Special Report

พีจีเอทัวร์ กับตัวเลขสถิติในเดือนพฤศจิกายน

พีจีเอทัวร์ กับตัวเลขสถิติในเดือนพฤศจิกายน
“โทนี ฟิเนา” แรงต่อเนื่อง, “อดัม สเวนส์สัน” โปรกอล์ฟแคนาดาประเดิมแชมป์แรก

ปีนี้นับเป็นปีทองของ โทนี ฟิเนา ในเวทีพีจีเอทัวร์ หลังจากทำผลงานคว้าแชมป์ต่อเนื่อง ล่าสุดชนะเลิศในรายการคาเดนซ์ แบงก์ ฮุสตั้น โอเพ่น โดยทำสกอร์ทิ้งห่างคู่แข่ง 4 สโตรก ชัยชนะดังกล่าวถือเป็นโทรฟี่แชมป์พีจีเอทัวร์ใบที่ 3 ของฟิเนาในการออกสตาร์ท 30 รายการหลังสุด ขณะที่ก่อนหน้านั้น โปรกอล์ฟจากรัฐยูทาห์ได้แชมป์เพียงครั้งเดียวในการลงเล่น 185 รายการแรก

ฟิเนา เผยหลังคว้าแชมป์ว่า “นี่เป็นช่วงเวลาที่เกมการเล่นโดยรวมของผมเข้าที่เข้าทางมากที่สุด แต่อยากจะบอกว่าผมก็เล่นได้ดีมาสักพักแล้ว แม้ไม่มีแชมป์ให้เห็นมากนัก แต่ผมก็สามารถผสมผสานเกมการเล่นได้อย่างลงตัวและนั่นคือสิ่งที่ต้องทำเมื่อลงสนามแข่งขัน”

โปรกอล์ฟชาวอเมริกันกล่าวเสริมอีกว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักกอล์ฟที่แข็งแกร่งมานาน แต่ที่สร้างความตื่นเต้นสำหรับผมคือการที่ผมทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ผมบอกกับตัวเองคือต้องพยายามและพัฒนาเกมการเล่นในจุดที่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น และจำไว้ว่าทำไมจึงมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้ไปไกลเกินจากดีเอ็นเอ เกมการเล่นของตัวเอง และการมองเกม ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าพึงพอใจก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการมองเกมในปัจจุบันของผมและสามารถตีช็อตเจ๋งๆ ได้”

สำหรับ ดีเอ็นเอ เกมกอล์ฟของฟิเนา สามารถบ่งบอกได้ง่าย นั่นคือ เกมการพัตต์ และการไดร์ฟ

ในการแข่งขันรายการฮุสตัน โอเพ่น ฟิเนา มีเปอร์เซนต์ความแม่นยำในการไดรฟ์อยู่ที่ 75 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 จากชัยชนะ 5 ครั้งในพีจีเอทัวร์ ที่น่าประหลาดใจก็คือ ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นเปอร์เซนต์ที่ต่ำที่สุดในการคว้าแชมป์สี่รายการหลังสุดของเขา โดยในรายการ 3เอ็ม โอเพ่น เมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ อยู่ที่ 76.8 เปอร์เซนต์ และ 78.6 เปอร์เซนต์ตอนได้แชมป์เฟดเอ็กซ์คัพ เซนต์จู้ด แชมเปี้ยนชิพ 2021 และสถิติที่ดีที่สุดคือ 82.1 เปอร์เซนต์ ในรายการร็อคเก็ต มอร์ตเกจ คลาสสิค ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาสัปดาห์ถัดจากรายการ 3 เอ็ม โอเพ่น

อย่างไรก็ตาม ฟิเนา กล่าวถึงฟอร์มการไดร์ฟในการแข่งขันที่ฮุสตั้น โอเพ่น ว่า “น่าจะเป็นสัปดาห์ที่ผมไดร์ฟดีที่สุดในอาชีพ ตามความรู้สึกของผม เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมตีอยู่ในแฟร์เวย์ 13 หลุม เป็นสถิติ 100 เปอร์เซนต์ตามเรคกูเรชัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำได้มาก่อน และผมก็รู้สึกว่าเป็นสัปดาห์ที่ผมพัตต์ได้ดีที่สุดเช่นกัน ดังนั้นเมื่อรวมสองอย่างเข้าด้วยกัน ก็สามารถคว้าแชมป์ไปครองในแบบที่ผมทำได้ ชัยชนะครั้งนี้สร้างขวัญและกำลังใจที่ดีสำหรับผมในการก้าวต่อไปตลอดการแข่งขันทั้งฤดูกาล”

แม้ว่าในทางเทคนิคอาจไม่ใช่สัปดาห์ที่ดีที่สุดของฟิเนา สำหรับการไดร์ฟเมื่อเทียบตัวเลขเปอร์เซนต์ความแม่นยำกับการคว้าแชมป์รายการอื่น แต่การเล่นบนกรีนทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมี Strokes Gained Putting per Round อยู่ที่ +1.98 ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดต่อรอบในการแข่งขันในเวทีพีจีเอทัวร์ของฟิเนา

การเกิดขึ้นของทั้งสองอย่างพร้อมกันค่อนข้างยาก พิจารณาได้จากข้อมูลดังต่อไปนี้ : ในการแข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 639 รายการ นับตั้งแต่รายการเดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ 2008 มีเพียงครั้งเดียวจากการแข่งขัน 603 รายการแรก ที่แชมป์เป็นผู้นำตัวเลขสถิติทั้ง Driving Accuracy และ Greens in Regulation นั่นคือ ดี.เอ.พอยต์ เมื่อครั้งคว้าแชมป์เปอร์โตริโก โอเพ่น 2017

อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขัน 36 รายการหลังสุด มีนักกอล์ฟสองคนทำได้ นั่นคือ ฟิเนา ในรายการฮุสตัน โอเพ่น และเซ็ปป์ สตราก้า ในรายการฮอนด้า คลาสสิค

“เป็นสัปดาห์ที่พิเศษ ผมคว้าแชมป์โดยออกนำตั้งแต่ต้นจนจบ ผมไม่แน่ใจเคยทำได้แบบนี้มาก่อนหรือเปล่า บางทีอาจเป็นการแข่งขันที่ร็อคเก็ต มอร์จเกต แต่การที่ผมสามารถลงเล่นได้ดีตลอดสี่วันติดต่อกัน บ่งบอกทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่านี่คือผลตอบแทนจากการซ้อมหนัก ซึ่งผมมีความสุขมาก” ฟิเนา กล่าวทิ้งท้าย

“อดัม สเวนส์สัน” ประกาศศักดาคว้าแชมป์แรก

ในขณะที่การคว้าแชมป์กลายเป็นเรื่องประจำสำหรับฟิเนา แต่ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับโปรกอล์ฟจากแคนาดาอย่าง อดัม สเวนส์สัน ที่คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์แรกในอาชีพในศึก อาร์เอสเอ็ม คลาสสิค รายการสุดท้ายในฤดูกาลนี้ของเฟดเอ็กซ์คัพทัวร์

โปรกอล์ฟวัย 28 ปี ซึ่งได้สิทธิ์ลุยศึกพีจีเอทัวร์ หลังคว้าแชมป์ 2 รายการในคอร์น เฟอร์รี่ ทัวร์ ปี 2021 ทำสกอร์รอบสุดท้าย 6 อันเดอร์พาร์ 64 โดยไม่เสียโบกี้ เอาชนะซาฮิธ ธีกาลา, ไบรอัน เฮอร์มัน และคัลลัม ทาร์เรน 2 สโตรก ทำให้สเวนส์สันกลายเป็นนักกอล์ฟจากแคนาดาคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ ฤดูกาลนี้ต่อจาก แม็คเคนซี ฮิวจ์ส ที่ได้แชมป์ แซนเดอร์สสัน ฟาร์มส แชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

แต่การคว้าแชมป์ไม่ได้มาแบบง่ายๆ หลังจากสเวนส์สัน ประเดิมรอบแรกด้วยสกอร์ 1 โอเวอร์พาร์ 73 รั้งอันดับ 108 ร่วมเมื่อจบ 18 หลุม เป็นสถิติการออกสตาร์ทที่แย่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของแชมป์พีจีเอทัวร์ นับตั้งแต่ปี 1983 โดยก่อนหน้านี้มีนักกอล์ฟเพียง 4 คนที่ออกตัวได้แย่กว่า ได้แก่ เลนนี่ วัดกินส์ (1987 โดรัล, อันดับ110 ร่วม), มาร์ก คัลคาวิเคีย (2007 วัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ, อันดับ T112), เจสัน เดย์ (2018 ฟาร์เมอร์ส อินชัวแรนซ์ โอเพ่น, อันดับ 113 ร่วม) และ เอียน โพลเตอร์ (2018 ฮุสตัน โอเพ่น , อันดับ 123 ร่วม)

ทว่า สเวนส์สัน มาฮึดเร่งเครื่องทำเพิ่ม 19 อันเดอร์พาร์ ในการแข่งขัน 54 หลุมต่อมา ก่อนคว้าแชมป์ไปครอง ซึ่งเป็นสกอร์รวมต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ของแชมป์ที่ออกสตาร์ตรอบแรกด้วยผลงานโอเวอร์พาร์ นับตั้งแต่ปี 1983 โดยในรอบสุดท้ายมี Strokes Gained Putting เท่ากับ +4.24 ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในอาชีพของเจ้าตัวและดีที่สุดอันดับ 3 ในรอบสุดท้ายของแชมป์พีจีเอทัวร์ในช่วง 4 ปีหลังสุด

โปรกอล์ฟหนุ่มจากแคนาดา กล่าวหลังคว้าแชมป์ว่า “น่าผิดหวังมากกับการแข่งขันรอบแรกในวันพฤหัสบดี และไม่ได้อะไรเลย เข้าสู่วันศุกร์ผมเร่งเครื่องเต็มที่ จนแทบไม่รู้ด้วยซ้ำกว่าตัวเองพัตต์ได้เยี่ยม และตีได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน แค่พยายามตีให้อยู่ในแฟร์เวย์ ตีให้ออน และทำให้ได้แบบนั้นตลอดจนวันสุดท้าย”