ราห์ม แชมป์เมเจอร์แรกในศึก ยูเอส โอเพ่น
ราห์ม แชมป์เมเจอร์แรกในศึก ยูเอส โอเพ่น
จอน ราห์ม นักกอล์ฟจากสเปนเก็บ 2 เบอร์ดี้ในการเล่น 2 หลุมสุดท้ายเฉือน หลุยส์ อูสธุยเซน จากแอฟริกาใต้ 1 สโตรก คว้าแชมป์เมเจอร์รายการแรกในชีวิตในศึกยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 121 ที่ ทอร์รีย์ไพน์ส ในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา
จอน ราห์ม นักกอล์ฟวัย 26 ปีลากเบอร์ดี้ยาวระยะ 25 ฟุตลงไปบนกรีนหลุม 17 พาร์ 4 ตามด้วยการเก็บเบอร์ดี้ที่สี่ของสัปดาห์ที่หลุม 18 พาร์ 5 เพียงหลุมเดียว โโยระเบิดทรายขึ้นมาและตามด้วยเบอร์ดี้พัตต์ระยะ 18 ฟุตลงไป
“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากที่จะอธิบายถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมพัตต์สองพัตต์สุดท้ายนั้นลงไปได้” ราห์มกล่าวขึ้นไปนำหนึ่งสโตรกบนคลับเฮ้าส์
หลังชูกำปั้นต่อหน้าแฟนๆ ราห์ม ต้องขึ้นมาลุ้น หลุยส์ อูสธุยเซน แชมป์บริติช โอเพ่น 2010 จากแอฟริกาใต้ ที่ยังเหลือหลุมให้เล่นอีก 4 หลุม
ที่หลุม 17 ทีช็อตของ อูสธุยเซน หลุดไปอยู่ในพุ่มไม้ก่อนจะออกโบกี้และตกเป็นฝ่ายตามหลัง 2 สโตรกก่อนจะปิดท้ายทัวร์นาเมนต์ด้วยเบอร์ดี้ที่หลุมสุดท้ายที่ทำให้เขาได้รองแชมป์รายการเมเจอร์เป็นครั้งที่หกในอาชีพ
“ผมเล่นได้ดีแล้วแต่ก็เป็นอีกครั้งที่พลาดไปเพียงนิดเดียว” อูสธุยเซนกล่าว “จอนนั้นเล่นรอบนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนผมนั้นทีช็อตผิดพลาดที่หลุม 17 นั้นส่งผลให้เป็นแบบนี้ แต่ผมก็สามารถสู้ได้ดีแต่ก็พลาดไปนิดเดียวอีกครั้ง”
ราห์ม จบสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 67 และเป็นกลุ่มผู้นำเพียงคนเดียวที่ไม่เสียโบกี้แม้แต่หลุมเดียวในการเล่นช่วงเก้าหลุมสุดท้ายและจบ 72 หลุมคว้าแชมปืไปครองด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 278 ตามมาด้วย อูสธุยเซน 279 และอันดับสาม แฮร์ริส อิงลิช นักกอล์ฟอเมริกันที่หวดเข้ามา 281
ชัยชนะที่ทอร์รีย์ไพน์สซึ่งเป็นสนามเดียวกับที่เขาคว้าแชมป์ยูเอสพีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิตเมื่อปี 2017 ยังส่งให้ ราห์ม เป็นแชมป์ยูเอส โอเพ่น เพียงคนที่สี่ในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่ปิดทัวร์นาเมนต์ด้วยการทำสองเบอร์ดี้ในสองหลุมสุดท้ายเหมือนอย่างที่ แจ๊ค นิคลอส, ทอม วัตสัน และ เบน โฮแกน เคยทำได้
“มันเป็นเรื่องที่สุดยอดมากกับวิถีที่ผมจบทัวร์นาเมนต์ได้แบบนั้น” ราห์มกล่าว “การเก็บพัตต์สำคัญสองพัตต์สุดท้ายบนสนามที่ผมเคยคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิต มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย”
ราห์ม นับเป็นนักกอล์ฟสเปนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น มาครองสำเร็จ และเป็นนักกอล์ฟจากสเปนคนที่สี่ที่สามารถชนะรายการระดับเมเจอร์ แชมเปียนชิพ ต่อจาก เซวี บาเยสเตอรอส, โฆเซ มาเรีย โอลาซาบัล และ เซอร์จิโอ การ์เซีย
“แน่นอนที่สุดว่าชัยชนะรายการนี้ต้องสำหรับเซวี” ราห์มกล่าวอุทิศแชมป์ให้กับ บาเยสเตอรอส ตำนานกอล์ฟชาวสเปนที่เสียชีวิตไปแล้ว “ผมรู้ดีว่าเขาต้องการคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุด”
ราห์ม คว้าแชมป์ในวันพ่อเป็นครั้งแรกที่เขาได้เป็นคุณพ่อบนสนามเดียวกับที่เคยเคยของ เคลลี ภรรยาของเขาแต่งานและเพิ่งใหกำเนิดลูกชายคนแรก เคปา เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
จากชัยชนะรายการนี้ ราห์ม นักกอล์ฟหมายเลขสามของโลกจะขยับขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของโลกหลังจากที่ ดัสติน จอห์นสัน จบการแข่งขันในอันดับสิบเก้าร่วมด้วยสกอร์ 286 โดย ราห์ม เคยเป็นมือหนึ่งของโลกมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมาหลังชนะรายการเมมโมเรียล
ก่อนการแข่งขันยูเอส โอเพ่น 2 สัปดาห์ ราห์ม ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และใช้สัปดาห์ก่อนหน้าการแข่งขันทั้งสัปดาห์เพื่อการกักตัวและผลตรวจเป็นลบทันที่มีรายชื่อร่วมการแข่งขันที่ทอร์รีย์ไพน์ส
“ผมมีความเชื่ออย่างมากๆในเรื่องของกรรม และหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเสท่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมพยายามคิดในแง่บวกว่าสิ่งดีๆกำลังจะเกิดขึ้นกับผม” ราห์มกล่าว
“ผมสามารถมาคว้าแชมป์เมเจอร์รายการแรกในชีวิตได้ที่นี่ ถึงแม้ว่าครอบครัวใหญ่ของผมจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพราะผมเพิ่งออกจากมาตรการกักตัวโควิด-19 ก่อนแข่งหมาดๆ แต่ผมมองเห็นดวงดาวเรียงรายและรู้ดีว่าเกมกอล์ฟที่เยี่ยมที่สุดของผมกำลังจะตามมา” นักกอล์ฟจากสเปนกล่าว
ก่อนหน้านี้ ราห์ม เคยจบท็อปเทนในรายการระดับเมเจอร์ แชมเปียนชิพมา 7 ครั้งโดยปราศจากชัยชนะ ซึ่งรวมถึงการจบอันดับสามร่วมในการแข่งขันยูเอส โอเพ่น เมื่อปี 2019
ทางด้าน “แชมป์เก่า”ไบรสัน เดอแชมโบ นักกอล์ฟอเมริกันที่ในช่วงเก้าหลุมสุดท้ายเสียไป 2 โบกี้ 2 ดับเบิลโบกี้ ก่อนจบรอบสุดท้าย 6 โอเวอร์พาร์ 77 รวมสี่วันจบอันดับยี่สิบหกร่วมด้วยสกอร์ 287
สำหรับ รอรี แม็คอิลรอย แชมป์เมเจอร์ 4 รายการจากไอร์แลนด์เหนือพลาดออกโบกี้ที่หลุม 11 ตามด้วยดับเบิลโบกี้ที่หลุม 12 ก่อนจบรอบสุดท้าย 2 โอเวอร์พาร์ 73 และจบอันดับเจ็ดร่วมด้วยสกอร์ 283
สรุปผลยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 121 (สนามพาร์ 71)
278 จอน ราห์ม (สเปน) 69-70-72-67
279 หลุยส์ อูสธุยเซน (แอฟริกาใต้) 67-71-70-71
281 แฮร์ริส อิงลิช (สหรัฐฯ) 72-70-71-68
282 กุยโด มิกลิออซซิ (อิตาลี) 71-70-73-68
282 บรู๊คส์ เคปกา (สหรัฐฯ) 69-73-71-69
282 คอลลิน มอริกาวา (สหรัฐฯ) 75-67-70-70
283 แบรนเดน เกรซ (แอฟริกาใต้) 72-70-74-67
283 แดเนียล เบอร์เกอร์ (สหรัฐฯ) 71-72-72-68
283 พอล เคซีย์ (อังกฤษ) 71-75-67-70
283 ซานเดอร์ ชอฟเฟเล (สหรัฐฯ) 69-71-72-71
283 สกอตตี เชฟเฟลอร์ (สหรัฐฯ) 72-69-70-72
283 รอรี แม็คอิลรอย (ไอร์แลนด์เหนือ) 70-73-67-73