ทอดกฐินสามัคคี วัดป่าทรงธรรมบ้านถ่อน
ทอดกฐินสามัคคี
ทอดกฐินสามัคคีสืบทอดประเพณีอันดีงาม
ตามพระวินัยนิยมบรมพุทธานุญาต เพื่อสมทบทุนก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
ณ วัดป่าทรงธรรมบ้านถ่อน ตำบลบ้านถ่อน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2559 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 11
ด้วย คุณประเสริฐ-คุณลี พึ่งบุญพระ และครอบครัว ดร.ชาญวิทย์-คุณสุชาภา ผลชีวิน และครอบครัว พร้อมคณะมีศรัทธาปรารถนาที่จะทอดกฐินสามัคคีที่วัดป่าทรงธรรมบ้านถ่อน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2559 เพื่อสืบทอดประเพณีอันดีงามตามวินัยนิยมบรมพุทธานุญาตเป็นการให้ความอนุเคราะห์พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาส ได้ผลัดเปลี่ยนผ้าจีวรเก่า ซึ่งถือว่าเป็นทานที่มีอานิสงส์มาก โดยสรุป อานิสงส์จากการทำบุญทอดกฐิน ถ้าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ 1. จะได้เกิดมาในตระกูลที่ดี มีสัมมาทิฐิ มีเกียรติยศ มีชื่อเสียงที่ดีงาม 2. จะเกิดมาโดยมีร่างกายที่ได้คุณลักษณะที่งดงามสมส่วน 3. จะเกิดมามีผิวพรรณงดงาม จิตใจแจ่มใส ร่าเริงเบิกบาน 4. จะเกิดมามีทรัพย์สมบัติมาก ไม่ลำบากในการแสวงหาทรัพย์ 5. เมื่อละโลกแล้ว อย่างน้อยได้ไปบังเกิดในสวรรค์ และได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญมั่นคง
ดังนั้น ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีร่วมกัน เพื่อสั่งสมบุญบารมี และร่วมบริจาคสมทบทุนในการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุดสืบต่อไป
ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจแห่งทาน ศีล ภาวนา ที่ได้บำเพ็ญมาในอดีตชาติก็ดี และในปัจจุบันชาติก็ดี จงร่วมกันเป็นพลังบารมีแผ่ไพศาล ดลบันดาลประธานพรแด่ท่านพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญทั้งหลายให้ได้รับอิฏฐผลอันไพบูลย์ เพิ่มพูนบุญราศี มั่งมี เงินทอง อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ บริวาร สรรเสริญ และปราศจากโรคาพยาธิ มีปฏิภาณคุณสาร ธนสารสมบัติทุกประการทุกท่านเทอญ ฯ
ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวัดป่าทรงธรรม
ถ้าจะกล่าวถึงความเป็นมาของวัดก็ต้องย้อนกลับไปดูภูมิหลังของประชาชนคนบ้านถ่อนในสมัยก่อนว่า มีวิถีชีวิตเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างไร ตามประวัติแล้ว ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า คนอีสานสมัยก่อนมีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากจะมีความเคารพยำเกรงต่อพระสงฆ์อย่างยิ่ง เวลาพระสงฆ์เดินผ่านจะนั่งลงกับพื้นยกมือไหว้ท่วมหัว เวลาย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากที่ไหนก็จะอัญเชิญเอาพระพุทธรูปไปไว้บนหิ้งเพื่อกราบไว้บูชาเสมอ
มีความเชื่อเรื่องบุญ บาป นรกสวรรค์ นิพพาน มีจิตวิญญาณของความเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง
ชาวตำบลบ้านถ่อน ก็เฉกเช่นกัน คือ เมื่อ ประมาณ ๒๐๐ กว่าปีมาแล้วได้พากันอพยพย้ายถิ่นฐานมาจากอำเภอทรายมูล จังหวัดอุบลราชธานีสมัยนั้น ปัจจุบัน เป็นจังหวัดยโสธร เมื่อมีการรวมกลุ่มกันก่อตั้งหมู่บ้านขึ้นที่ใด ก็จะมีการสร้างวัดประจำหมู่บ้านขึ้นด้วยเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ และก็มักจะมีปราชญ์ชาวบ้านเป็นผู้คงแก่เรียนเป็นผู้นำในการสร้างวัดและบวชลูกหลานเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามจากรุ่นสู่รุ่นมาแต่บรรพชนที่ได้วางรากฐานหรือแบบอย่างในการปฏิบัติเอาไว้จนถึงปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ชุมชนบ้านถ่อนจึง มีวัดประจำหมู่บ้านถึง ๖ วัด มีประชากรประมาณ ๗,๐๐๐ พัน คน หรือ ๑,๐๐๐ ครัวเรือน อาชีพส่วนใหญ่ ทำการเกษตร ลักษณะนิสัย มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีความรักสามัคคีกันดี ช่วยกันอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็งและเจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ โดยเฉพาะวัดป่าทรงธรรม เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำหมู่บ้านมาตั้งแต่อดีต แม้ในยุคแรกๆจะยังไม่มั่นคงนัก เพราะการเป็นอยู่ลำบาก มีไข้ป่ามาเลเรียรบกวนบางปีก็ไม่มีพระจำพรรษา มาปักกลดกรรมฐานในฤดูแล้งพอใกล้เข้าพรรษาก็ธุดงค์ไปจำพรรษาที่สำนักอื่น
ต่อมาจึงมีหลวงปู่คำ ฐานสโม ได้นำชาวบ้านเข้ามาก่อตั้งเป็นหลักฐานมั่นคง เมื่อ ปี พ.ศ.๒๕๒๓ และได้มีการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์สามเณรและประชาชนที่มีศรัทธาต่อแนวทางปฏิบัติ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ท่านก็ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวัดขาดผู้นำทางจิตวิญญาณ คณะกรรมการและชาวบ้านจึงไปกราบอาราธนาหลวงปู่ฤทธิ์ สุทฺธจิตโต ที่ท่านไปธุดงค์แสวงหาทางลุ้นพ้นกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ตามสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ กลับมารับหน้าที่เป็นจ้าอาวาสสืบต่อมา แต่ท่านเป็นพระผู้มักน้อยสันโดษ ประกอบกับท่านมีอายุกาลพรรษามากแล้ว ท่านจึงมุ่งในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอดจนชั่วอายุไข ๑๐๓ ปี พรรษา ๕๕ ก็ถึงแก่มรณภาพละสังขารไป เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
หลังจากหลวงปู่ละสังขารไปแล้ว คณะกรรมการก็ได้ไปกราบขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณพระครูภาวนาปัญญาภรณ์เจ้าอาวาสวัดเนินพระเนาวนาราม อำเภอเมืองหนองคาย ให้ส่งพระที่มีความรู้ด้านวิปัสสนากรรมฐานให้มาดูแลวัดสืบต่อจากหลวงปู่ฤทธิ์ สุทธิตฺโต ท่านจึงได้นิมนต์ให้พระมหาสุพจน์ สุเขสิโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเนินพระเนาวนารามในขณะนั้น มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเพื่อบริหารจัดการดูแลปรับปรุงพัฒนาวัดมาโดยลำดับจวบจนปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ทางคณะสงฆ์ได้มีการเสนอชื่อวัดป่าทรงธรรมให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดหนองคาย แห่งที่ ๖ จึงได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ และก่อสร้างเสนาสนะ เพื่อรองรับผู้มาปฏิบัติธรรม และจัดกิจรรมส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในหลายด้าน เช่นกิจกรรมเข้าค่ายคุณธรรมนักเรียน เยาวชน การบวชสามเณรภาคฤดูร้อน การจัดโครงการบวชเนกขัมมะจารี เนกขัมมะจาริณี (บวชชีพราหมณ์ )ทุกปีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ควบคู่กับการพัฒนาวัดด้านถาวรวัตถุที่จำเป็นต่อการใช้สอยในการบำเพ็ญสมณะธรรมของพุทธบริษัทที่มาจากทิศทั้งสี่ และปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่น สงบ สะอาด เหมาะแก่การเจริญสมถะวิปัสสนากรรมฐาน
ทั้งนี้ ก็เพราะอาศัยแรงศรัทธาขอประชาชนทั้งในเขตและนอกเขตบริการชุมชนที่มีความเลื่อมใสศรัทธามาให้การอุปถัมภ์ปัจจัยสี่ ปัจจุบันทางวัดและคณะกรรมการ ได้เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาทำบุญรักษาศีล ปฏิบัติธรรม จึงได้มีดำริสร้างศาลาปฏิบัติธรรมขึ้น ๑ หลัง ทดแทนศาลาหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เพื่อใช้ประโยชน์ในการอบรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ขนาด ๒๒ x ๓๕.๕๐ เมตร ๒ ชั้น โดยอาศัยศรัทธาของ ครอบครัว ผลชีวิน ครอบครัว พิริยะโยธิน ได้เป็นสะพานบุญชักชวนคณะญาติธรรมผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสมาทำบุญทอดกฐินสามัคคีต่อเนื่องกัน ๓ ปี แล้ว ในปีนี้ก็ได้เชิญชวนคุณลี พึ่งบุญพระ พร้อมครอบครัว คุณสมจริง ศรีสุภาพ คุณมาโนชย์-คุณสุภาภรณ์ วัดล้อม และคณะญาติธรรมมาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน สามัคคี เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ได้เงินจำนวน ๑,๗๒๑,๗๖๙. ๗๕ บาท (หนึ่งล้านเจ็ดแสนสองหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยหกสิบเก้าบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์)
ดังนั้น ทางวัดจึงได้มีการกำหนดวันวางศิลาฤกษ์ ลงเสาเอก ศาลาปฏิบัติธรรม ในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ที่จะถึงในเร็ววันนี้ จึงขอเชิญชวนพุทธชนผู้ใจบุญทุกท่านไปร่วมเป็นเจ้าภาพสนับสนุนส่งเสริมการ
ก่อสร้าง เพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ นับเป็นการช่วยกันสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญมั่นคงสืบไป
พระครูปริยัติธรรมาภิรม
เจ้าอาวาสวัดป่าทรงธรรม