ถึงฤดูเฝ้าระวังโรค มือเท้าปาก
ถึงฤดูเฝ้าระวังโรค มือเท้าปาก
พอเข้าสู่ช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ของเด็กๆ โดยเฉพาะภาคเรียนแรก ซึ่งตรงกับช่วงเข้าสู่ฤดูฝน หลายต่อหลายคนก็ต้องหันมาใส่ใจสุขภาพกันเป็นพิเศษ เพราะอาจจะต้องตากฝนเปียกปอนกันบ้าง แต่ก็ยังไม่น่ากังวลเท่าเด็กเล็กๆ ที่มักจะมีข่าวโรค “มือเท้าปาก” ระบาดในช่วงนี้ประจำ เพราะนอกจากจะเป็นช่วงที่อากาศชื้น เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีแล้ว ยังเป็นช่วงเปิดเทอม ซึ่งมีเด็กๆ มาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย ทำให้เกิดการแพร่กระจายโรคได้ง่าย กระทรวงสาธารณสุขจึงออกประกาศขอความร่วมมือศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก คัดกรองเด็กทุกเช้า ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างรัดกุม
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า “..ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานในปี 2560 นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม – 22 พฤษภาคม พบผู้ป่วยทั่วประเทศรวม 18,343 ราย เสียชีวิต 1 ราย มากที่สุดในกลุ่มเด็กเล็ก 1-3 ปี ประมาณร้อยละ 70 ของผู้ป่วยทั้งหมด ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวังโรคมือเท้าปาก และประสานสถานศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กให้ตรวจคัดกรองเด็กเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า หากพบเด็กป่วยให้แยกเด็กป่วยออกและให้หยุดเรียน หากพบว่ามีเด็กป่วยจำนวนมากขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที หากมีเด็กป่วยหลายห้อง หรือหลายชั้นเรียน ต้องพิจารณาปิดห้องเรียน หรือปิดโรงเรียนชั่วคราวประมาณ 5-7 วัน..”
โรค มือเท้าปาก (hands foot mouth disease symptoms) เกิดจากเชื้อไวรัสลำไส้หรือเอนเทอโรไวรัสหลายชนิด มีโอกาสที่เกิดการระบาดได้โรคเกิดประปรายตลอดปี แต่จะเพิ่มมากขึ้นในฤดูฝนซึ่งอากาศเย็นและชื้น โดยมากพบในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ติดต่อจากการได้รับเชื้อทางปากโดยตรง จากเชื้อไวรัสที่ติดมากับมือ การใช้ช้อน แก้วน้ำร่วมกัน หรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากตุ่มพอง แผลในปาก ผู้รับเชื้อส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดเมื่อย บางรายอาจมีไข้ ร่วมกับตุ่มพองเล็กๆ ที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในปาก โดยตุ่มพองในปาก จะอักเสบ แดง และแตกออกเป็นแผลหลุมตื้น ๆ มักพบที่เพดานอ่อน ลิ้น กระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กไม่ดูดนม ไม่กินอาหารเพราะเจ็บ โดยทั่วไปจะหายเองภายใน 7-10 วัน แต่หากเด็กมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ แขนขาอ่อนแรง กินอาหารหรือนมไม่ได้ ควรรีบพาไปพบแพทย์
สำหรับโรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน วิธีที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัย ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ทั้งตัวเด็กและผู้ที่ต้องดูแลใกล้ชิด ก่อนและหลังเตรียมอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก หลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำร่วมกัน และใช้ช้อนกลางเมื่อกินอาหารร่วมกับผู้อื่น ตัดเล็บให้สั้น และหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกัน ทั้ง เครื่องมือ ของใช้ ของเล่น เป็นประจำทุกสัปดาห์
สำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะในวัยอนุบาล นอกจากโรค มือเท้าปาก แล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะรับโรคติดต่ออื่นๆ ได้ง่าย การฝึกวินัยล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง จะเป็นวิธีหนึ่งที่ป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสได้ดี ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครู อาจลองใช้สื่อสุขศึกษาสอนล้างมือผ่านการร้องเพลง โดยสอนให้เด็กๆ ร้องเพลง ช้าง ช้าง ช้าง จนจบ 1 รอบ ใช้เวลาราว 20-30 วินาที ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาล้างมือที่นานพอจะเจือจางเชื้อไวรัสได้มากทีเดียว หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422