อมยิ้มริมกรีน

อมยิ้มริมกรีน

อมยิ้มริมกรีน

ก่อนหน้านี้สักสามเดือน ผมบอกกับ คุณนายแจ๋ว เจ้าของกอล์ฟไทม์ ว่า จะเขียนถึงสิ้นปี 2560 แล้วเกษียณแล้วนะ ขอไม่ส่งต้นฉบับ

ประเด็นแรกก็คือ อยากค่อยๆสะสาง วางมือจากงานประจำ ที่ทำอยู่มายาวนาน ตามประสาวัยคนที่ ชีวิตเดินลงจากเนินเขาแล้ว ควรค่อยๆปลดภาระอะไรในตัวออกไปเรื่อยๆ อันเป็นวิถีของการปล่อยวาง ซึ่งผมถือว่า คอลัมน์ที่เขียนก็เป็นลาภยศประการหนึ่ง ที่ทำให้เราติดจะอีโก้ตัวเอง

จากกอล์ฟไทม์ เดี๋ยวก็เลิกไปเรื่อยๆ ตามแผนที่วางไว้กับตัวเอง

ประเด็นที่สองคือ มีความรู้สึกว่า อายุมากขึ้น ตัวเองเขียนหนังสือไม่ดีไปกว่าสมัยก่อน คือเมื่อก่อน ยังอยู่ในวิถีแห่งกอล์ฟ ได้สัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง ได้วัตถุดิบมาเขียน จึงเป็นเรื่องที่น่าอ่าน ไม่ว่าเรื่องเฮฮา หรือบุคคล สาระต่างๆ

แต่หลังๆมานี้ ห่างเหินวิถีกอล์ฟมานาน เล่นก็นานๆครั้ง ดูถ่ายทอดนสดทางโทรทัศน์ก็แทบไม่ได้ดูเลย เพราะให้จอทีวีดูเราหลับแทน อาศัยตามข่าวจากสื่อต่างๆ แล้วก็เอามา”ยำ”เขียนคอลัมน์ อันกลายเป็นว่า แก่ๆไป ไฟมันมอด แต่อาศัย “ความเก๋า”เขียน ไม่ค่อยสบายใจ เวลาหน.กองบก.กอล์ฟไทม์ ทวงต้นฉบับด้วยความเกรงใจอย่างยิ่ง

บางทีเป็นคอลัมน์ผมด้วยซ้ำ ที่ทำให้ กอล์ฟไทม์ เลตในบางเดือน ทั้งที่เป็นคอลัมน์แห้ง เดือนนึงส่งสองครั้งเท่านั้น

เกรงใจท่านผู้อ่าน ที่อ่านคอลัมน์นี้มานานแสนนาน อาจเบื่อหน่าย กับเรื่องวนเวียน บางทีซ้ำซาก เกรงใจหน.กองบก. ที่ทวงต้นฉบับผมด้วยความเกรงใจเสมอมา

รู้สึกเป็นวาระแห่งเวลา ที่ขออนุญาต คุณนายแจ๋ว เกษียณ ไงครับ

เธอก็นิ่งๆเมื่อสามเดือนก่อน แต่พอเอาเข้าจริงตอนสิ้นปี..คุณเธอ ไม่ยอมครับ

บอกว่า.. คอลัมน์พี่น่ะ แจ๋วถือว่า เป็นสัญลักษณ์ของ กอล์ฟไทม์

เด็กๆกองบก. ยังบอกว่า ต้องขออ่าน “อมยิ้มริมกรีน”ต้นฉบับพี่ก่อนเลย เพราะถือเป็น “ครู” พวกเด็กๆบอกว่า พี่ยอดเห็นนกตัวเดียว เขียนเล่าได้เป็นตุเป็นตะ สารพัดสีสันเรื่องราว พวกผมเห็นนกทั้งฝูง ยังคลำทางไม่เจอเลยว่าจะเขียนยังไง พี่ยอด เคาะออกมาเหมือนง่ายๆ

แล้วยังสมาชิกกอล์ฟไทม์อีกล่ะ?

ฟิลลิ่งก็ไม่แตกต่างไปกว่า เด็กๆกองบก.หรอก เปิดอ่านคอลัมน์ “อมยิ้มริมกรีน”ก่อน มาเป็นกี่ปีต่อกี่ปีแล้ว

กอล์ฟไทม์ ปีหน้าก็ปีที่27แล้ว อีก3ปีก็ครบ30ปี ยังยืนหยัดอยู่ได้ มีความผูกพันกับสมาชิกที่อ่านหนังสือ เล่นกอล์ฟชมรมด้วยกัน ถ้านับแต่ปีแรกจนถึงปีนี้ ก็เป็นพันๆคนอาจถึงเรือนหมื่นด้วยซ้ำ ผ่านเจนเนอเรชั่น3รุ่นแล้ว

ตั้งแต่รุ่นพ่อ มาเป็นรุ่นลูก นักกอล์ฟลูกเจี๊ยบสมัยนั้น เติบโตเป็นหนุ่มสาว แต่งงาน มีลูกแล้วด้วย มีความผูกพันต่อกัน เหมือนญาติ ไม่ใช่แค่คนตีกอล์ฟ คนอ่านหนังสือ

เอามั้ยล่ะ..พี่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกอล์ฟไทม์มาเป็นสิบปี ลองมาซิ่ เจอคนรุ่นเก่า เขาดีใจแค่ไหนที่เจอพี่ เรียกลูกๆมาให้ไหว้ เหมือนเจอญาติสนิท

คนกอล์ฟไทม์รักกันเหนียวแน่นนะ แจ๋วยังเห็นเสื้อ par & birdies ลายแดงน้ำเงินขาว เสื้อชมรมรุ่นแรก ที่สมาชิกนักกอล์ฟบางคน เอามาใส่โชว์ นั่นเป็นความ

ภาคภูมิใจที่ไม่มีชมรมไหนมีนะ

พวกเขาก็รักกอล์ฟไทม์ ที่กอล์ฟไทม์ เป็นอย่างนี้

หยิบหนังสือพิมพ์ กอล์ฟไทม์ ขึ้นมา ต่างก็อ่านคอลัมน์พี่ทั้งนั้นแหละ คนรุ่นแรกที่แก่ไปด้วยกัน ก็อ่าน เด็กรุ่นหลังที่เติบโตขึ้นมาก็อ่าน อันเป็นความผูกพันยาวนาน

แล้วที่น้องเอ (หน.กอง.บก.) ต้องทวงต้นฉบับพี่ ก็เพราะเขายอมให้ กอล์ฟไทม์ที่เขารับผิดชอบ ไม่มีคอลัมน์พี่ไมได้ มันเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกกอล์ฟไทม์ที่ต้องได้อ่าน ที่อื่นไม่มี หาคนเขียนอย่างพี่ก็ไม่ได้

สิ่งที่คุณนายแจ๋ว กล่าวนั้น เป็น “อีกมุมหนึ่ง” ที่ผมไม่ได้มอง

ด้วยที่จริง ก็เป็นสถิติอันน่าภาคภูมิใจของตัวเองเหมือนกัน คือ เขียนคอลัมน์นี้ นับแต่กอล์ฟไทม์เล่มแรก หยุดพักไปช่วงหนึ่ง เมื่อกอล์ฟไทม์ มี “น้องหนู” ธราวุธ นพจินดา มาเป็นบรรณาธิการบริหาร รับคอลัมน์นี้ไปเขียน อันถือว่าเป็นคอลัมน์เรือธงของหนังสือ

พอน้องหนูจากไป ผมก็กลับมาเขียนต่อ..ด้วยรู้สึกเป็นหน้าที่

คำพูดของคุณนายแจ๋ว ทำให้ผมเห็นภาพในอดีต ที่ตัวเองนั่งอยู่คนเดียว เคาะต้นฉบับด้วยพิมพ์ดีดไฟฟ้า (สมัยนั้นยังไม่ใช้PC) ท่ามกลางโต๊ะทำงานเรียงราย เพราะกองบก.ยังไม่ฟอร์มทีม ที่ออฟฟิศแห่งแรกของกอล์ฟไทย ที่ตึกโรงพยาบาลวิภาวดีฯ..

แล้วรู้สึกว่า อือ..กอล์ฟไทม์ นั้นมีรากจริงๆ และเป็นรากที่ผมมีส่วนเริ่มต้นเสียด้วย

คุณนายแจ๋ว สำทับว่า.. จู่ๆ พี่จะขอเกษียณเลิกเขียนกันง่ายๆ ได้ยังไง..แจ๋วไม่ยอมหรอก

พี่ยอดใจๆหน่อยซิ่ ดูหนังไททานิก หรือเปล่า กัปตันอยู่กับเรือจนนาทีสุดท้าย ถือเป็นเกียรติยศสูงส่ง นะ

มาด้วยกัน ..ก็ต้องไปด้วยกัน หากจะมีวันสุดท้ายที่ส่งกอล์ฟไทม์ไปตามวาระเวลา พี่ยอดก็ต้องส่งกับแจ๋วด้วยในปลายมือนั้น ต้องจูงมือกัน เชิดหน้าอำลาด้วยกัน อย่างเฉิดฉาย เริ่ด ทระนง ใครจะทำได้อย่างเรา

น่าน..คุณนายแจ๋ว พูดผ่านโทรศัพท์มือถือยาวปรี๊ด ยังดีนะ ไม่ขู่ผมว่า จะให้อาจารย์หรั่งมาชกผม ถ้าขืนยังปฏิเสธอีก..555

ก็ต้องเขียนต่อศิ่ครับ..ไม่เขียนคงอายใจ คุณนายแจ๋ว

ผมถือว่า การเขียนในคอลัมน์อมยิ้มริมกรีน เป็นหน้าที่เกียรติยศ ที่ผมต้องทำต่อ ด้วยความเต็มใจละกัน

ถ้าคุณนายแจ๋วไม่เลิก กอล์ฟไทม์ ในอีกสิบปีข้างหน้า ผมก็เขียนถึงสิบปีนนั่นแหละ ถ้าตัวเองไม่ไปไหนก่อน
อย่างไรก็ตาม คงต้องขออนุญาตเขียนเรื่องที่อยากเขียบน ตามอารมณ์ ตามอำเภอใจนะครับ ไม่ใช่อยู่ที่ ริมกรีน กีฬากอล์ฟอย่างเดียว ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ตัวเองห่างวิถีกอล์ฟไปพอสมควร (แต่ออกรอบกับเพื่อนทีไร ก็เป็นความสุขครับ)

ขอ ส่งท้ายปีพ.ศ.2560 แบบนี้ละกัน แล้วค่อย เขียนถึงปีใหม่ อวยพรกันตามสไตล์ผมในเล่มหน้า

ยอดชาย ขันธะชวนะ