รังสฤษดิ์ นั่ง นายกสมาคมกีฬากอล์ฟฯ ต่อ สมัย 6
“รังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์” รับตำแหน่ง
นายกสมาคมกีฬากอล์ฟฯ ต่อสมัย 6
สมาชิกสมาคมกีฬากอล์ฟฯ ลงคะแนนเสียงโหวตท่วมท้นให้ “บิ๊กรัง” นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นั่งเก้าอี้ นายกสมัยที่ 6 ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2559 เมื่อวันพุธที่ 23 มีนาคม 2559 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 และข้อบังคับสมาคมกีฬากอล์ฟฯ ฉบับแก้ไข พ.ศ.2558 สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย จึงได้จัดงานประชุมใหญ่ขึ้น โดยมีวาระสำคัญ คือ วาระเลือกตั้งนายกสมาคม ในการประชุมครั้งนี้มีสมาชิกเข้าร่วมทั้งสิ้น 97 จากจำนวนสมาชิก 267 คน โดยมี นส.กมลวรรณ สุทธิบุตร และนาง สุทิน ทองประไพ เป็นผู้แทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งหลังจากนั้นนายสันติ สอนสมบูรณ์ จากชมรมกอล์ฟสิงห์สมุทรสงคราม เสนอให้ เดชา เศวตศิโรรัตน์ จากชมรมกอล์ฟสิงห์รักกันคัพ เป็นประธานชั่วคราว ก่อนที่ นายเสกสรร สุวัณปุระ เลขาสมาพันธ์กอล์ฟนักเรียนไทยได้เสนอชื่อ นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมคนเก่าเข้ารับตำแหน่งอีกวาระ และมีมติเป็นเอกฉันท์โดยที่ไม่มีคู่แข่ง ซึ่งการดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ มีวาระ 4 ปี ระหว่าง 2559-2563
นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ เผยหลังได้รับเลือกตั้งว่า “ต้องขอบคุณกับทุกๆคนที่มีส่วนช่วยให้สมาคมสร้างผลงานมากมาย จนปัจจุบันเราถือเป็นจ้าวในระดับ อาเซี่ยน และเป้าหมายต่อไปคือในระดับโลก ซึ่งมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องพัฒนากันต่อไป และเตรียมให้มีการแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันในระยะสั้นตั้งแต่ระยะ 160 ลงมา เพราะที่ผ่านมานักกีฬาของเรามีปัญหาในเรื่องนี้ และเตรียมจะมีโครงการแลกเปลี่ยนกับสมาคมกอล์ฟของฟินแลนด์ ทั้งในด้านการพัฒนาบุคคลากร และรูปแบบในการจัดการต่างๆด้วย”
ทั้งนี้ข้อกำหนดเดิมของการกีฬาแห่งประเทศไทย นายกสมาคมกีฬาต่างๆสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย โดยนายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ เข้าเป็นสมาชิก และคณะกรรมการของสมาพันธ์กอล์ฟแห่งเอเชีย-แปซิฟิก (APGC) ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมา ทำให้ได้รับข้อยกเว้นของการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะเป็นสมาชิกขององค์กรกีฬาในระดับนานาชาติ จึงสามารถรับตำแหน่งนายกสมาคมฯได้ต่อเนื่อง ถึง 5 สมัย ได้อย่างไม่มีปัญหา ขณะที่ครั้งนี้ซึ่งมีวาระ 4 ปี พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย 2558 ไม่มีข้อกำหนดดังกล่าว
สำหรับ นายรังสฤษดิ์ เป็นนายกสมาคมฯครั้งแรกเมื่อปี 2550 ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาช่วยพัฒนาวงการกอล์ฟอย่างมากมาย อาทิ การสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญรางวัลได้เป็นครั้งแรกของไทย ในกีฬากอล์ฟ ในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ โดยทำได้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง, การเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬากอล์ฟการแข่งขันซีเกมส์ ถึง 5 สมัยติดต่อกัน นครราชสีมา ปี 2550, ลาว ปี 2552, อินโดนีเซีย 2554, พม่า 2556 และล่าสุดที่ สิงค์โปร์ 2558 ทีมกอล์ฟไทยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้า 4 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง รวมถึงการแข่งขันกอล์ฟประเภททีมชิงแชมป์อาเซียน “เซาท์อีสต์เอเชีย อเมเจอร์ กอล์ฟ ทีม แชมเปี้ยนชิพ ครั้งที่ 55 ที่จัดขึ้น ณ สนามสิงห์ปาร์ค ขอนแก่น ไทยคว้าชัยประเภททีม 3 ประเภท คือ ปุตรา คัพ, ไลอ้อน ซิตี้ คัพ, สันติ คัพ และอันดับ 2 ในประเภท คาร์ตินี่ คัพ