อมยิ้มริมกรีน

new normal คืออะไร?

มีผู้กล่าวถึง new normal กันมากขึ้นนะครับ ด้วยวิกฤติไรรัสโควิด-19 คลายลงมากแล้ว ต่อไปก็คือ การใช้ชีวิตในสังคมที่ต้องระแวดระวังมากขึ้น เพื่อสร้างฐานเสถียรภาพของตนขึ้นมาใหม่

คุณศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์หารการค้าโลก WTO ท่านเคยกล่าวไว้ น่าสนใจมาก

ท่านบอกว่า คนส่วนใหญ่ จะคิดว่า new normal นั้นเป็นภาคปฏิบัติ ที่มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดไวรัส เช่น การใส่หน้ากากจนเคยชิน การเว้นระยะห่าง

ที่สุด มนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์สังคม จะค่อยๆผ่อนคลาย กลับมาสู่ความเคยชินเดิมๆ เหมือนวิกฤติทุกครั้งที่ผ่านมา คือ

โลกจะไม่เหมือนเดิม แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม

หากที่จริงแล้ว new normal ควรจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

เราต้องเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติ  และลงมือทำในสิ่งที่ควรจะทำ แต่ไม่ได้ทำในหลายๆปีที่ผ่านมา

ไทยต้องเริ่มต้นแก้ไขให้ตรงจุด

คุณศุภชัย ท่านก็กล่าวในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ นักการเมืองที่เก่งกาจ แจ้งต่อรัฐบาล ว่าควรเริ่มต้นทำโน่นนี่นั่น ระดับมหภาค บริหารปกระเทศ ก็ว่ากันไป

รัฐบาลต้องเจอปัญหา คนว่างงานแน่นอน ด้วยความล่มสลายของภาคอุตสาหกรรมหลายส่วน ก็ต้อง”ลงลึก”ร่วมมือกับภาคเอกชน ช่วยอย่างไร จะหนุนอย่างไร เพื่อให้การจ้างงานยังคงอยู่

เลิกไปเลยกับ การพร่ำ ดูแต่ตัวเลขGDP เพื่อตีความมิติความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

แต่ต้องมีสำนึกทัศนคติใหม่ว่า ประชากรจะหาเงิน เพิ่มรายได้จากไหน

ประเทศไทยเรา “มีอะไรดี” ที่เป็นจุดเด่นของตนเอง ที่ลงไปถึง ชาวบ้านสร้างรายได้ ได้

คุณศุภชัย ยกตัวอย่างถึง อุตสาหกรรมอาหาร/การท่องเที่ยว

ว่าไป ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกรัฐบาลก็รู้

วลี “ไทยจะเป็นครัวของโลก” ไทยมีความสมบูรณ์ทางพืชพรรณธัญญาหาร ผลไม้อร่อยระดับโลก ก็มีมานานแล้ว

แม้แต่ไม่กี่วันมานี้ คุณ ธนินทร์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวไทคูนหมายเลข1ของไทย  ท่านก็กล่าววลีแรกๆในฐานะบอร์ดไทยแลนด์ว่า..พืชผลไม้ไทย อร่อยระดับโลก ต้องขายแพง ชาวบ้านจะได้มีเงิน

หรือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นแสนล้านมาตลอด มีนักท่องเที่ยวมากมายทั่วโลกโดยเฉพาะจีนแห่กันมาเที่ยวเมืองไทย

แต่แทนที่ จะเป็นรายได้ถึงรากหญ้าเต็มเม็ดเต็มหน่วย กลับมี”ช่องโหว่”มากมาย ที่ถูกนายทุน บ.เอกชน ตัดหัวคิว เงินไม่ถึงมือชาวบ้านจริงๆ

กระทั่ง ทัวร์0เหรียญ มาเที่ยวแบบถล่มบ้านเรา แต่เงินหยวนกับคืนนายทุนจีน ไม่มีกระเด็น เป็นต้น

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เงินไหลเข้ามาโดยตรง อันสามารถทำให้กระจายรายได้ถึงมือชาวบ้านได้  ควรเป็น “งานในหน้าที่”สำคัญระดับต้นๆของรัฐบาล เพราะเป็นงาน 3 in 1

สร้างชุมชนเข้มแข็ง/สร้างรายได้ชุมชน/เศรษฐกิจชุมชน

แต่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มักถูกมองว่า”เป็นของตาย” ในสายตานักการเมืองบนถนนการเมืองบ้านเรา เอาใครก็ได้มาบริหาร ทั้งที่ควรเป็น บุคลากรคณะทำงานที่เก่งสุดยอดในทุกด้าน

เพื่อให้ “ขายประเทศไทย”ได้อย่างมีมูลค่าและสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด

นี่ยกตัวอย่างแค่ 2 อุตสหกรรมที่ ประเทศไทย ”มีดี”และเป็นจุดเด่นสร้างรายได้เข้าประเทศ

ยังมีอีกตั้งเยอะ เช่น กระทรวงสาธารณสุข สามารถสร้างเมืองไทยเป็น Healthy Hub of The World

การที่ ระบบสาธารณสุขของเรา พิชิตไวรัสโควิด-19 เป็นอันดับต้นๆของโลก คือวิกฤติเป็นโอกาส  ได้สร้างชื่อเสียงกระหึ่มโลก ในเรื่องการบริการสุขภาพ

หลังวิกฤติโควิด ฝรั่งตะวันตกล้วนอยากแห่มาเมืองไทย ทั้งเที่ยว ทั้งเชคตรวจสุขภาพ ยิ่งมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่โรงพยาบาลจุฬาฯคิดค้นได้ บริการ ยิ่งสุดยอด

ใครจะไม่อยากมาเมืองไทย แต่ต้องขนเงินมาใช้จ่ายเยอะๆด้วยนะ

คนแก่ คนป่วย คนฟื้นฟูสุขภาพ หรือเสริมสวย ทั่วโลก มาเมืองไทยก็จะพบการบริการที่ไม่มีประเทศใดให้ได้

ต่อไป กัญชา เป็นพืชบำบัดถูกกฎหมาย บุรีรัมย์อาจเป็นจังหวัดศูนย์กลาง “การดูดกัญชาที่ดีที่สุดในโลก” มีเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญเป็น บาริสตา การเบรนด์ชนิดพันธุ์ต่างฯ (ภาษาชาวบ้านสมัยก่อนคือ หั่นเนื้อ) ให้เหมาะกับการบำบัด การผ่อนคลาย

ฝรั่งได้กิน แกงเนื้อเปื่อยบรั่นดียอดกัญชา..เนื้อย่างห่อใบกัญชา(แทนใบชะพลู) ก็ร้องไห้น้ำตาไหลแล้ว

หรือจะ ติดต่อเช่าสัมปทานเกาะสวยงามจากกองทัพเรือ จัดระบบชาวบ้านปลูกไร่กัญชาอย่างดี สร้างรายได้ ส่งโรงแรมรีสอร์ทธรรมชาติ เจ้าของสัมปทาน บริการลูกค้าเงินตั๋ง มาสูบกัญชา(อย่างถูกต้องตามกฎหมาย) เพื่อ สัมผัสสวรรค์ เข้าคอร์สธรรมชาติบำบัด

heaven ชัดๆ

เหล่านี้ ล้วนเป็น “ทรัพย์ในแผ่นดิน”ทั้งสิ้น

new normal นับแต่นี้ ก็คือ รัฐบาลต้องเริ่มต้น สร้างทัศนคติใหม่ แก้ไขให้ตรงจุด  จัดตั้งหน่วยงานใหม่ ที่มีประสิทธิภาพบุคลากรเก่งๆอันเป็นเลิศ กระชับการทำงาน บริหารจัดการ แก้ปัญหาเก่า เสริมระบบใหม่ให้ครอบคลุม

ทำในสิ่งที่ควรจะทำ แต่ไม่ได้ทำในหลายๆปีที่ผ่านมา ด้วยโจทย์..ประชากรจะหาเงิน เพิ่มรายได้จากไหน ดังที่คุณศุภชัยเกริ่น

ก็ดูกันต่อไปว่า รัฐบาลลุงตู่จะใช้วาระนี้ ปรับโครงสร้างประเทศ ในวิถี new normal ได้ประการใด

เราท่าน ชาวบ้านเดินดินกินข้าวแกง ประชาชน ที่เป็นจุลภาค ที่ต้องคิดถึงตัวเอง ก่อนเกาะกันเป็นมวลของสังคม ก็ต้องคิดใหม่ ทัศนคติใหม่ เพื่อการ“ตั้งหลัก”กับ new normal เหมือนกันนะครับ

ที่ไม่ใช่เพียง ออกจากบ้านสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างทางสังคม หรือ นั่งกระดิกเท้า กระโกนไปเรื่อยๆ..กูจน กูจน..แล้วคอยว่า รัฐบาลจะมีโปรโมชั่น แจกเงินอีกเมื่อไหร่

มีหนทางมากมายที่ ใช้ วิกฤติเป็นโอกาส

พบคุณค่าในตัวตนอีกเยอะ ทั้งทัศนคติใหม่ ทั้งความสามารถที่ซุกตัวอยู่ เพิ่งได้งัดออกมาใช้ ในช่วงวิกฤติโควิดนี่แหละ

ถ้าเรามีรัฐบาลนำทางใหม่ให้ดี.. ส่งเบ็ดมาให้ตกปลากินเอง ไม่ใช่แจกปลาฟรีแบบแต่ก่อน

เราก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมเดิน เพื่อตัวเองในวิถี new normal

ไม่ได้เป็นเป็ดง่อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ..นอกจากอยากเป็นเอง

ยอดทอง