ความทรงจำที่ต้องกลับมาย้อนคิด
ความทรงจำที่ต้องกลับมาย้อนคิด
ถึงเวลาหนึ่งผู้คนส่วนมากมักจะคิดถึงความหลัง หรือที่ชอบเรียกกันติดปากว่า “อดีต” ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็สรุปได้ว่า “เราสามารถมองเห็นความหลังได้จากความรู้สึกนึกคิด” แต่ภาพที่เราเห็นนั้น จะเป็นภาพสีหรือขาวดำ ก็สุดแท้แต่จะแต่งแต้มเข้าไปกันเอง หากอดีตที่ดีและงดงาม ภาพสีน่าจะเหมาะสม หากความหลังที่ “ขมขื่น” ขอเป็นภาพขาวดำแบบเป็นควันจางๆ ดีกว่านะครับ คล้ายหนังสยองขวัญอะไรแบบนั้น
ต้องยอมรับนะครับว่าครูไก่เองต้องออกจากบ้านมากว่า 50 ปีเข้าไปแล้ว จากราคา กุ้ง, ปู, ปลา โลละไม่กี่มากน้อย ก๋วยเตี๋ยวน้ำ 50 สตางค์ ราดหน้า 3 สลึง เหรียญ 50 สตางค์ เป็นดีบุกสีดำๆ กุ้งแชบ๊วยขนาดใหญ่ไม่น่าเกิน 20 บาท ปูทะเลขาวขนาดใหญ่ กิโลนึง ไม่เกิน 12 บาท… ลองคิดดูเล่นๆ นะครับ “เราเคยเอา กุ้ง, ปู, ปลา ไปขาย แบบเต็มลำเรือได้เงินมาไม่ถึงหมื่น… มันนานมากครับ… นานมาแล้ว
ส่วนผมมาเป็นเด็กรับใช้เพื่อแลกกับการศึกษาในเมือง ซึ่งมันก็ดีครับ การเรียนที่ต้องแลกด้วยแรงงานของเราเอง ความจริงบ้านผมก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองหลวงเท่าไหร่หรอกครับ แต่การเดินทางเมื่อก่อนต้อง “เรือ” อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีเรือก็ต้องเดินเอาครับ ช่วงเวลากว่า 15 ปีมานี่ผมเข้าบ้านน้อยมาก ขนาดเมื่อวันก่อนผมจำทางเข้าบ้านไม่ได้ จากทางเดินที่เป็น “ทางดิน” มันถูกสลับสับเปลี่ยนเป็น “ถนนปูน” ตั้งแต่เมื่อใดผมยังไม่รู้เลย ผมจำได้ว่าบ้านของผมจะต้องเป็นบ้านที่มองเห็นในระยะไกล แต่ปัจจุบัน ต้นหมากรากไม้ขึ้นเต็มไปหมด พร้อมทั้งบ้านช่องที่ผมไม่น่าจะรู้จักแน่นอน
ผมขับรถผ่านบ้านไปสองรอบ สุดท้ายก็ต้องถามผู้คนแถวนั้นว่า “บ้านของผมอยู่ไหน” ความจริงก็คือ เมื่อก่อนแถวๆ บ้านครูไก่ความจริงก็เป็นป่าแสมกับโกงกาง แซมด้วย ลำแบน, ลำพู แล้วก็ต้นจาก ช่วงหนึ่งที่กุ้งกุลาดำกำลังบูมสุดขีด ต้นไม้พวกนั้นก็จบชีวิตลง และถูกแทนที่ด้วย บ่อกุ้ง ถึงเวลานึง ความจริงก็ปรากฏขึ้น ผืนป่าชายเลนมันก็ทวงที่อยู่เดิมของมันคืน เมื่อบ่อกุ้งหมดสภาพลง จากบ่อกุ้งที่เคยรุ่งเรือง ทั้งแสมและโกงกางก็กลับมา และนี่คือที่มาของผมว่า “ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย”
จากบ้านที่อบอุ่นในยามเด็ก ปัจจุบันก็คงเหมือนเดิม ต่างกันก็เพียงบ้านจะเก่าลงไปนิดหน่อย พี่สาวกับพี่เขยก็อาวุโสขึ้นตามกาลเวลา แต่เรื่องที่เหมือนเดิมก็ตรงที่ ทั้งคู่ทิ้งงานที่นั่งทำ “เข้าครัว” จัดหาข้าวปลาอาหารให้ครูไก่ ซึ่งสำรับกับข้าวก็แค่ ปลาหมอเทศทอดกรอบ น้ำพริกกับผักสด และข้าวสวยร้อยๆ รสชาติยังคงเดิม ทั้งข้าวร่วนๆ น้ำพริกที่กลมกล่อม ความหอมมันของปลาทอด ส่วนบรรดาผักก็เด็ดๆ เอาจากข้างบ้านนั่นเองครับ ทั้งมะเขือ ถั่วฝักขาว แตงกวา มันเหลือเชื่อจริงไหม ทั้งๆ ที่รอบบ้านเราเป็นน้ำเค็มล้วนๆ
ลองมองย้อนกลับมาว่าก่อนหน้าผมทำอะไรอยู่ในเมืองหลวงกันนี่ ด้วยโครงการที่อยากจะทำมันสามารถสร้างขึ้นได้ที่บ้านผมเอง เรามัวแต่จะทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย แล้วก็มองหาที่ซึ่งผมคิดว่าเหมาะสม แล้วก็สรุปได้ว่า “เหมือนเตะหมูเข้าปากหมา” คือทำแทบตายให้ใครก็ไม่รู้เอาไปกินฉิบ… สรุปได้ว่า เรื่องราวที่อยู่ในสมองสุดท้ายก็มาลงที่บ้าน มาจบที่ชุมชนเดิม ทั้ง ขนม, อาหาร,การเลี้ยง ปู หรือ ปลา ผมสามารถจัดการได้ที่นี่ ที่เดียวเท่านั้นเอง
ณ ปัจจุบัน ปูทะเลขนาดโตเต็มที่ ตัวนึงก็พันบาททอนนิดหน่อย แล้วแนวคิดที่ผม “น้อมนำการปลูกป่าของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้” ผมรู้แล้วว่าทุกอย่างจะไปได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน ตอนนี้สมองของผมกำลังคิดถึงอาชีพการเกษตร บวกกับฝีมือการทำอาหารของบรรดาพี่ๆ ที่มีอยู่ ทั้ง คาว หวาน เราพอสู้กับใครได้ทั้งนั้น แล้วเรื่องของกีฬาที่ผมอยู่กับอาชีพนี้มากว่า 30 ปี ก็คงไม่ทิ้งอย่างแน่นอน เพียงแต่รอเวลาให้เข้าที่เข้าทางก่อนตอนนี้
ด้วยความรู้ความสามารถที่บรรดาพี่น้องของครูไก่มีอยู่แล้วนั้น เชื่อเหลือเกินว่า “อดีตคือความหลังที่เรามีกัน ทุกคนจะนำพาความสุขมาสู่ครอบครับ” ดังนั้นเรื่องแบบนี้มักจะเกิดกับใครก็ได้ ความลงตัวของชีวิตบางทีไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลๆ นักหนา เพียงคิดถึงอดีตที่ยิ่งใหญ่ของใครบางคน แล้วนำมาปรับใช้ให้ถูกต้องตรงกับใจของเรา
กว่าเดือนที่ครูไก่ครุ่นคิดถึงคำสอนของ “องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9” ทุกอย่างล้วนเป็นจริงทั้งสิ้น คราวใดที่เกิดเงื่อนปมของความคิดที่ต้องแก้ออกให้ได้ สุดท้ายก็จบลงที่คำสอนจาก “พ่อของแผ่นดิน” แทบจะทุกเรื่องกันเลยทีเดียวครับ มันจบลงแบบไม่ลำบากยากเย็นอะไรนัก
ลองดูนะครับ ความทรงจำที่เรามีต่อ “พระองค์ท่าน” จะนำพาเอาแสงสว่างมาสู่ใครก็ตามที่มองไม่เห็นอนาคตนะครับ
ลำพอง ดวงล้อมจันทร์