ดนตรีกับการเพิ่มความสามารถในการเล่นกีฬา (2)
ดนตรีกับการเพิ่มความสามารถในการเล่นกีฬา (2)
ในการประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ประเทศมาเลเซีย ที่ University of Science Malaysia ที่ได้มีโอกาสได้ไปบรรยาย แลกเปลี่ยนเรียนรู้และรับทราบผลการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการกีฬาในช่วงวันที่ 4-6 กันยายน ที่ผ่านมา ได้มีการพูดถึงดนตรีและการประยุกต์ใช้กับการออกกำลังกายและกีฬาที่น่าสนใจ เพื่อที่เราสามารถนำมาใช้ในการเพิ่มศักยภาพการเล่นกีฬา และการออกกำลังกายได้
เรื่องผลของดนตรีกับกีฬาได้มีการศึกษาและมีรายงานการวิจัยออกมาระยะหนึ่งแล้ว และมีการนำไปใช้ในหลายๆโอกาส ตัวอย่างง่ายๆที่เราอาจจะคุ้นเคย เช่น การมีเสียงดนตรีในห้างสรรพสินค้า จากเหตุผลที่ทำให้คนมาห้างสรรพสินค้า มีความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย ทำให้อยากที่จะใช้เวลาในห้างมากขึ้น ซึ่งก็หมายถึงโอกาสของการซื้อสินค้าที่มากขึ้น หรือการเปิดเพลงให้ผู้ชมการแข่งขันฟังขณะพักการแข่งขัน
อีกประเด็นคือจะเห็นได้ว่าดนตรีเป็นสิ่งสากล ที่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกที่คล้ายๆกันได้ ไม่ว่าคนฟังจะเป็นคนที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกัน เพราะไม่ว่าดนตรีจะมีหรือไม่มีเนื้อหา มีเฉพาะเสียงดนตรี มีความหนักเบาของดนตรี ความช้า-ความเร็วของจังหวะดนตรี หรือความดัง-ความค่อยของดนตรี ที่แตกต่างกัน ทำให้การรับรู้เสียงดนตรีมีผลต่อความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ฟัง ที่ต่างกัน
ตัวอย่างของนักกีฬาที่ใช้ดนตรีในการเสริมความสามารถในการเล่นกีฬาของตนเองที่เราคุ้นเคย เช่น นักกีฬาว่ายน้ำ Michael Phelps หรือ Sarina Williams ในกีฬาเทนนิส ฯลฯ จะเห็นว่าเมื่อนักกีฬาที่มีชื่อเสียงใช้ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความสามารถของตัวเอง ส่งผลต่อนักกีฬาอีกมากมายที่ฟังดนตรีก่อนการแข่งขัน หลังการแข่งขัน และระหว่างฝึกซ้อม
อย่างไรก็ตาม การฟังดนตรีของแต่ละคนเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน นักกีฬาหลายคนฟังดนตรีก่อนการแข่งขันเพื่อกระตุ้นตัวเองให้มุ่งมั่นทุ่มเท และมีพลังในการเล่น (Michael Phelps) ขณะที่นักกีฬาเทนนิสฟังเพลง Maniac จากวง Flashdance (Sarina Williams) เพื่อกระตุ้นตัวเองก่อนการแข่งขัน ขณะที่มีนักกีฬามวยสากลระดับโลกฟังเพลง Classic เพื่อเพิ่มสมาธิในการชก
อย่างไรก็ตาม การแสดงความสามารถในการเล่นกีฬา ต้องพิจารณาจาก ๑) ลักษณะของดนตรีที่ฟังที่เกี่ยวข้องเรื่องของจังหวะ เนื้อหา ทำนอง เครื่องดนตรี ฯ ๒) ขณะที่ลักษณะส่วนตัว/บุคลิกภาพของแต่ละคน อายุ เพศ กลุ่มคนฟัง ความคุ้นเคยกับเพลง ความสนใจ สมาธิของการฟัง ฯลฯ และ ๓) สถานการณ์ ณ เวลานั้น ที่เกี่ยวข้องกับเสียงดนตรีนั้น ว่าการฟังเป็นการฟังตอนไหนของการเล่นกีฬา การฟังนั้นทำไปพร้อมกับสิ่งที่กำลังทำหรือเปล่า เช่น วิ่ง ว่าย กระโดด ตามจังหวะเสียงเพลงหรือเปล่า และ ๔) ผลของการฟังดนตรีหรือเพลงจะส่งผลต่อนักกีฬาในหลายๆด้าน ได้แก่ ส่งผลต่อจิตใจของผู้ฟัง ต่อร่างกาย ต่อพฤติกรรม รวมทั้งการกระตุ้นและการใช้พลังงาน
การฟังดนตรี/เพลงที่เหมาะสมกับตัวเอง จะส่งผลต่อความสม่ำเสมอ ความเข้มข้นจริงจัง และระยะเวลาของการเล่น รวมทั้งช่วยส่งผลต่ออารมณ์และความจำของคนฟังผ่านการรับรู้ของสมอง ส่งผลต่อสมองส่วนหน้าที่จะกระตุ้นความอยาก ความต้องการ คุณค่าของตัวเอง รูปแบบของดนตรี ที่ใช้เพื่อการฟังดนตรีที่เกิดผลดีในการเล่น ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบและสรุปได้ว่าการเลือกเพลงที่เหมาะสม มีหลักการดังนี้คือ ๑) เลือกเพลงตามลักษณะหรือความชอบของตัวเอง ๒) นักกีฬาชายมีความชอบที่จะฟังเพลงที่มีเสียงทุ้มชัดเจน ๓) เพลงสำหรับวัยรุ่นมักจะเป็นเพลงปัจุบัน ที่กำลังได้รับความนิยม ๔) ในการออกกำลังกาย เพลงที่คนออกกำลังกายสามารถใช้ในการเพิ่มความสามารถในการออกกำลังกายคือเพลงที่มีจังหวะที่มีความเร็ว
หากเราคิดว่าการแสดงความสามารถของเรายังไม่ถึงระดับที่ควรจะเป็น อันเกิดจากความรู้สึกเฉื่อยชา ท้อแท้ ขาดความสนุก หรือเกิดจากความรู้สึกตื่นเต้น ขาดสมาธิในการเล่น การเลือกฟังดนตรีที่เหมาะสมกับตัวเองสามารถเป็นอีกทางเลือกหนึ่งทางด้านจิตใจที่สามารถนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวได้
ท่านชอบฟังเพลงแบบไหน ที่ทำให้รู้สึกดีกับการเล่นกีฬา กระตุ้นให้เราอยากเล่น ภูมิใจในการเล่น และดึงให้เราเล่นโดยไม่รู้สึกเหนื่อย ลองเลือกเอาใช้ประกอบการซ้อม การฝึกและการแข่งขันดูครับ
ผศ. ดร. นฤพนธ์ วงศ์จตุรภัทร
คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา
นายกสมาคมจิตวิทยาการกีฬาประยุกต์แห่งประเทศไทย