พีจีเอทัวร์ ประกาศ ผู้เล่นชั้นนำให้คำมั่นร่วมแข่งขัน
พีจีเอทัวร์ ประกาศ ผู้เล่นชั้นนำให้คำมั่นร่วมแข่งขัน
พีจีเอ ทัวร์ ในฐานะที่เป็นทัวร์กอล์ฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับนักกอล์ฟ แฟนกอล์ฟผู้สนับสนุน และสื่อพันธมิตรได้ดียิ่งขึ้น ล่าสุด มร. เจย์ โมนาฮาน ประธานบริหาร พีจีเอ ทัวร์ ออกมาประกาศในรายการ ทัวร์ แชมเปียนชิพ เมื่อวันพุธ ถึงรายการแข่งขันที่มีปรับเพิ่มเติมครอบคลุมประเด็นหลัก 4 รายการ ซึ่งต่อยอดจากการเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพื่อนำนักกอล์ฟระดับแนวหน้าของทัวร์ให้ได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันได้มากขึ้น โดยมีการประกาศรายการแข่งขันที่ถูกยกระดับขึ้นมาหลายรายการในปี 2023 และคำมั่นสัญญากับโปรกอล์ฟระดับแนวหน้าในการเข้าแข่งขันรายการของพีจีเอ ทัวร์ อย่างน้อย 20 รายการต่อปี ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของโครงการ เพลเยอร์ อิมแพค โปรแกรม และการรับประกันรายได้ขั้นต่ำของลีกสำหรับสมาชิกพีจีเอทัวร์ เต็มรูปแบบ
การเพิ่มรายการแข่งขันอีก 4 รายการทำให้มีรายการแข่งขันทั้งหมด 12 รายการสำหรับฤดูกาลหน้า ผู้เล่นชั้นนำได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างไม่เคยมีมาก่อนว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันทั้ง 12 รายการนี้ นอกเหนือจาก 4 รายการเมเจอร์ รวมถึงรายการ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิพ และเข้าร่วมรายการแข่งขันของ พีจีเอ ทัวร์ เพิ่ม
โมนาฮาน กล่าวต่ออีกว่า “ผู้เล่นชั้นนำของเราอยู่เบื้องหลังทัวร์อย่างเหนียวแน่น ช่วยให้เราจัดรายการแข่งขันที่ไม่เหมือนใครให้กับแฟน ๆ ของเรา ซึ่งรับประกันได้ว่าจะได้เห็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดแข่งขันกันใน 20 รายการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาล”
รายการแข่งขันที่เพิ่มเข้ามาได้แก่ Sentry Tournament of Champions, รายการ The Genesis Invitational, รายการ Arnold Palmer Invitational presented by Mastercard, รายการ Memorial Tournament presented by Workday, รายการ World Golf Championships-Dell Technologies Match Play และรายการ FedExCup Playoffs จำนวน 3 รายการ (FedEx St. Jude Championship, BMW Championship และ TOUR Championship) โดยจะประกาศให้ทราบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าและมีเงินรางวัลรวมอย่างน้อย 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีการประกาศโปรแกรม Player Impact Program และการแนะนำโปรแกรม Earnings Assurance โดยโปรแกรม Player Impact มีผลบังคับใช้ในปีนี้ จะเพิ่มเงินรางวัลเป็นสองเท่าจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับผู้เล่น 20 คนที่โดนใจแฟนๆ และสื่อมวลชนมากที่สุด ระบบใหม่นี้จะถูกนำไปใช้เพื่อวัดระดับการรับรู้ได้ดีขึ้นจากทั้งแฟนกอล์ฟทั่วไปและแฟนตัวยง
ส่วนโปรแกรม Earnings Assurance เข้ามาแทนที่โปรแกรม Play15 เดิมที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ นักกอล์ฟที่เล่นใน Korn Ferry Tour ทุกคน จากการจัดอันดับลำดับแรงกิ้งที่เข้าแข่งขันอย่างน้อย 15 รายการจะได้รับรายได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งจะเป็นการเติมเต็มช่องว่างสำหรับผู้เล่นที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าว โปรแกรมค่าตอบแทนการเดินทางจะดำเนินการสำหรับนักกอล์ฟที่ไม่ได้รับการยกเว้น (สำหรับผู้เล่นในอับดับ 126-150 และต่ำกว่า) ผู้เล่นเหล่านี้จะได้รับเงินจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางและการแข่งขันเมื่อพวกเขาไม่ผ่านการตัดตัว ซึ่งค่าตอบแทนเหล่านี้จะไม่กระทบกับเงินรางวัลของการแข่งขัน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ยังรวมถึงสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับรอบคัดเลือกรายการ TOUR Championship และ Sentry Tournament of Champions เริ่มต้นในปีนี้ โดยรอบคัดเลือกสำหรับ TOUR Championship จะได้รับการยกเว้นสองปีและรอบคัดเลือกรายการ Sentry Tournament of Champions ในปีถัดไป
ทั้งนี้ Sentry ยังจะให้คะแนน FedExCup จำนวน 550 คะแนนให้กับผู้ชนะ และได้ร่วมแข่งขันที่ผู้เล่นรับเชิญในรายการ Genesis Invitational, Arnold Palmer Invitational presented by Mastercard และ Memorial Tournament presented by Workday และ World Golf Championships-Dell Technologies Match Play ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นจะได้รับสมาชิกภาพตลอดชีพทันทีเมื่อชนะ 20 รายการ (ทดแทนข้อกำหนดเดิมสำหรับการเป็นสมาชิก 15 ปี)
“วันนี้นับเป็นจุดสูงสุดของความร่วมมือที่แข็งแกร่งขึ้นระหว่างพีจีเอทัวร์กับผู้เล่นของเราแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกเราเป็นใครและมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมอย่างไร” โมนาฮาน กล่าว ทิ้งท้าย
สำหรับรายละเอียดของการประกาศเมื่อวันพุธดังนี้:
1. ผู้เล่นชั้นนำจะต้องตกลงเข้าร่วมการแข่งขันของ พีจีเอ ทัวร์ อย่างน้อย 20 รายการ (หากพวกเขาผ่านรอบคัดเลือก) ซึ่งรวมถึง
A รายการชั้นนำ 12 รายการ
1. FedExCup Playoffs
a. FedEx St. Jude Championship – เงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
b. BMW Championship – เงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
c. TOUR Championship/FedExCup Bonus Pool – เงินรางวัล 75 ล้านเหรียญสหรัฐ
2.The Genesis Invitational – เงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
3.Arnold Palmer Invitational นำเสนอโดย Mastercard – เงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
4. The Memorial Tournament presented by Workday – เงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
5. WGC-Dell Match Play Championship – เงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
6. Sentry Tournament of Champions – เงินรางวัล 15 ล้านเหรียญสหรัฐ
7.จะมีการประกาศรายการแข่งขันเพิ่มเติม 4 รายงาน – โดยเงินรางวัลเฉลี่ย 20 ล้านเหรียญสหรัฐต่อรายการ
B. THE PLAYERS Championship – เงินรางวัล 25 ล้านเหรียญสหรัฐ
C. The Masters Tournament, PGA Championship, US Open, The Open Championship
D. รายการแข่งขันของ FedExCup 3 รายการเพิ่มเติม (ตามที่ผู้เล่นเลือก)
2 สำหรับฤดูกาล 2022-23 “ผู้เล่นชั้นนำ” ประกอบด้วย:
A. ผู้เล่นที่เข้ารอบ 20 อันดับแรกภายใต้โปรแกรม Player Impact Program ในปัจจุบันและผู้เล่นที่เข้ารอบ 20 อันดับแรกภายใต้เกณฑ์ PIP ที่แก้ไขใหม่
3. ส่วนขยายของโปรแกรม Player Impact คือ
A การให้รางวัลผู้เล่นทั้งหมด 20 คน (เพิ่มขึ้นจากเดิม 10 คน) ในปี 2022 และ 2023
B โบนัสรวม 100 ล้านดอลลาร์ (ประกาศก่อนหน้านี้เพียง 50 ล้านดอลลาร์) ในปี 2022 และ 2023
C สำหรับปี 2022 ผู้เล่นคนใดก็ตามที่อยู่ในรายการเกณฑ์ที่แก้ไขซึ่งไม่อยู่ในรายการเกณฑ์ปัจจุบัน จะได้รับค่าตอบแทนเท่ากับอันดับที่ 20 (ส่วนใหญ่มีผู้เล่นสองหรือสามคนที่จะได้สิทธิ์นี้)
D ผู้เล่นจะได้รับโบนัส PIP เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลหลังจากเข้าร่วมการแข่งขัน 12 รายการและรายการแข่งขันที่ตนเองเลือกอีก 3 รายการตามที่อธิบายไว้ข้างต้น
4. เปิดตัวโครงการประกันรายได้ (Earnings Assurance Program)
A สำหรับสมาชิกที่ได้รับการยกเว้น (สำหรับอันดับ Korn Ferry Tour และที่สูงกว่า)
B รับประกันรายได้ขั้นต่ำในลีก 500,000 ต่อผู้เล่น (ทัวร์ให้เงินกับช่องว่างในรายได้)
C มือใหม่และสมาชิกที่กลับมาใหม่จะได้รับเงินล่วงหน้า
D ต้องเข้าร่วมการแข่งขัน 15 รายการ
E. การแทนที่โปรแกรม “Play15”
5. โปรแกรมค่าเดินทาง
A สำหรับสมาชิกที่ไม่ได้รับการยกเว้น (อันดับ 126-150 และต่ำกว่า)
B รับเงิน 5,000 เหรียญสหรัฐสำหรับทุกการพลาดการตัดตัว
C การอุดหนุนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางและค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องในการการแข่งขัน
D เงินส่วนนี้จะไม่กระทบกับจำนวนเงินรางวัลในทัวร์นาเมนต์