฟริกาใต้เก็บเบอร์ดี้ที่หลุมสุดท้ายก่อนจบสกอร์รอบสุดท้าย 4 อันเดอร์พาร์ 68 รวมแล้วเฉือนชนะหนึ่งสโตรค ในศึกยูโรเปี้ยนทัวร์รายการโจเบิร์ก โอเพ่น ชิงเงินรางวัลรวม 16 ล้านแรนด์ หรือประมาณ 43 ล้านบาท ณ สนาม รอยัล โจฮานเนสเบิร์ก แอนด์ เคนซิงตัน กอล์ฟ คลับ กรุงโยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้
คณะกรรมการจัดการแข่งขันยูโรเปี้ยนทัวร์รายการโจเบิร์ก โอเพ่น ตัดสินใจลดการแข่งขันจากสโตรคเพลย์ 72 หลุม เหลือเป็นสโตรคเพลย์ 54 หลุมแทนเนื่องจากใน 3 วันแรกของการแข่งขันต้องประสบกับสภาพอากาศเลวร้ายจากพายุฝนที่รบกวนอยู่ตลอด
ชัยชนะของ ดาร์เรน ฟิคาร์ดท ที่สนามรอยัล โจฮานเนสเบิร์ก แอนด์ เคนซิงตัน กอล์ฟ คลับ ยังส่งผลให้เขาได้สิทธิเข้าไปเล่นในศึกเมเจอร์รายการบริติช โอเพ่น 2017 พร้อมกับนักกอล์ฟอีก 2 คน เนื่องจากรายการนี้ให้สิทธินักกอล์ฟที่ทำผลงานดีที่สุด 3 อันดับแรกที่ยังไม่ได้สิทธิไปร่วมเล่นเมเจอร์รายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
อีกสองคนที่ได้สิทธิเข้าไปแข่งขันเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ที่รอยัล เบิร์กเดล ด้วยก็คือ พอล วอริ่ง จากอังกฤษ และ สจ๊วต แมนลีย์ จากเวลส์ ที่จบอันดับสองร่วมกันในศึกโจเบิร์ก โอเพ่น รายการนี้
ฟิคาร์ดท ทำสกอร์สองรอบแรกเข้ามาวันละ 6 อันเดอร์พาร์ 66 ก่อนจะปิดท้ายรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสามวันคว้าแชมป์ไปครองที่สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 200 บนสนามที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำหลังจากโดนพายุฝนถล่มมาระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์
ส่วน วอริ่ง จบสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 69 ขณะที่ แมนลีย์ ตีเข้ามาอีก 5 อันเดอร์พาร์ 67 ก่อนจบอันดับสองรน่วมกันที่สกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 201 โดยทั้งคู่ยังต้องลุ้นแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์รายการแรกในชีวิตกันต่อไป
ทางด้าน ดาร์เรน ฟิคาร์ดท นั้น ชัยชนะรายการนี้นับเป็นการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์รายการที่ห้าในชีวิตของเขา ทว่าเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกของนักกอล์ฟวัย 41 ปี นับตั้งแต่ชนะ แอฟริกา โอเพ่น เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา
“นับเป็นการเล่นรอบสุดท้ายที่ไม่ง่ายเลยสำหรับผม” ฟิคาร์ดท นักกอล์ฟเจ้าถิ่นชาวแอฟริกาใต้กล่าว โดยในสัปดาห์นี้เขาตัดสินใจเปลี่ยนพัตเตอร์ และการจับกริพพัตเตอร์ใหม่หลังจากมีปัญหากับการเล่นบนกรีนมาเป็นเดือน
“ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไม่สามารถเก็บพัตต์สำคัญๆเพื่อเซฟชีวิตของผมได้เลย” ฟิคาร์ดท กล่าวหลังรับถ้วยรางวัลจากนายกเทศมนตรีเมืองโยฮันเนสเบิร์ก
“พัตเตอร์อันเก่าของผมมันคงบอบช้ำมากเพียงพอแล้วและคงต้องการพักผ่อนยาวๆ” แชมป์โจเบิร์ก โอเพ่น คนล่าสุด กล่าวติดตลก “ผมยกมันให้กับลูกชายของผมและไม่ห็นมันอีกเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น ความจริงวันนี้ผมก็พัตตืไม่ได้ดีทุกหลุม และตอนไดร์ฟก็โดนเพื่อนร่วมกํวนทั้งสองคนทิ้งตลอด แต่ผมก็ยังยืนหยัดอยู่ได้”
“การได้รับสิทธิเข้าไปแข่งขันรายการระดับเมเจอร์อย่างบริติช โอเพ่น นับเป็นโบนัสที่ยิ่งใหญ่มาก ที่สำคัญการได้ไปเล่นที่สนามอย่าง รอยัล เบิร์กเดล นั้นมันช่างสุดยอดจริงๆ” ฟิคาร์ดท กล่าว
การแข่งขันรอบสุดท้ายหลังผ่านไป 9 หลุมแรก เป็น ฌัคส์ ครุยส์วิจ์ค ที่มีสกอร์นำหน้า ฟิคาร์ดท, วอริ่ง และ แมนลีย์ อยู่ 1 สโตรค
อย่างไรก็ตาม จากการชิพและพัตต์อันยอดเยี่ยมที่หลุม 14 ส่งใฟ้ ฟิคาร์ดท เป็นฝ่ายขยับนำ 2 สโตรค แต่การได้เปรียบกลับไปเสมอกันอีกครั้งในช่วง 2 หลุมสุดท้ายของการแข่งขัน
ฟิคาร์ดท ที่เป็นผู้นำการแข่งขันทีช็อตที่หลุม 17 ไม่ดีและออกโบกี้ในที่สุด ทำให้คะแนนตกมาเท่ากับ วอริ่ง ที่ได้พาร์ที่หลุมเดียวกัน แมนลีย์ ที่จบไปก่อนและขึ้นไปนำอยู่บนคลับเฮ้าส์
ที่หลุมสุดท้ายของการแข่งขัน วอริ่ง มีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้ไลน์ยากและสุดท้ายทำได้ดีที่สุดเพียงเลียปากหลุม ขณะที่ ฟิคาร์ดท เข้าไปแทปอินเบอร์ดี้พร้อมคว้าชัยชนะ 1 สโตรคไปครองแบบไม่ยากเย็นนัก
ส่วน จอร์จ โคทซี นักกอล์ฟจากแอฟริกาใต้อีกคนที่ทำสกอร์ดีที่สุดในรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสี่วันแพ้ ฟิคาร์ดท ไป 3 สโตรค
สำหรับแชมป์เก่า เฮย์เดน พอร์ตีอุส แชมป์เก่าซึ่งเป็นอีกคนที่เป็นหนุ่มแอฟริกาใต้ จบสกอร์รอบสุดท้ายอีเวนพาร์ 72 รวมสี่วันทำไป 10 อันเดอร์พาร์ 206
สรุปผลโจเบิร์ก โอเพ่น (สนามพาร์ 72)
200 ดาร์เรน ฟิคาร์ดท (แอฟริกาใต้) 66-66-68
201 สจ๊วต แมนลีย์ (เวลส์) 67-67-67
201 พอล วอริง (อังกฤษ) 65-67-69
202 ฌัคส์ ครุยส์วิจ์ค (แอฟริกาใต้) 63-70-69
202 เจมส์ มอร์ริสัน (อังกฤษ) 68-68-66
202 แบรนดอน สโตน (แอฟริกาใต้) 70-65-67
203 จอร์จ โคทซี (แอฟริกาใต้) 66-72-65
203 คีนาน ดาวิดเซ (แอฟริกาใต้) 67-68-68
203 พอล ปีเตอร์สัน (สหรัฐฯ) 62-72-69
203 แอรอน ไร (อังกฤษ) 65-69-69
204 หลุยส์ เดอ เจเกอร์ (แอฟริกาใต้) 70-67-67
204 โรเมน แลงกาสเก (ฝรั่งเศส) 65-71-68
204 จาโก ปรินส์ลู (แอฟริกาใต้) 67-70-67
204 เซบาสเตียน โซเดอร์เบิร์ก (สวีเดน) 66-70-68