คอลัมน์ในอดีต

ศรัทธาสร้างพลัง (11)

ศรัทธาสร้างพลัง (11)

ศรัทธา เป็นปัจจัยภายนอก และเป็นองค์ธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อศรัทธาอย่างถูกต้อง ใช้ถูกต้องก็จะเชื่อมต่อเข้ากับปัจจัยภายใน เมื่อมีจิตใจที่เชื่อมั่นในเหตุผลเลื่อมใสในสิ่งที่ดีงาม มั่นใจในคุณธรรม ศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญาก็จะไม่งมงายหลงไปในทางผิด ศรัทธายังส่งเสริมความคิด และเกิดความก้าวหน้าแก่ปัญญาอีกด้วย

พระพุทธองค์ ทรงกล่าวไว้ว่า ศรัทธาเป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยศรัทธา 4 ประการ

1. กรรมศรัทธา คือความเชื่อในเรื่องกรรม
2. วิบากศรัทธา คือความเชื่อที่ว่า ผลดีมาจากเหตุดี ผลชั่วมาจากเหตุชั่ว
3. กรรมมัสสกตศรัทธา คือความเชื่อว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตนเอง
4. ตถาคตโพธิศรัทธา คือความเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ผู้เขียนมีความเชื่อและศรัทธาในความรักความเมตตา เพราะความรักความเมตตาเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้โลกเคลื่อนไหว เป็นพลังอัน

ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผู้เขียนพึ่งพาอาศัยการสวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตานี่แหละซึ่งเป็นความรักความเมตตาที่ปราศจากเงื่อนไขจึงทำให้ผู้เขียนมีพลังอย่างปาฏิหาริย์ในการตามหาลูกสาวจนเจอในที่สุด ยิ่งถ้าผู้ใดสวดท่านใดมีสมาธิที่แน่วแน่ด้วยจิตอันตั้งมั่นด้วยแล้ว จะทำให้ยิ่งมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นมากมายทีเดียวแม้เป็นแค่เสียงอันแผ่วเบาก็ตาม พลังอำนาจจะแผ่ไปทั่วทั้งจักรวาล

การที่ผู้เขียนตามหาทั้งลูกชายและลูกสาวจนเจอมันคือที่สุดแห่งชีวิตของผู้เขียน เพราะไม่มีอิทธิพลใดจะทรงพลังเท่ากับอิทธิพลของความรักความเมตตาที่แม่มีต่อลูก มันเป็นความผูกพันทางใจ มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษสุดสามารถสัมผัสได้ ยิ่งใหญ่กว้างขวางยิ่งกว่าท้องมหาสมุทร ผู้เขียนพูดเสมอว่า ครอบครัวเรานั้นมีกัน 6 คน เมื่อมีลูกๆมารวมกันทั้ง 4 คนโลกใบนี้ทั้งใบจึงสดใสและแสนวิเศษเป็นอัศจรรย์ยิ่ง

ผู้เขียนเจอวิบากกรรมหลายต่อหลายสิ่งหลายอย่าง ถูกทดสอบสารพัด ผู้เขียนก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตา คนรอบข้างบางคนก็มองว่าผู้เขียนคงจะเสียสติไปแล้ว อยู่อย่างสุขสบายลูกสาวสองคนเรียนอยู่ต่างประเทศ อยู่ดีๆก็หาภาระเข้าใส่ตัว มรสุมรุมล้อมมีคำถามมากมาย หลายคนยังไม่เข้าใจ ถูกว่า ถูกตำหนิสารพัด ถึงน้ำตาไหล  แต่มีอยู่อย่างที่ผู้เขียนรู้สึกได้ “พลัง” มันเป็นพลังแห่งความรัก ความเมตตาและความผูกพัน ผู้เขียนสามารถผ่านทุกอย่างได้ ด้วยการสวดมนต์ภาวนา เพื่อให้เกิดความเมตตาอย่างแท้จริง ความเมตตาไม่มีกิเลส ไม่มีตัณหาแอบแฝง ความเมตตานั้นยิ่งใหญ่เหมือนจักรวาล ความเมตตาหลั่งมาจากหัวใจคือการให้ เหมือนเลือดในร่างกายมนุษย์ เมื่อมีความรักความเมตตา การแผ่เมตตานั้นไปสู่จักรวาลแห่งความรัก นำพาความรักความเมตตาสู่เพื่อนมนุษย์ และสัตว์โลกทั้งมวล แผ่เมตตาให้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกคนทุกชีวิต จนกระทั่งเจ้ากรรมนายเวร

ด้วยครอบครัวของผู้เขียนมีเมตตาเต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว คลื่นลมสงบ ผู้เขียนได้ทั้งลูกชาย ลูกสาว เข้ามาอยู่ในครอบครัว “ผลชีวิน” โดยสมบูรณ์ ประโยคหนึ่งที่ผู้เขียนไม่เคยลืมเลือนไปจากใจซึ่งออกมาจากปากของสามี           “ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน” “เราให้ลูกไม่ได้แค่สายเลือด”

ผู้เขียนปิติจนน้ำตาไหล เมื่อได้ยินประโยคนี้จึงขอโอกาสขอบคุณสามีและลูกสาวทั้งสองอีกครั้งกับความเมตตาที่มีให้เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองคน รวมถึงญาติพี่น้องในตระกูล “ผลชีวิน” “ช้วนกุล”

ผู้เขียนจึงอยากบอกแนวทางการปฏิบัติง่ายๆคือการสวดมนต์ อยู่กับบ้าน ทำบ้านให้เป็นวัด ผู้เขียนเชื่อมั่นในการปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งจะนำพาให้ชีวิตเป็นสุขอย่างแท้จริง และอย่างน้อยผู้เขียนได้เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา แม้เพียงแค่ผงธุลีก็คงเป็นบุญกุศลให้กับผู้เขียนและครอบครัว ญาติพี่น้องบ้างไม่มากก็น้อย ผู้เขียนได้สัมผัสกับฝันอันเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาและเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงซึ่งหลายคนยังคงคิดว่าความฝันเป็นเรื่องราวเพ้อเจ้อไร้สาระเชื่อถือไม่ได้แต่ผู้เขียนขอยืนยันอีกครั้งว่าความฝันมีที่มาที่ไปอย่างมีเหตุผล แม้แต่ในคัมภีร์ สารัตถะ สังคหะของพระนันทาจาริย์ และพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานของคนไทย “พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า คนที่ฝันร้าย คือฝันเห็นสิ่งต่างๆที่น่ากลัว น่าหวาดกลัวนั้นเพราะเหตุที่ไม่มีสติสัมปชัญญะในเวลาหลับ แต่ผู้มีสติตั้งมั่นมีสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา แม้แต่เวลาหลับก็จะฝันเห็นสิ่งที่ดีอยู่เสมอ ไม่ฝันถึงสิ่งชั่วร้าย และน่ากลัวเลย”

ผู้เขียนเป็นคนชอบดนตรี ชอบร้องเพลง แต่งกลอน แต่งเพลง ตามประสาคนรักงานศิลปะ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เขียนไม่เคยรู้เลยว่า การร้องเพลงด้วยจิตใจที่เบิกบานแจ่มใสจะเป็นการช่วยกระตุ้นต่อมใต้สมอง ให้หลั่งสาร เอนดอร์ฟิน  ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา

เมื่อเข้ามาปฏิบัติธรรม ในวันที่หนึ่งเดือนเก้าปีสองพันห้าร้อยสี่สิบห้า ผู้เขียนก็เริ่มด้วยเสียงเพลงที่ครั้งแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบทเพลงที่ตัวเองฟังแล้วเพราะลึกซึ้งกินใจ ขนาดถามไถ่คนใกล้ชิดถึงได้รู้ว่า เป็นบทสวดมนต์ พระมหากรุณาธาริณียสูตร ของธิเบต ซึ่ง มหากรุณาธาริณีมนต์นี้เป็นพระคาถาอันบังเกิดจากความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์     อวโลกิเตศวร หากผู้ใดสวดควรที่จะมีความเมตตากรุณาด้วยจิตอันสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีความอาฆาตแค้นพยาบาท มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ดังพระโพธิสัตว์ จึงถือว่าได้สวดมนต์สาธยายพระคาถานี้ถูกต้อง

และอย่างเหลือเชื่อผู้เขียนเริ่มจากตรงนี้ และพูดปรารภกับหลายคนว่าทำไมของไทยเราไม่มีบ้าง? จนในที่สุดก็มีบทสวดมนต์เป็นเพลงไพเราะออกมาจำหน่ายในเวลาต่อมา ง่ายในการจดจำเด็กเล็กๆก็ยังท่องและจดจำได้ง่าย มิน่าเล่าเวลาพระสวดมนต์มีเสียงสูง-ต่ำ ตามพลังเสียงของพระแต่ละองค์ จึงเหมือนการประสานเสียงของตัวโน้ต โด เร มี ฟา ซอล ฯลฯ ของดนตรี ทำให้เราฟังแล้วเกิดความปิติสุข หากเราเข้าสมาธิได้ถึง เหมือนการฟังเพลงที่ไพเราะยังไงอย่างนั้น

มณีจันทร์ฉาย