คอลัมน์ในอดีต

ศรัทธาสร้างพลัง (8)

ศรัทธาสร้างพลัง (8)

11 เมษายน 2548

ผู้เขียนมองเห็นภาพเฟรมสำหรับวาดรูป มีเสียงบอกให้วาดภาพ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ฉลองพระองค์ด้วย เสื้อทรงแขนหมูแฮม พระพักตร์งดงามเหลือเกิน ผู้เขียนสะดุ้งตื่นด้วยความปิติ

ผู้เขียนจึงวาดภาพ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ในเวลาต่อมา ดังภาพฝัน

 

18 ตุลาคม 2548

ผู้เขียนฝันว่า ได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่5) ที่เจดีย์ทองคำ วัดราชบพิตร กันทั้งครอบครัว พระองค์ท่านประทับนั่งเหมือน พระราชานุสาวรีย์ ในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา แต่พระพักตร์เหมือนราวกับรูปปั้นที่น้ำตกพริ้ว ผู้เขียนนั่งอยู่ตรงกลางตรงกับพระองค์ ส่วนสามีอยู่ด้านซ้ายมือถัดมาเป็นลูกสาวคนเล็ก ส่วนขวามือคือสูกสาวคนโต และลูกชายคนเล็ก ผู้เขียนก้มลงกราบแล้วเหงยหน้ามองพระองค์ท่าน และพูดกับพระองค์ท่านว่า “ลูกรักและบูชาพระองค์ท่านเท่าชีวิต” พระองค์ท่านเอื้อมพระหัตถ์บีบมือทั้งสองข้างของผู้เขียนไว้แน่น แย้มพระสรวลและมีเสียงรับสั่งด้วยความเมตตาว่า พระองค์ท่านก็รักลูกเช่นกัน และขออวยพรให้ครอบครัวของลูก จงร่ำรวยสมความปรารถนา ความรู้สึกของผู้เขียนตอนนั้นเหมือนได้สัมผัสกับพระหัตถ์พระองค์ท่านจริงๆ สะดุ้งตื่นด้วยความปิติ

 

9 พฤศจิกายน 2548

มีเสียงบอกให้ทำตามเสด็จพ่อปิยะ ในเรื่อง นิมิตฝัน มองไปทางด้านขวาเป็นภาพหุ่นเสด็จพ่อปิยะ เหมือนเป็นท่ากระโดดจากที่สูงมีหุ่นให้เกาะและโดดลงพื้นได้อย่างปลอดภัย

 

10 พฤศจิกายน 2548

มองเห็นดอกบัวสีชมพูสวยงามมาก ระเบิดขึ้นไปบนฟ้าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แล้วหล่นลงมาที่มือทั้ง 2 ข้างของผู้เขียน(เหมือนเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงๆ) แล้วมีเสียงจากพระบอกให้นำดอกบัวสีชมพูเอาไปลอยน้ำ อย่าให้จม ซึ่งผู้เขียนยืนอยู่บนขอนไม้ แล้วสะดุ้งตื่น

 

คืนวันที่ 15 มีนาคม 2549

…ผู้เขียนหลับและฝันเห็นสถานที่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เป็นแนวคูคลองยาวมีร้านอาหารอยู่ตลอดริ่มฝั่งคลอง ภายในโรงเรียนสาธิตสวนสุนันทา มีพระรูปของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 6)ตั้งเด่นเป็นสง่า ฉากหลังเป็นน้ำตก มีข้อความเขียนไว้ว่า

ไม้ไผ่ยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ…สะดุ้งตื่น

 

คืนวันที่ 16 มีนาคม 2549

…ผู้เขียนหลับและฝันเห็น ปากกาหล่นอยู่ตรงสนามหญ้าคล้ายสนามเทนนิสจึงเก็บขึ้นมาดู เป็นปากกาสีทอง และมีเสียงร้องเรียกจาก ผศ.ดร.ดวงใจ พลอยดนัย บอกให้เด็กมาตามผู้เขียนไปลงทะเบียนเรียนหนังสือ ซึ่งผู้เขียนก็เดินจากตึก 1 (ตึกกรรณาภรณ์) ข้ามสนามฟุตบอลที่อยู่ด้านหน้าของพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ผู้เขียนก้มมองดูตัวเอง ผู้เขียนใส่ชุดคลุมท้องผ้าลายไทยสมัยโบราณ และต้องหันกลับไปที่ตึก 1 อีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงจากสุนีย์เพื่อนเก่าที่ขาพิการ พูดว่า ขนาดเค้าขาพิการยังเรียนหนังสือ (สุนีย์เป็นน้องของรุ่นพี่ชื่อ สุนันทา เทียมเพ็ชร เป็นศิษย์เก่าสวนสุนันทาเหมือนกัน)สะดุ้งตื่น

 

เช้าวันที่ 17 มีนาคม 2549

ผู้เขียนมิอาจรอช้า รุ่งเช้ามุ่งตรงสู่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาทันทีเพื่อพิสูจน์ว่าภาพที่เห็นในฝันมีจริงหรือไม่

โดยเล่าให้ ผศ.ดร.ดวงใจ พลอยดนัย, อ.ศุภลักษณ์ ฟังและเดินไปดูสถานที่พร้อมกัน มี อ.กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมกูร เดินตามไปด้วยซึ่งทุกอย่างเป็นอย่างฝัน ที่ขนลุกและต้องชะงักก็คือ พระรูปรัชกาลที่ 6 อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่เห็นในฝันและยังมีข้อความ ที่พระสถาปนา พุทธิวังโส(พระอาจารย์ติ๋ว) บันทึกไว้ว่า

“ไม้ไผ่ยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ คนทั้งหลายยังต่างความคิด บัณฑิตจึงรู้ว่าทุกข์เป็นสุข”

แล้วเราก็เดินกลับมาถึงใต้ต้นลีลาวดีสูงใหญ่อายุราว 100 ปี  หน้าตึกพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ (ตึก 27 )ก็พบ รศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ในเวลานั้น ท่านเอ่ยปากชวนให้มาเรียน VIP สาขาการจัดการคุณภาพ วันอาทิตย์ (วันอาทิตย์ ที่ 19 มีนาคม 2549) ซึ่งในใจยังนึกว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนั้นก็รู้สึกดีใจที่อาจารย์ให้เกียรติชวนให้มาเรียน แต่ผู้เขียนเองหมดไฟในเรื่องเรียนไปนานแล้ว ก็ได้แต่ขอบคุณ

หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัย ขับรถกลับบ้านก็ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมต้องฝันซ้ำๆ และพยายามคิดว่า ปริศนาธรรมอันนี้คืออะไรด้วยส่วนตัวผู้เขียนมีแต่ความรักความศรัทธาในองค์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงคิดว่าพระองค์ท่านคงมาชี้แนะแนวทางอะไรบางอย่างแน่นอน ด้วยความที่มีที่พึ่งอีกแห่งคือ หลวงพ่อปรีชา ธนวฑฺฒโก เจ้าอาวาสวัดเขาอิติสุคโต หัวหิน จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์ไปกราบนมัสการและเล่าเรื่องความฝันทั้งหมดให้ฟัง

หลวงพ่อพูดสั้นๆว่า “ไปทำหน้าที่”

มณีจันทร์ฉาย