ครูบาอาจารย์
เขียน.. เมื่อมีลมหายใจ ๒
ครูบาอาจารย์
เปิดลิ้นชัก! เพื่อค้นหาเอกสารสำคัญที่น้องชายฝากเอาไว้ได้เจอครบทั้งหมด แต่ที่ขนลุกยิ่งไปกว่านั้น หนังสือชีวประวัติ พระครูปริยัติภาวนานิเทศก์ (วิ) (พระมหาโสบิน โสปาโก โพธิ หรือ พระอาจารย์ โสบิน ส.นามโท) เจ้าอาวาสวัดวังปลาโด พระวิปัสสนาจารย์ และที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ที่ฉันได้มีบุญทำหน้าที่เขียนชีวประวัติของท่านจนเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ จนท่านมรณภาพไปแล้ว ฉันยังนึกไม่ออกว่าได้เก็บหนังสือเล่มนี้ไว้ที่ไหน จนได้เจอในวันนี้ ฉันดีใจสุดๆ จึงขอคัดลอก บทนำ มาแบ่งปันกัลาณมิตรนะคะ
หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด ทุกอย่างเกิดจากเหตุและมีผลตามมาเสมอ…ส่วนผู้เขียนเองคิดว่า ธรรมะจัดสรรในทุกเรื่องราวไว้ก่อนแล้ว ซึ่งก่อนที่ผู้เขียนจะมีโอกาสพบกับพระภิกษุสงฆ์รูปงามน่านับถือเลื่อมใส นามหลวงพ่อโสปาโก โพธิ หรือทั่วๆไปเรียกกันว่า หลวงพ่อโสบิน หลวงปู่โสบินบ้าง
ก่อนรุ่งสางของวันที่ 30 กรกฎาคม 2547 ผู้เขียนเกิดนิมิตฝันว่าตัวผู้เขียนแบมือซ้ายชูขึ้นเพื่อรองรับพระธาตุที่เสด็จลงมาพร้อมดอกบัว 3 องค์ ผู้เขียนสะดุ้งตื่นด้วยความปิติยินดี และในวันๆเดียวกันนั้นเอง หลวงพ่อโสปาโก โพธิ หรือ หลวงพ่อโสบิน ก็ได้บินกลับมาเหยียบผืนแผ่นดินไทยพอดิบพอดี หลังจากเผยแพร่ศาสนาไปหลายต่อหลายประเทศทั่วโลก
ด้วยเหตุ…อันเป็นกุศลวันนั้นนั่นเองคุณเสถียร ทองบัวที่เป็นที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศของหนังสือพิมพ์กอล์ฟไทม์นำพาผู้เขียนให้ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อโสบินที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ซอยวัชรพล กรุงเทพมหานคร หลวงพ่อโสบิน ได้กล่าวถึงเรื่องราวในการสร้างองค์มหาเจดีย์พุทธคยาจำลองที่บ้านเกิดของหลวงพ่อ ที่บ้านวังปลาโด ต.วังใหม่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ผู้เขียน ตั้งจิตอธิษฐาน ศรัทธา อันแน่วแน่ทันทีที่จะเกาะบุญใหญ่สูงสุดของหลวงพ่อโสบินในครั้งนี้ เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาในฐานะผู้ผลิตสื่อซึ่งเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน
และเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2547 คณะผู้เขียนก็เดินทางไปกราบนมัสการ พระธาตุนาดูน
จ.มหาสารคาม ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่วัดวังปลาโด ต.วังใหม่ อ.บรบือ เพื่อดูสถานที่ก่อสร้างพระพุทธเมตตา (พุทธคยาจำลอง) อย่างที่บอกทุกอย่างเกิดจากเหตุ…เมื่อจุดเทียนที่ล้อมด้วยดอกลั่นทมที่ทั้งหมดทำจากเทียนล้วนๆ(หรือชาวบ้านเรียก จำปาลาว ปัจจุบันนิยมเรียกลีลาวดี) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดมหาสารคาม พระอาทิตย์ทรงกลด ฝนโบกขรพรรษ โปรยปรายให้ทุกคนในคณะประจักษ์ด้วยสายตา หลวงพ่อโสบิน เปล่งวาจา…เบื้องบนตอบรับแล้วลูกๆทั้งหลาย…
ผู้เขียนมิอาจรอช้าค้นคว้าศึกษา “ความฝัน” ทันที ซึ่งใครๆมักพูดว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ผู้เขียนต้องการพิสูจน์ด้วยตัวเอง และขอยืนยันว่า ความฝันมีที่มาที่ไปอย่างมีเหตุผลแน่แท้ อย่างในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมาย ฝัน: การนึกเห็นเป็นเรื่องราวเมื่อเวลาหลับ
ความฝันดี เกิดจากหัวใจที่สงบ ถ้าเราอยากฝันดีก็ควรจิตใจดี มีจิตเมตตาแก่ทุกคนก่อนจะถึงเวลาหลับ
ไม่ว่าจะเป็นประเทศฝรั่งเศส หนังสือ ลารูสค์ ก็บันทึกลงไว้ในดิคชั่นนารี่
ฝัน: หมวดหมู่ของความคิดและภาพทั้งหลายที่ปรากฏแก่วิญญาณในระหว่างนอนหลับ ความฝันที่มีอยู่เสมอตั้งแต่เราตั้งต้นหลับจนกระทั่งเราตื่นแต่บางคืนที่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ฝันนั้นแท้จริงแล้วเราฝันเหมือนกันแต่เราจำไม่ได้เอง
ประเทศอังกฤษ ก็บันทึกไว้ใน เซนจูรี่ ดิคชั่นนารี่
ฝัน: คือความรู้สึกอย่างรางๆถึงภาพและความคิดทั้งหลายบางส่วนในเวลานอนหลับ
ยิ่งประเทศอินเดียไม่ต้องพูดถึงเชื่อเรื่องฝันแน่นอน
ส่วนของไทย ในคัมภีร์ สารัตถะสังคหะของพระนันทาจาริย์ และพจนานุกรมราชบัณฑิตสถานของไทย “พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนที่ฝันร้ายคือ ฝันเห็นสิ่งต่างๆที่น่ากลัวน่าหวาดกลัวนั้นก็เพราะเหตุที่ไม่มีสติสัมปชัญญะในเวลาหลับ แต่ผู้ที่มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาแม้หลับแล้วก็จะฝันเห็นสิ่งที่ดีอยู่เสมอ ไม่ฝันถึงสิ่งชั่วร้ายและน่าหวาดกลัวเลย”
ความฝันที่เกิดกับทุกคนจากเหตุ 4 ประการ
1. โขภะธาโต วา แปลว่า ฝันเพราะธาตุพิการอันเนื่องด้วยกายและใจไม่เป็นปกติ จึงเกิดฝันขึ้นมา แต่ส่วนมากมักจะฝันแต่ไม่ค่อยดีนักจึงวิตก และกังวลต่างๆนานา
2. อนุรูตะปุพพะโตวา แปลว่า อารมณ์พะวักพะวนในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความจดจำ และคำนึงในเรื่องนั้นๆเมื่อหลับก็จะฝันในเรื่องนั้น
3. เทวโตปสังหรณ์โตวา แปลว่า เทวดามาบอกเหตุที่เป็นมงคล เมื่อเรามีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่มีริษยาอาฆาตอยู่ในอารมณ์ มีศีล มีสัจจะ มีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีความเกรงกลัวต่อบาป เมื่อเกิดเรื่องดีหรือเรื่องร้าย เทวดาท่านมักจะบันดาลให้เกิดเป็นนิมิตบอกเหตุให้เรารู้ไว้ล่วงหน้า เพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ไว้ต้อนรับแก้ไขสถานการณ์ให้ทันกับเวลาที่จะเกิดที่จะเป็น
4. ปุพพะนิมิตโตวา แปลว่า อำนาจกุศลดลให้ฝัน ด้วยบารมีที่เราทำบุญให้ทานอยู่เป็นเนืองนิตย์จึงทำให้จิตใจสะอาดเป็นกุศล ผลบุญอันนั้นจึงบันดาลบอกเหตุทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นให้รู้ตัวไว้ก่อนเช่นกัน
พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ผู้ประพันธ์เรื่อง “ความฝัน” ได้แปลข้อคิดในการทำนายฝันของต่างประเทศซึ่งเขียนโดย ท่านผู้หญิง เดอซีเร ซึ่งมีหลักเกณฑ์อย่างน่าฟัง จะต้องระวังที่จะไม่เอาความฝันอันเกิดจากร่างกายไม่ปกติหรือหัวใจที่ผูกพันอยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นมาเป็นความฝันที่เป็นบุพนิมิต คือบอกเหตุการณ์ล่วงหน้า และความฝันที่อาจเป็นบุพนิมิต ได้นั้น คือความฝันที่มีขึ้นตั้งแต่เที่ยงคืนถึงย่ำรุ่งเท่านั้น
ดังนั้นผู้เขียนคิดว่า หากท่านทำใจให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ละเว้นจากบาป ละอบายมุข จะอยู่เย็นเป็นสุข มีกินมีใช้ ไม่เจ็บป่วย และยังบันดาลให้นิมิตฝันดี
ผู้เขียนตั้งใจแน่วแน่ที่จะจัดทำหนังสือ ประวัติวัดวังปลาโด และประวัติ พระครูปริยัติภาวนานิเทศก์ (วิ) (พระมหาโสบิน โสปาโก โพธิ หรือ พระอาจารย์โสบิน ส.นามโท) เจ้าอาวาสวัดวังปลาโด พระวิปัสสนาจารย์ และที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เพื่อเผยแพร่ให้ชาวพุทธทั้งหลายได้รับรู้ถึงประวัติที่มาที่ไปโดยสมบูรณ์เพื่อที่จะได้เก็บรักษาไว้เป็นตำนานสืบไป
อนึ่ง นาม โสบิน (สุบิน) ซึ่งแปลว่า ความฝัน คุณตาสุวรรณ พุดหล้าซึ่ง เป็นใหญ่บ้านคนแรกของหมู่บ้านวังปลาโดในสมัยนั้น และได้เป็นผู้ตั้งชื่อให้เนื่องจากได้รับคำบอกเล่าจากพระอรหันต์ในบ้านผู้ให้กำเนิดหลวงพ่อโสบิน คือคุณแม่อินทร์ ซึ่งในขณะกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลาประมาณตีสอง ก็เกิดนิมิตฝันขึ้นว่า…มีวัตถุกลมๆยาวๆคล้ายบั้งไฟขนาดใหญ่มาก มีไฟพุ่งออกมาจากส่วนท้ายของวัตถุ ซึ่งคล้ายกับจรวดอวกาศในสมัยปัจจุบัน แต่สมัยก่อนคนที่นี่ไม่มีใครรู้จักจรวดจึงเปรียบลักษณะว่าคล้ายบั้งไฟใหญ่แต่ไม่มีหาง ได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและตกลงใส่หลังคาบ้านแม่หลวงพ่อ คุณแม่อินทร์ตกใจตื่นเพราะความฝันอันประหลาดนี้…จึงรีบเข้าไปหาคุณตาสุวรรณ และเล่าความฝันให้คุณตาสุวรรณฟัง คุณตาจึงได้ทำนายความฝันและบอกว่า….ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นบุพนิมิตที่ดี บุตรที่กำลังจะมาเกิดนั้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายตาขอตั้งชื่อไว้เพื่อเป็นมงคลตามความฝันว่า…สุบิน หรือ โสบิน… เปรียบเสมือนหนึ่ง ผู้มีบุญมาเกิดแล้ว…..
ครูบาอาจารย์ที่เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอิติสุคโต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เคยอบรมสั่งสอนผู้เขียนจนมีวันนี้ เคยพูดย้ำเสมอว่าให้ผู้เขียน อธิษฐานจิตเกาะบุญชายผ้าเหลืองหลวงพ่อโสบินองค์นี้ไว้ให้มั่นนะลูก ผู้เขียนจำได้อย่างขึ้นใจ
ผู้เขียนจึงขอน้อมนำบุญที่ทำหน้าที่ในภพชาตินี้ ขึ้นถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ญาติกาทั้งหลาย บูรพกษัตริย์ไทย วีรกษัตรีผู้กอบกู้ชาติกู้แผ่นดิน พระโอรส พระธิดา ตระกูลปู่ ตระกูลย่าตระกูลตา ตระกูลยาย ตระกูลพี่ตระกูลน้อง ตระกูลหลาน ตระกูลเหลน เทพยาดาฟ้าดิน 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ชั้นบาดาล กัลยาณมิตร เพื่อนพ้องน้องพี่ รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ให้ได้รับบุญรับกุศลเท่าๆกันกับผู้เขียนทุกประการ
หากมีข้อผิดพลาดประการใดผู้เขียนขอรับไว้แต่ผู้เดียว
สุชาภา ผลชีวิน


