Sport for Life

ฤดูร้อนที่น่าจดจำ

หากจะย้อนเวลากลับไปได้ซัก 30 ปี ครูไก่คงเป็นครูสอนรุ่นกระทงที่ตั้งหน้าตั้งตาสอนลูกศิษย์ลูกหาให้ออกไปเก็บเงินจากการแข่งขันของ “เยาวชน” ที่มีแข่งขันกันเกือบจะทุกอาทิตย์ หรือบางครั้งก็ต้องแบ่งภาคไปให้ได้เพราะเช้ามีแข่งสนามนึงบ่ายต้องไปอีกสนาม แล้วเป็นคนละรายการเสียด้วย บางทีเข้าตัดเชือกได้ชิงกันทั้งสองรายการพอจบรายการนี้ต้องไปรายการโน้นเรียกว่า “โค-ตะ-ระ-เหนื่อย” ทั้งครูและนักเรียน บางปีพวกเขาทำเงินจากการแข่งขันในระดับเยาวชนในช่วงฤดูร้อนนี้หลายหมื่นเหมือนกัน…เมื่อเทียบกับเวลาเมื่อ 30 ปีก่อนเงินจำนวนนี้ถือว่าน่าพอใจอย่างยิ่ง…

แต่พอเมื่อเด็กที่ถือว่าเป็นผลงานของเราโตขึ้น มีสปอนเซอร์เข้ามามันก็เป็นอันสิ้นกันกับเด็กชุดเก่งที่พร่ำสอนกันมา เพราะผู้ให้การสนับสนุนเขาก็ “หนีบ” ผู้ฝึกสอนที่เป็นชาวต่างชาติมาด้วย ขอเสนอก็คือ “หากรับการสนับสนุนจากเขาก็ต้องมาอยู่กับโค้ชที่เตรียมไว้เท่านั้น” เมื่อเห็นว่าเด็กมีอนาคตดีเราก็ปล่อยอยู่แล้วครับ…พอผ่านการพูดคุยกับผู้สนับสนุนจบสิ้นเราก็ถอยออกมาปล่อยเด็กเขาให้อยู่กับผู้ฝึกสอนคนใหม่กันไป…

สิ่งที่เรารู้สึกขัดอกขัดใจคือ “ทั้งผู้สนับสนุนและโค้ชคนใหม่ถ่ายรูปกับเด็กและถ้วยรางวัลที่ครูไก่กับเด็กทำงานกันมา” หลายคนพากันตำหนิติติงภาพที่ออกมาพอสมควร แต่กับผมกลับรู้สึกเฉยๆกับเรื่องเช่นนี้เพราะถ้าเขาดีจริงพอที่จะนำพาเด็กๆไปได้ก็ตามสบาย แต่ถ้าไม่สามารถนำพาเด็กไปให้ตลอดรอดฝั่งได้ก็กลับมาได้ทุกเวลากับครูไก่คนนี้…

สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดคือจากเป็นมือวางอันดับ 1 ของรุ่นกลับต้องไปโดนเด็กรุ่นหลังสอยลงมาซะงั้น หรือบางรายการในใหญ่ขึ้นไปเขาก็ยังเคยเป็นมือวางอันดับต้นๆได้แต่ก็ต้องไปเล่นรอบคัดเลือกเสียอีก แบบนี้มันอะไรกันแน่ สุดท้ายปลายทางต้องเลิกศาลากันไปกับโค้ช “บักสีดา” ที่มาแต่ชื่อพอดูพื้นการสอนกับผลงานอยากเป็นลมแป๊บนึง บางทีก็ไปนั่งดูเด็กๆ เขาแข่งกันไอ้ที่เราเคยให้เด็กเล่นมันหายไปไหนหมด จากที่เคยเคยขึ้นแท่นรับถ้วยกับเงินรางวัลกลับต้องร่วงไปรอบต้นๆ กันหมด…

แล้วสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็มาจนได้นั่นคือ “ทั้งครูสอนที่เป็นบักสีดากับเด็กมีอันต้องแยกทางกันไป” ร้อนถึงเราในฐานะคนที่เคยสร้างกันมากลับเข้ามาทำต่อแล้วผลงานก็ฟื้นคืนแบบพอรับได้ถึงแม้จะยังไม่พุ่งในฤดูร้อนนี้แต่ในช่วงปีถัดไปทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม

ครูไก่ ลำพอง ดวงล้อมจันทร์