ไบรสัน เดอแชมโบ ผู้ที่ถูกมองว่าจะมาเปลี่ยนหลักการกอล์ฟโลก
ไบรสัน เดอแชมโบ ผู้ที่ถูกมองว่า
จะเป็นผู้มาเปลี่ยนหลักการ ทฤษฎีของวงการกอล์ฟโลก…จริงหรือ???
ไบรสัน เดอแชมโบ ชื่อเล่น คือ เดอะไซแอนทิสต์ นักกอล์ฟวัย 27 ปี สุดฮ็อตของพีจีเอที่ทั่วโลกจับตัวดูในขณะนี้ ที่มีจุดเด่นในเรื่องความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวงสวิง และท่าพัตต์ รวมทั้งการมีผลงานระยะการไดร์ฟที่ไกลกว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ในทัวร์ กับชัยชนะในพีจีเอทัวร์ 8 รายการ ยูโรเปียน ทัวร์ 2 รายการและ คอร์น เฟอรรี่ ทัวร์ 1 รายการ ลงแข่งขันรายการใดมีสิทธิ์ลุ้นแชมป์ตลอด
เดอแชมโบ เป็นอดีตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น เมโธดิสต์ สาขาฟิสิกส์ แต่เรียนไม่จบเพราะเพียงแค่เหตุผลว่าทีมของมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเล่นอยู่ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงแข่งขันในฤดูกาลต่อไป จึงลาออกในปีสุดท้าย
ด้วยความที่เขาเป็นนักฟิสิกส์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ เดอแชมโบจึงมีความเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์และได้พัฒนาการเล่นของเขาเองด้วยการอาศัยหลักการของหนังสือกอล์ฟ 2 เล่มใหญ่ๆที่มีวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน นั่นก็คือ The Golfing Machine ของโฮเมอร์ เคลลีย์ และ Vector Putting ที่เขียนโดย เอช เอเท็มเปิลตัน โดยหนังสือของเคลลีย์ที่เขียนไว้ตั้งแต่ปี 1969 ได้เป็นพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจของเดอแชมโบในการที่จะสร้างชุดเหล็กที่ไม้ทุกอันให้มีความยาวที่เท่ากันมา 1 ชุด มันเป็นชุดเหล็กที่ทำให้เขาสามารถมีท่าทางในการยืน และระนาบในการสวิงที่เหมือนกันทุกครั้งตั้งแต่เหล็ก 3 ไปจนถึงล็อบเวดจ์โดยไม้ทุกอันซึ่งมีความยาว 37 นิ้วครึ่งและเป็นความยาวมาตรฐานของเหล็ก 6 จะถูกกำหนดให้มีมุมระนาบสันไม้ (Lie angle)อยู่ที่ 72 องศา ซึ่งจะเป็นมุมที่ตั้งขึ้นมากกว่าไม้มาตรฐานอยู่ 10 องศา และเพื่อการมีสวิงเวทที่คงเส้นคงวาสำหรับการตีทุกๆครั้ง น้ำหนักของหัวเหล็กทุกอันจึงอยู่ที่ 278 กรัม
ส่วนในเรื่องของวงสวิงที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการอ่านหนังสือ Golfing Machine เป็นพื้นฐานนั้น เดอแชมโบใช้กริปที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งทำให้ส่วนต่างๆของมันจะอยู่ในฝ่ามือเสียเป็นส่วนใหญ่ในเวลาจับและมีการหักข้อมือที่น้อยมาก ซึ่งลักษณะเช่นนั้นจะทำให้การหมุนของหน้าไม้น้อยลง ส่งผลให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น แต่จะทำให้เกิดแรงดีดน้อยลงในขณะที่ทำดาวน์สวิง ทำให้พละกำลังในการตีถูกลดทอนไป แต่เขาก็ได้เพิ่มแรงในการตีเข้าไปจากความกว้างของวงสวิง และการหมุนตัวผ่านลูกที่รวดเร็วและเต็มที่ โดยลักษณะในการตีของเดอแชมโบที่แตกต่างจากนักกอล์ฟคนอื่นๆที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ ไม้ของเขาจะมีการเดินทางอยู่ในเส้นทางเดิมโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นแบ็คสวิงหรือดาวน์สวิงก็ตาม และนั่นคือแหล่งที่มาของการสวิงแบบ Zero Shift นั่นเอง
เดอแชมโบได้กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 5 ร่วมกับแจ็ค นิคลอส, ฟิล มิคเกลสัน, ไทเกอร์ วูดส์ และไรอัน มัวร์ ที่เคยได้แชมป์เอ็นซีเอเอ และยูเอส อเมเจอร์ภายในปีเดียวกัน นั่นคือในปี ค.ศ. 2015 และสำหรับการแข่งขันร่วมกับโปร 7 รายการในฐานะนักกอล์ฟสมัครเล่นก่อนที่จะถึงรายการเดอะ มาสเตอร์ส เขาสามารถผ่านการตัดตัวถึง 6 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการได้อันดับ 2 ร่วมในรายการออสเตรเลียน มาสเตอร์ส
และด้วยสิทธิ์ของการได้แชมป์เอ็นซีเอเอ และยูเอสอเมเจอร์ ทำให้เขาได้สิทธิ์ลงเล่นในรายการมาสเตอร์ ที่ออกัสต้า ในปี ค.ศ.2016 (เป็นปีที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปเกาะติดการแข่งขันในฐานะผู้สื่อข่าวและได้รู้จักเขา เป็นปีที่มีนักกอล์ฟขวัญใจชาวไทยสองคน คือ โปรธงชัย ใจดี และโปรกิรเดช อภิบาลรัตน์ได้เข้าร่วมการแข่งขันด้วย) ในฐานะนักกอล์ฟสมัครเล่น และได้อันดับที่ 21 ของนักกอล์ฟทั้งหมด
แน่นอนว่าปัจจุบันนี้ เดอแชมโบ กลายเป็นแม่เหล็กของการแข่งขันของพีจีเอทัวร์ ที่ผู้คนต้องการดูการตีลูกของเขาที่ไกลกว่า สวิงที่เร็วกว่าคนอื่น ดูเขาตีลูกออกจากรัฟให้ออนกรีนอย่างง่ายดาย ดูวิธีการพัตต์ของเขาที่ดูแปลกๆไปจากนักกอล์ฟคนอื่นๆ ซึ่งเข้าทางปุทุชนคนที่เป็นมนุษย์ที่เล่นกอล์ฟทั้งหลายคือชอบการตีไกล และอยากจะตีไกลแบบเดอแชมโบ อุปกรณ์ เสื้อผ้าที่เดอแชมโบใช้คงขายดีขึ้น แนวทางการเปลี่ยนแปลงวงสวิง การเพิ่มน้ำหนักตัว การทานอาหารเสริม การเล่นเวทก็จะมีการเลียนแบบเดอแชมโบเพิ่มมากขึ้น
ถ้าถามว่าผมมีแนวคิดอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทฤษฎีหลักการสอน การฝึก จะเปลี่ยนแปลงไป ตามตามหลักของเดอแชมโบหรือไม่ คำตอบคือ ไม่เปลี่ยนครับ ผมยังยึดแนวทางเดิม ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเดอแชมโบ ผมเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามหลักของวิทยาศาสตร์ที่เดอแชมโบสร้างตัวเองมา แต่ผมคิดว่าแนวทางการประสบความสำเร็จของเส้นทางกีฬากอล์ฟมีหลายเส้นทางไม่ใช่เส้นทางเดียว ซึ่งแต่ละคนเงื่อนไขต่างๆ องค์ประกอบต่างที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งอยากจะให้พิจารณาสิ่งที่เดอแชมโบ กล่าวไว้ว่า
“มันไม่ใช่พรสวรรค์หรอก หากแต่เป็นการฝึกฝนเสียมากกว่า” เขากล่าวในสุ่มเสียงที่คล้ายกับคนมีอายุ “ถ้าหากผมต้องการที่จะเรียนภาษาอารบิค หรือ รัสเซีย ผมก็เรียนได้ หรือจะผูกเชือกรองเท้าแบบใหม่ ผมก็ทำได้ ทำไมนะหรือ? ก็เพราะว่าการทุ่มเทยังไงล่ะ ผมเองไม่ใช่คนที่ฉลาดนัก แต่ผมทุ่มเท และผมสามารถที่จะเก่งได้ทุกเรื่องถ้าหากผมรักที่จะทำและทุ่มเทให้กับมัน นอกจากนี้ผมก็ยังรักประวัติศาสตร์ รักวิทยาศาสตร์ รักดนตรี รักกีฬากอล์ฟ รักการเรียนรู้ รักชีวิต รักในการพยายามที่จะเป็นสุดยอดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และทุกๆเรื่อง”
“คือมันเป็นเรื่องของความแตกต่างระหว่างบุคคล ดังนั้นผมจึงอยากให้ผู้เล่นทั่วไปเข้าใจว่า กีฬากอล์ฟไม่ใช่ถนนที่มีเพียงแค่เส้นทางเดียว แต่คุณสามารถที่จะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้อย่างมากมายมหาศาล”
“สิ่งที่หนังสือได้ให้ก็คือพื้นฐานในเรื่องของเทคนิคที่ช่วยให้ลำตัวของคุณสามารถกลับไปที่บางสิ่งบางอย่างได้อย่างแน่นอนและอัตโนมัติ โดยขอให้ดูโม นอร์แมนเป็นตัวอย่าง ทำไมเขาจึงสามารถตีลูกได้ตรงทุกๆครั้ง? มันคงจะไม่ใช่เพราะว่าเขาคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการตี หากแต่เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้คิดถึงอะไรเลยมากกว่า มันจึงทำให้สมองของเขาทำงานได้อย่างอัตโนมัติ โดยเขาได้พบกับจุดเริ่มต้นที่เป็นพื้นฐาน จากนั้นก็ทำตัวเป็นศิลปิน ไม่ใช่เครื่องจักร และนั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกีฬากอล์ฟ” เดอแชมโบกล่าว
นอกจาก เดอแชมโบ จะเล่นกอล์ฟเก่งแล้ว เขายังมีความสามารถอื่นๆ ที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เช่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่มีชื่อว่า Slacklining หรือการเดินบนเชือกเส้นเล็กๆที่ยึดปลายทั้งสองด้านไว้กับต้นไม้หรือเสาให้ตึง ซึ่งทั้งหมดนี้เขาบอกว่าจะช่วยพัฒนาในเรื่องของ “การรับรู้อากัปกิริยา” (แปลง่ายๆก็คือ การทำงานประสานกันนั่นเอง) เขาสามารถเขียนชื่อเต็มของเขาถอยหลังจากหลังมาหน้าได้ด้วยมือซ้าย ข้างที่ไม่ถนัดได้
คุณจะมีประสบการณ์ และมีความเชื่อเหมือนผมไหมว่าชัยชนะกีฬากอล์ฟมันไม่ใช่เพราะว่าตีไกลอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่าง กีฬากอล์ฟมันถูกออกแบบมาให้ใช้พลังและการควบคุมน้ำหนักมืออย่างละครึ่งๆ แน่นอนว่าคนตีไกล คนแข็งแรงก็จะได้เปรียบ แต่ถ้าลำพังความคิดว่าอยากตีให้ไกล อยากแข็งแรงเหมือน เดอแชมโบ จิตใจไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเขา พื้นฐานร่างกายไม่เหมือนเขา ไม่มีเวลาทุ่มเท มุ่งมั่นเหมือนเขา ไม่ได้ทำงานหนักเหมือนเขา ทำนิดๆหน่อยๆ ครึ่งๆกลางๆแล้วผลงานมันจะออกมาเหมือนเดอแชมโบ คงเป็นไปไม่ได้
…แต่ถ้าจะเอามัน เอาแบบสะใจ ก็ไม่ว่ากันครับ ตามสบาย
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์