แนวทางการวางแผนการตลาดของสนามกอล์ฟแบบยั่งยืน
แนวทางการวางแผนการตลาดของสนามกอล์ฟแบบยั่งยืน
วงการอุตสาหกรรมกอล์ฟของประเทศอเมริกา เป็นประเทศที่อยู่กับตัวเลขอยู่เสมอ
เขาเก็บข้อมูล เขารู้เสมอทุกปีว่ามีคนเล่นกอล์ฟใหม่เพิ่มขึ้นหรือน้อยลงเท่าไร โดยเฉพาะเยาวชน
เมื่อไรที่มีตัวเลขที่ลดลงเขาจะไม่นิ่งดูดายกัน อุตสาหกรรมทุกภาคส่วนจะร่วมมือช่วยเหลือกันเพื่อกระตุ้นให้ตัวเลขกลับมาคงเดิมหรือให้เพิ่มขึ้น
เพราะเขาเล็งเห็นว่า ถ้าเด็กๆมาเล่นกอล์ฟน้อยลงจะมีผลต่อจำนวนประชากรกอล์ฟภายภาคหน้าที่ลดน้อยลง
สิ่งที่เขาทำอยู่เสมอเป็นนโยบายร่วมกัน โดยเฉพาะสนามกอล์ฟ คือดึงให้เด็กในพื้นที่มาเล่นกอล์ฟหลังเลิกเรียน วันหยุด โดยเฉพาะเด็กๆในพื้นที่จะมีราคาถูกเป็นพิเศษ
หรือแม้แต่โปรสอน โปรแข่งที่ถือบัตรอย่างเป็นทางการ สนามจะให้ราคาเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นผู้ที่เป็นไอดอลของเด็กๆ และเป็นผู้สร้างนักกอล์ฟใหม่ๆให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทน
สำหรับในประเทศไทยเรา เท่าที่เราดูตัวเลขของคนที่มาเล่นกอล์ฟใหม่ พบว่า ผู้ใหญ่ที่มาเริ่มเล่นกอล์ฟใหม่เฉลี่ยจะมากกว่า 30 ปีขึ้นไปมีจำนวนมาก ผู้ใหญ่วัยที่มีเล่นกอล์ฟจำนวนน้อยได้แก่ 21-30
วิเคราะห์จากสาเหตุ เป็นเพราะวัยเลย 30 จะผ่านการมีครอบครัว มีบ้าน มีรถยนต์ มีหน้าที่การงานที่มั่นคงมากขึ้น มีเวลาที่จะมาเริ่มเล่นกอล์ฟได้
แต่คนที่เพิ่งจบการศึกษา เพิ่งเริ่มทำงาน เริ่มเก็บเงิน เริ่มสนใจจะมีรถยนต์ มีครอบครัว มีบ้าน เงินเดือนยังน้อย มีลูกเล็ก กลุ่มนี้จึงยังไม่พร้อมจะเล่นกอล์ฟ เพราะการจะเล่นกอล์ฟใหม่จะต้องทุ่มเทเวลา ทุ่มเงิน ซึ่งคนกลุ่มนี้จะทำได้ยาก
ดังนั้นกลุ่มคนที่เล่นกอล์ฟใหม่อายุน้อยๆ วัยทำงาน จึงขาดช่วงไป
แต่ถ้านึกใหม่ว่า ถ้าคนที่อยู่ในวัยทำงานใหม่ๆ เล่นกอล์ฟเป็นมาแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาฝึกหัด เลือกเวลาออกรอบได้อย่างเหมาะสม มีเวลาให้ครอบครัว จะยังคงเล่นบ้างเป็นเวลา เพื่อสังคม จะทำอย่างไร
โจทย์ไม่ยากครับ ก็ให้เขาเล่นกอล์ฟเป็นตั้งแต่เป็นเด็ก เป็นเยาวชนสิครับ
ถ้าทุกๆฝ่ายช่วยกัน ไม่ว่าสนามกอล์ฟ บริษัทไม้กอล์ฟและเสื้อผ้า โรงเรียนสอนกอล์ฟ โปรสอนกอล์ฟ ช่วยๆกันสร้างอย่างมีเป้าหมาย เช่น มีนักกอล์ฟเพิ่มเป็น 3 % ของประชากร ภายใน 5 ปี ซึ่งประมาณ 2 ล้านคน นึกดูเอากันเองว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมกอล์ฟบ้านเรา ขณะนี้มีแค่ 5-6 แสนคน ยังไม่ถึง 1%
ทุกวันนี้สนามกอล์ฟจะคอยช่วงไฮซีซั่น ประมาณ 3 เดือน จะมีนักกอล์ฟต่างชาติที่หนีหน้าหนาวตีกอล์ฟไม่ได้มาตีไทย แต่หลังจากนั้นต้องทำโปรโมชั่นเพื่อดึงลูกค้า ทำการตลาดปีต่อปี ซึ่งทำให้ผลประกอบการไม่ดีมาก
ถ้าสนามกอล์ฟตั้งโจทย์แต่เพียงว่า สนามสร้างมาราคาแพง จะมาให้เด็กๆเล่นราคาถูกได้อย่างไร อย่างนี้เรียกได้ว่า ไม่มีวิสัยทัศน์ หรือมองการไม่ไกล
อย่าลืมว่าเด็กๆ ในวันนี้อีก 10 ปี ก็เป็นผู้ใหญ่ มีการมีงานทำ ไม่ต้องคิดสนับสนุนเขาเฉพาะแค่เผื่อเขาจะเป็นนักกอล์ฟอาชีพหรอกครับ เอาแค่ว่าเด็กๆจะเติบโตไปประกอบอาชีพต่างๆ ก็มีแต่ส่วนดีกับสนามกอล์ฟในอนาคต
จะรอว่าให้รัฐบาลเลิกภาษีสรรพสามิต หรือลดภาษีสนามกอล์ฟที่เสียรวมๆแล้วประมาณ 30 % ลดลงก่อนแล้วค่อยสนับสนุนเด็ก คงจะมีหนทางน้อยกว่า การสนับสนุนเด็กก่อน เพื่อเอาไปอ้างให้รัฐเห็นว่า สนามช่วยให้เด็กได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำให้เด็กๆมีโอกาสอีกหลายๆทาง รวมทั้งให้เด็กได้มีโอกาสเป็นนักกอล์ฟอาชีพ สมควรที่จะเลิกภาษีสรรพสามิต
ก็คงได้แต่นำเสนอ และจะรอคอยว่าจะมีใครเป็นผู้นำในการเริ่มต้นทำ ผมจะได้สดุดี
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์