เขียน..เมื่อมีลมหายใจ

ท่า..หายโศก

เขียน..เมื่อมีลมหายใจ
ตอนที่ 6 ท่า..หายโศก

เมื่อกว่า 10 ปี ก่อนจะมาทำหน้าที่ที่หนองคาย ท่าหายโศกชื่อนี้ ..ฉันไม่เคยคุ้นเคยไม่เคยรู้จัก แต่ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวโยงบุญกรรมที่ร่วมทำกันมาไม่รู้แต่ชาติปางไหนนำพาฉันให้ต้องมาทำหน้าที่ที่หนองคายจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่เคยเขียนเล่าไว้บ้างก่อนหน้าแล้ว ฉันรู้สึกอยากลงรายละเอียดให้ลึกลงไปอีกกับการเริ่มต้น…จากบ้าน “ผลชีวิน” เวลาประมาณ 7 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับแม่ของฉันที่ต้องใส่บาตรในทุกๆ เช้า โดยมีพระสงฆ์ท่านเมตตามารับอาหารคาวหวานถึงในบ้าน ด้วยแม่ฉันที่ยืนนานๆ ไม่ค่อยจะไหว ด้วยเข้าสู่วัยชราในเวลานั้น ล้อรถฉันเคลื่อนที่มายังตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา-ชายหาดทะเลพัทยา พร้อมบายศรีเชิญจากหนองคาย…จนถึงหนองคาย ท่าหายโศก ในเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษๆ กระทงใส่เครื่องบวชนาค กระทงอาหารคาวหวานโบราณและบายศรีเชิญ ฉันทำหน้าที่อัญเชิญมาตั้งเรียงรายริมแม่น้ำโขง โดยมีน้องสาวอีกคนที่เป็นคนท้องถิ่นมาคอยช่วยทำหน้าที่ในหลายๆ เรื่องราวรวมถึงเรื่องบายศรีตั้งแต่แรกเริ่ม เราทั้ง 3 คนต่างได้ให้สัญญาต่อกันว่า จะรวมพลังกันทำหน้าที่ให้เหมือนดั่งเปียสามสายที่มัดกันแน่นจนกว่าจะทำหน้าที่ทุกอย่างสำเร็จ แต่ทว่า..ยังไม่ทันสัมฤทธิ์ผล ก็มีเหตุแห่งบุญทำกรรมแต่งให้ต้องหลุดจากกันไปหนึ่งสาย เหลือเพียงสายเปียของฉันกับน้องสาวแท้ๆ เพียงสองสายเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเกลียวสวย เพื่อทำหน้าที่กันต่อแบบไม่ย่อท้อ

วันนั้นคือวันแรกที่ไปหนองคายและสัมผัสกับแม่น้ำโขง ฉันทำหน้าที่อย่างมั่นใจ ว่าครูบาอาจารย์ของฉันคุ้มครองฉันและน้องๆ อยู่ ฉันเริ่มจุดเทียน ธูป ดอกไม้พร้อมสรรพ แล้วเริ่มสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งในประเทศไทยและในสากลโลก…อิติสุคโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง ท่องเนิ่นนาน…เสียงบทสวดมนต์น่าจะดังข้ามโขงฝั่งกระโน้น เมื่อได้เวลา…น้องชายเดินนำหน้าเพื่อส่องแสงสว่างนำทาง…ฉันอัญเชิญบายศรีเชิญเดินนำหน้าน้องสาวทั้งสองคนที่ถือกระทงบวชนาคและกระทงอาหารคาวหวานโบราณตามมาติดๆ มีขั้นบันไดดินเก่าๆ ซึ่งน่าจะทำไว้นานแล้วให้พอเดินลงได้จนถึงแพ..ฉันเดินข้ามแพมาจนถึงเรือลำหนึ่งที่ลอยลำจอดนิ่งไว้  ข้างเรือเขียนว่า เรือแม่สองนาง (ซึ่งเป็นตำนานเล่าขานว่านางทั้งสองพี่น้องหายไปในแม่น้ำโขงแล้วไม่กลับมาอีกเลย  ฉันมาทราบเรื่องราวหลังจากนั้น)  ฉันเดินนำหน้าเพื่อจะขึ้นทางหัวเรือแต่ต้องหยุดชะงัก…เหมือนมีใครมาดึงขาเอาไว้…แล้วได้ยินคล้ายเสียงกระซิบว่า…ให้ขึ้นกลางเรือ ตอนนั้นฉันมิได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย…หันบอกน้องๆ ให้มาขึ้นกลางเรือแล้วตามฉันมา เวลานั้นพื้นน้ำในลำน้ำโขงเรียบนิ่งสงบ มีแค่เสียงลมพัดอ่อนแผ่วเบา ฉันบอกน้องๆ ให้ตั้งจิตอธิษฐาน ขอเป็นผู้นำส่งบุญให้กับสรรพชีวิตในลำน้ำโขงแล้วฉันก็ค่อยๆ บรรจงนำบายศรีเชิญลงบนแม่น้ำโขง กระทงเครื่องบวชนาค และกระทงอาหารคาวหวานโบราณตามลำดับ กรวดน้ำทะเลตามที่เคยเขียนเล่าไว้เมื่อครั้งก่อนแล้ว ทันทีที่บายศรีเชิญแตะผืนผิวน้ำ น้ำในแม่น้ำโขงผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นเกร็ดเพ็ชรเกร็ดพลอยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สวยงามดังภาพที่พึ่งค้นเจอเพิ่ม และนำมาให้กัลยาณมิตรสายธรรมของฉันได้ชมกัน  ณ โอกาสนี้ 

ฉันกับน้องสาว ขับรถกลับ กทม. โดยมีเงาลางๆ นำหน้ารถมาตลอดทั้งคืนเหมือนคอยคุ้มครอง ฉันเป็นคนขับรถ มารู้สึกง่วงช่วงเขาใหญ่จึงเปลี่ยนมือให้น้องขับแทน งีบไปพักใหญ่เห็นแม่กำลังใส่บาตรด้วยใส่ผ้าถุงลายไทย รถจอดหน้าบ้าน ผลชีวิน ในเวลา 7 โมงเช้าเป๊ะ แม่ฉันกำลังใส่บาตรพระและสวมใส่ผ้าถุงลายไทยที่ฉันเห็น ฉันถึงทันเวลาพระให้พรและได้กรวดน้ำพร้อมๆ กับแม่ฉัน ใช้เวลาในการเดินทาง ครั้งแรกนี้ 1วัน 1 คืนเต็มๆ ฉันและน้องพักผ่อนจนรุ่งเช้าของวันใหม่ ฉันไปอัดภาพเพื่อเตรียมมุ่งตรงหัวหินในเวลาต่อมา เพื่อกราบหลวงพ่อปรีชา เจ้าอาวาสวัดเขาอิติสุคโตในเวลานั้น… หลวงพ่อพิจารณาภาพถ่ายที่เรานำมาด้วยแล้วท่านก็กำหนดทันที…บายศรีนี้เรียก บายศรีเชิญ (ซึ่งฉันไม่เคยทราบมาก่อน) ท่านชี้ไปที่ภาพตรงนี้เป็นปากถ้ำ (ท่าหายโศก) ถ้ำนี้ทะลุไปถึงฝั่งลาว แล้วท่านก็หันไปทางน้องสาวคนหนองคายที่ตามมาสมทบอีก เอ้า…เขาก็มากับมึงด้วยนะ…ฉันได้แต่มองตากันปริบๆ เพราะไม่เห็นอะไรเลย…ในเวลานั้น แล้วเราทั้งสามก็กราบลาหลวงพ่อกลับ กทม. …มาชัดเจนและย้ำกับฉันในเวลานี้ เขาของเธอเองนี่นา ที่มากับน้องคนหนองคาย…ฟังเพลงของฉันบ้างนะ

…สายนทีรินหลั่งจากฟ้า แบ่งพสุธา เป็นซ้ายและขวาสองฝั่ง หากน้ำกั้นขวางก็ไม่สำคัญ แต่ความสัมพันธ์ ของเรามั่นคงเรื่อยไป ขวางไกลกันคนละฝั่งของ ต่างหมายปรองดอง มุ่งหวังทั้งสองจนได้ ด้วยความใฝ่ฝันมั่นสุดหัวใจ ปักฝังทรวงใน เหมือนใจเดียวกัน ทั้งสองฝั่ง กั้นกลางด้วยสายนที แต่ประเพณีนั้นบ่ต่างกัน ชาติลาวและไทย ก่อนนั้นเคยได้สัมพันธ์ ร่วมสายโลหิตเดียวกัน

เพียงน้ำเท่านั้นมากั้นแบ่งกลาง ขอฟ้าดินช่วยเป็นสักขี โปรดคิดปราณี จงอย่าได้มีวันห่าง อย่าให้สัมพันธ์นั้นต้องจืดจาง ฝากฝังชีวี เหนือ นทีสองฝั่งเอย …